บทที่ 279 ห้ามสุนัขและจิ่วถิง
เมื่อซานเป่าตื่นขึ้นในตอนเช้า นางเห็นหมูแกะสลักอยู่บนหัวเตียง ดวงตาของเด็กหญิงเปล่งประกายทันที ท่านพ่อของนางกลับมาแล้วจริง ๆ! ซานเป่าอุ้มหมูไม้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะวิ่งออกจากห้องนอนอย่างมีความสุข นางเล่าเรื่องนี้ให้มารดาฟัง หญิงสาวมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ของบุตรสาวที่มีความสุข ก่อนจะลูบหัวนางเบาๆ
สักวันหนึ่งซานเป่าจะต้องได้เจอกับท่านพ่ออีกครั้ง!
……
กิจการร้านอาหารหนิงเฟิงนั้นกำลังดำเนินไปด้วยดี หม่าเฉิงดูแลทุกอย่างในครัวหลังร้าน เนื่องจากอาหารของตระกูลติงนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองเหอตง ด้วยเหตุนี้โต๊ะในร้านจึงโดนจองเต็มทุกวัน
ส่วนคนที่หลูหลิงฝึกขึ้นมานั้นก็มีฝีมือค่อนข้างดีและสามารถทำงานได้ แน่นอนว่าหลูหลิงนั้นฝึกฝนเพียงห้าคนเท่านั้น แต่นั่นยังไม่พอ ยิ่งกว่านั้นยังมีภารกิจสำคัญกว่าคือการรวบรวมข้อมูล ถังหลี่จึงเลือกคนทั่วไปมากกว่าสิบคนมาช่วยงานเขา ทำให้ถังหลี่ไม่ต้องทำงานมากนัก นางจึงมีเวลาไปร้านอาหารเกือบทุกวัน
วันนี้ในขณะที่ถังหลี่กำลังอยู่ในครัวเพื่อพูดคุยกับหม่าเฉิง จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“นายหญิงขอรับ มีบางอย่างเกิดขึ้นข้างนอก ท่านควรออกไปดู”
ถังหลี่กำลังเดินออกไปก็ได้ยินน้ำเสียงก้าวร้าวมาแต่ไกล
“เจ้ารู้ไหมว่าชายคนนี้คือใคร? เขาคือท่านจิ่วถิงที่โด่งดัง ในเมื่อเขาต้องการโต๊ะเหตุใดจึงให้ไม่ได้?”
“โต๊ะของเราถูกจองเต็มหมดแล้วขอรับ ไม่ว่าจะเป็นใคร คนที่มาก่อนย่อมได้ก่อนจริงไหม?”
“มาก่อน? ท่านจิ่วถิงของเราเป็นคนธรรมดาหรือ? เจ้าไม่ให้เกียรติท่านจิ่วถิงเช่นนี้ ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับบัณฑิตทั้งหมดในเหอตงหรือ?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ พนักงานที่หยุดท่านจิ่วถิงไว้ก็หน้าซีดลง
ร้านอาหารหนิงเฟิงแห่งนี้หรูหราที่สุดใน เมืองมีบัณฑิตมากหน้าหลายตามาใช้บริการ หากเสียลูกค้ากลุ่มนี้ไปจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โต เขาไม่สามารถแบกรับความผิดพลาดเช่นนี้ได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทุกคนหันมองเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามยืนอยู่
“เถ้าแก่เนี้ยขอรับ” ชายคนนั้นรีบพูดขึ้น
ก่อนที่ถังหลี่จะได้พูดอะไรออกมา ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างท่านจิ่วถิงพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“ท่านเป็นเถ้าแก่เนี้ยของร้านนี้หรือ? ท่านอาจารย์จิ่วถิงต้องการห้องส่วนตัว รีบไปหาห้องว่างมาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย”
ชายหนุ่มผู้นี้ทำหน้าที่ติดตามท่านจิ่วถิง เขารู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจมาก เพราะท่านจิ่วถิงมีอิทธิพลในเมืองเหอตง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนย่อมได้รับการต้อนรับที่ดี วันนี้เป็นครั้งแรกที่ถูกปฏิเสธ ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าช่างหยาบคาย ไม่ให้เกียรติท่านจิ่วถิง…”
ใบหน้าของคนงานร้านหนิงเฟิงซีดลง
ท่านจิ่วถิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ในเมื่อร้านอาหารแห่งนี้ไม่มีห้องส่วนตัวก็ลืมมันไปเสีย ข้าคิดว่าร้านอาหารของท่านดูดี แต่ก็เท่านั้นแหละ ร้านของท่านไม่มีความเคารพต่อบัณฑิตเลย พวกเราเหล่าบัณฑิตคงไม่กล้าที่จะมาทานมื้อเย็นที่ร้านของท่านอีกแล้ว”
คนงานในร้านเริ่มตื่นตระหนกเขาหันมามองถังหลี่ทันที เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ร้านส่วนใหญ่มักจะเลือกขับไล่คนงานออกเพื่อเอาใจลูกค้า หากจะหางานใหม่คงเป็นเรื่องยาก ถ้าเขาโดนไล่ออก..
