บทที่ 278 ข้อตกลง
ภรรยากำลังมองเขาอยู่ เขาต้องวางท่าให้ดี …เว่ยฉิงแอบคิดในใจ เขาต้องการให้ภรรยาหลงใหลในตัวเขาให้มากขึ้นกว่าเดิม ต้องมัดใจนางให้อยู่ !
ถังหลี่ “….”
หญิงสาวลูบใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะละทิ้งความคิดก่อนหน้านี้ ไม่ว่าภายนอกสามีของนางจะเปลี่ยนไปเช่นไรจะหลอกคนอื่นได้มากเพียงไหน แต่สำหรับนางแล้วเว่ยฉิงยังคงเป็นเจ้าหมาตัวใหญ่ไร้เดียงสาอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เว่ยฉิงเลิกทำท่าแบบนั้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าเย็นชา
หานอี้ยืนอยู่ด้านนอกพร้อมกับอาหารเช้า
“นายท่านขอรับ” เขาก้มหัวลงกล่าวอย่างเคารพ เว่ยฉิงรับอาหารเช้าก่อนจะปิดประตู สามีภรรยาทานอาหารเช้าด้วยกัน
“เว่ยฉิง ท่านอยากไปเจอลูก ๆ หรือไม่?” ถังหลี่ถาม
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เว่ยฉิงจะได้กลับมาอีกทั้งไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ?
ความคิดที่อยากเจอเด็ก ๆ วาบผ่านเข้ามา
แต่แล้วเขาก็ส่ายหน้า ครั้งนี้เขาฝืนคำสั่งของท่านลุงที่ห้ามไปเจอใครเพื่อที่จะไม่เป็นการเปิดเผยตัวตนของเขา แค่นี้ท่านลุงก็….
เว่ยฉิงส่ายหัวไปมา
ถังหลี่เข้าใจถึงความหมายของเขา
“ลูก ๆ ทุกคนสบายดี สามี เมื่อไหร่พวกเราจึงจะได้พบกันอีก?
“เมื่อข้าแข็งแกร่งพอ ท่านลุงจะมอบตัวตนใหม่ให้ข้า หลังจากนั้น…” เสียงของเว่ยฉิงหยุดชะงักชั่วคราว
ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาทั้งสองคนยังไม่เหมาะที่จะพบกันในเวลานี้ ศัตรูที่เขาต้องเผชิญหน้ามีพลังอำนาจมากเกินไป ทั้งยังเป็นการชักนำอันตรายมาสู่ลูก ๆ และภรรยาของเขา
เวลาที่เหมาะสมก็คือหลังการแก้แค้นสำเร็จลุล่วงแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่?
ถังหลี่มองเว่ยฉิง
ถ้าพูดแบบหยาบคายก็เหมือนว่าสามีของนางยกก้นขึ้นก็รู้แล้วว่าจะผายลม ตอนนี้นางสามารถรู้ทันความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี
“สามี ไม่ว่าศัตรูจะทรงพลังเพียงใด พวกเราจะเผชิญหน้าไปพร้อมกันข้าเป็นปลาหลี่ไม่ใช่ดอกไม้ที่แสนอ่อนแอน่าสมเพชเหล่านั้น” ถังหลี่กล่าว
นอกจากนี้ยังมีกู้อิ๋น….
เมื่อสามีของนางแข็งแกร่งมากพอ คงถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องไปเมืองหลวงเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูตัวต่อตัว เว่ยฉิงมองดูภรรยา ใช่แล้ว ! ฮูหยินของสกุลเว่ยก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน เขากอบกุมมือเล็ก ๆ ของนางไว้จุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาว
“สองหรือสามปี” เว่ยฉิงกล่าว “เร็วสุดสองปี”
ความปรารถนาที่จะได้อยู่กับถังหลี่คือแรงจูงใจในการทุ่มเทอย่างหนักของเว่ยฉิง
สองปี…
สำหรับปลาหลี่อย่างนางนั้น สองปีเป็นเพียงชั่วเวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ทว่าการตกหลุมรักใครสักคนและต้องอยู่ห่างไกลกันนั้น สองปีช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน
ถังหลี่พิงหน้าอกแข็งแกร่งของเว่ยฉิงโดยไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
ชายหนุ่มรู้ว่าภรรยาของเขานั้นกำลังเศร้าใจ เขาเชยคางของนางขึ้นจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า วันนั้นทั้งสองคนอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน จนกระทั่งตอนเที่ยงหานอี้ที่อยู่บนหลังคาถึงกับเกาหัว
ตามข้อตกลงแล้วพวกเขาควรกลับไปที่ฉิงโจวตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ก็อยู่ต่ออีกหนึ่งวัน ดูเหมือนว่าจะยังไม่กลับง่าย ๆ เขาทำได้แค่เดินไปเคาะประตูห้องของเว่ยฉิงเพื่อเตือน
ถังหลี่ได้ยินเสียงเคาะประตู นางรู้สึกไม่สบายใจและรู้ว่าเว่ยฉิงควรออกเดินทางได้แล้ว
แต่ถังหลี่คิดถึงเว่ยฉิงมากจริง ๆ…
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ได้กลิ่นกายที่คุ้นเคย ก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมแขนของเว่ยฉิง นางเงยหน้าขึ้นสบสายตาของเขาเพื่อจดจำไว้ในหัวใจ
“เว่ยฉิง ท่านต้องไปแล้วใช่ไหม?”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถอะ””
เว่ยฉิงรู้ว่าตอนนี้เขาต้องไปแล้ว แต่เขาไม่สามารถขยับเท้าของตัวเองได้เลย
“ไม่ต้องห่วงข้ากับลูก ๆ พวกเราสบายดี ถ้าเป็นไปได้ก็มาหาข้าบ้างล่ะ” ถังหลี่ยิ้มหวาน
ในตอนนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเตือนอีกครั้ง ลูกกระเดือกของเขาขยับก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“อืม ข้าไปก่อนนะ”
ช่างเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเว่ยฉิงที่จะทำแบบนี้
ถังหลี่รู้ว่ายิ่งประวิงเวลามากเท่าไหร่ เขาจะต้องเร่งเดินทางให้เร็วมากขึ้นเท่านั้น นางไม่สามารถทนให้เว่ยฉิงของนางเหนื่อยเกินไปได้ หญิงสาวกัดฟันก่อนจะผลักเว่ยฉิงออกไปนอกประตู เขายัดของบางอย่างใส่มือถังหลี่ไว้ และปิดประตูลง
ชายหนุ่มทอดสายตามองประตูอยู่นานสองนานอย่างไม่อยากจะจากไป ในที่สุดเขาจึงตัดใจเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
ถังหลี่หลับตาอยู่หลังบานประตูฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ นางหวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของเว่ยฉิงจะปลอดภัย
ถังหลี่ไม่ได้ออกจากห้องทันที นางนั่งลงบนเตียงในห้องนี้ยังมีกลิ่นอายของสามีของนางอยู่ ถังหลี่ถือกล่องสองใบที่เว่ยฉิงให้ไว้ ก่อนจะตัดสินใจเปิดกล่องใบใหญ่ ด้านในนั้นเป็นของสี่อย่างด้วยกัน มีที่ใส่พู่กันสองชิ้น ไม้ที่แกะสลักเป็นรูปลูกสุนัข หมูน้อยที่อ้วนท้วน ของสามสี่ชิ้นนี้สำหรับเด็ก ๆ ทั้งสี่คน
นางเปิดกล่องใบเล็กขึ้นมาดูพบว่ามีปิ่นปักผมทำจากไม้แกะสลัก หญิงสาวหยิบมันขึ้นมา ปิ่นด้ามนี้มีกลิ่นหอมสลักอย่างประณีต เป็นปลาหลี่สีสันสดใสงดงาม เมื่อคิดถึงยามที่สามีของนางใช้มีดค่อย ๆ แกะมันอย่างระมัดระวังและตั้งใจ…มุมปากของถังหลี่ก็ยกยิ้มขึ้น
ถังหลี่ลูบปิ่นปักผมและนั่งลงอย่างเหม่อลอย ยังไม่ทันตกบ่ายนางก็ตัดสินใจออกจากโรงเตี๊ยม กลับไปที่บ้าน เมื่อนางผลักประตูบ้านเข้าไป ที่สนามของบ้าน ซานเป่าและตู้เสี่ยวไป๋กำลังชกต่อยกระสอบทรายด้วยกำปั้นน้อย ๆ เด็กทั้งสองเหงื่อออกท่วมตัว เมื่อเห็นมารดากลับมาดวงตาของซานเป่าเปล่งประกาย นางรีบวิ่งมาหามารดาทันที
“ท่านแม่…” เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นออดอ้อนเสียงหวาน
ถังหลี่มองใบหน้าน้อย ๆ ของลูกสาวที่มีแต่เหงื่อ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน
ตู้เสี่ยวไป๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตัวเขาแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว แต่น้องสาวยังไม่ยอมเลิกซ้อมง่าย ๆ แล้วเสี่ยวไป๋จะหยุดได้อย่างไร? โชคดีที่ตอนนี้ซานเป่าหยุดฝึกซ้อมแล้ว เขาจึงได้พักบ้าง
“ท่านแม่” จู่ ๆ ซานเป่าก็คว้ามือของถังหลี่ให้โน้มเข้ามาใกล้ ก่อนจะสูดดมกลิ่นที่เสื้อผ้าของนาง
“ข้าได้กลิ่นท่านพ่อ…ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือ?” ดวงตาของซานเป่าวาววับ
เจ้าตัวเล็กของนางจมูกไวเสียจริง ซานเป่าคงคิดถึงพ่อมาก แต่…
“ใช่ หากเจ้าเข้านอนเร็ว เจ้าจะเจอท่านพ่อ”
ซานเป่าขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มตอบ
“เจ้าค่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันจะเริ่มลาขอบฟ้าแล้วอีกไม่นานก็เป็นเวลาค่ำ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งมีความสุข ในตอนค่ำวันนั้นซานเป่ารีบอาบน้ำอย่างไม่อิดออดก่อนจะเข้านอนเร็วกว่าปกติ
ถังหลี่มองใบหน้ายามหลับใหลของลูกสาว ซานเป่ากำผ้าห่มของนางไว้แน่นดูเป็นเด็กดีมาก หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา บุตรสาวของนางทั้งน่ารักและเชื่อฟัง
ถังหลี่หวังว่าซานเป่าจะได้นอนหลับฝันถึงบิดาในคืนนี้
หญิงสาวก้มลงจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผาก ก่อนจะวางลูกหมูไม้ลงบนเตียงของซานเป่าแล้วหันหลังออกจากห้องไป