“ท่านเป็นบัณฑิตที่ไร้เหตุผลอย่างนั้นหรือ?” ถังหลี่ยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า
“คนงานของข้าก็บอกแล้วว่าโต๊ะโดนจองเต็มทั้งหมด แต่ท่านยังยืนกรานที่จะให้เขาหาห้องว่างมาให้ท่านอีก บัณฑิตเอ๋ย ท่านไม่เข้าใจหลักของการมาก่อนได้ก่อนด้วยซ้ำ คนแบบท่านสมควรเรียกตัวเองว่าบัณฑิตหรือ?”
เมื่อถังหลี่พูดเช่นนั้นทุกคนตกใจมาก
ช่างหยาบคายจริงๆ…
พนักงานในร้านรู้สึกโล่งอกและซาบซึ้งใจ
บ่าวรับใช้ของท่านจิ่วถิงพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“เจ้า!…นายท่านของข้าคือท่านจิ่วถิง! แต่เจ้าบอกว่าเขาไม่คู่ควรจะเป็นบัณฑิตงั้นหรือ?!”
“ข้าไม่สนใจว่าท่านจิ่วถิงของเจ้าจะเป็นใคร หากเขายังทำตัวไร้เหตุผล ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นบัณฑิตที่มีเกียรติ!”
“นี่!”
ถังหลี่กอดอกเชิดคางท่าทีโอหังราวกับประกาศว่า ‘เจ้าจะทำอะไรข้าได้?’
ในที่สุดคณะของท่านจิ่วถิงจึงได้เดินจากไปอย่างเหงาหงอย
“เถ้าแก่เนี้ยขอรับ..” คนงานเรียกถังหลี่
เขามีความสุขมากที่เถ้าแก่เนี้ยเลือกที่จะยืนหยัดให้ลูกจ้างเช่นเขา
แต่การทำให้ท่านจิ่วถิงขุ่นเคือง…
ขนาดเขายังรับรู้ถึงอิทธิพลของชายผู้นั้น
“เจ้าทำอีกงานอย่างหนึ่งให้ข้า” ถังหลี่กล่าว
“อะไรหรือขอรับ?” เขารีบถาม
“ติดป้ายว่า ‘ห้ามชายที่ชื่อจิ่วถิงและสุนัขเข้าร้านโดยไม่ได้รับอนุญาต’” ถังหลี่กล่าว
นางเก็บความคับแค้นเอาไว้ในใจเมื่อนานมาแล้ว นางยังจำได้ดีว่า ‘ท่านจิ่วถิง’ ผู้นี้เคยตบหน้าต้าเป่าอย่างไร คนเช่นนี้หรือจะก้าวเข้ามาในร้านอาหารของนาง
ถังหลี่ไม่พอใจ
“ขอรับ?” ลูกจ้างตกตะลึง
นั่นคือท่านจิ่วถิง จะให้ติดป้ายแบบนั้นจริง ๆ หรือ? การที่ทำให้ท่านจิ่วถิงขุ่นเคืองเช่นนี้ แม้จะดีใจอยู่ชั่วขณะแต่ย่อมไม่เป็นการส่งผลดีต่อร้านในระยะยาวเป็นแน่
“เร็วเข้าสิ เหตุใดยังยืนอยู่ตรงนี้เกิดอะไรขึ้นข้ารับผิดชอบเอง” ถังหลี่กล่าว
ชายผู้นั้นรีบวิ่งไปทำตามคำสั่งทันที
….
ตอนนี้ท่านจิ๋วถิงกำลังจะสำลักความโกรธตาย เขากำลังรอให้เจ้าของร้านคนนั้นสำนึกผิด แต่ไม่คิดเลยว่านางจะติดป้ายราวกับว่าเขาเป็นสุนัข!
ช่างเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!
ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังของท่านจิ่วถิงทำให้เขาใช้ชีวิตราวกับปลาได้น้ำในเมืองเหอตง ผู้คนมากมายยกย่องเขา จนพาลคิดไปว่าตัวเขานั้นมีความสามารถจนอาจเทียบชั้นได้กับท่านจิ่วถิงตัวจริงด้วยซ้ำ
ปกติแล้วคนเหล่านี้จะปฏิบัติต่อเขาอย่างนอบน้อมทั้งเคารพและเชื่อฟัง ไม่เคยมีใครกล้าล่วงเกินเขามาก่อน ท่านจิ่วถิงโกรธมาก แม้ว่าเขาจะพูดเป็นนัยว่าบัณฑิตไม่ควรไปเหยียบร้านอาหารแห่งนี้ ซึ่งน่าจะทำให้มีผลกระทบกับร้าน แต่ลูกค้าของร้านยังคงแน่นอยู่เช่นเดิม เรื่องนี้ทำให้เขาถึงกับงุนงง
เขาสืบจากคนรอบตัวว่าเจ้าของร้านผู้นั้นคือใคร?
“นายท่านขอรับ ร้านอาหารแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากท่านเจ้าเมืองในวันที่เปิดร้าน ท่านเจ้าเมืองก็ไปขอรับ”
ท่านจิ่วถิงได้ยินก็ประหลาดใจ
“มีเจ้าเมืองหนุนหลังหรือ?…” ก่อนจะพึมพำว่า
“ไม่แปลกที่นางจะหยิ่งผยอง”
ในกรณีแบบนี้เขาไม่สามารถทำอะไรร้านนี้ได้อย่างเปิดเผย
“นายท่านขอรับ ท่านจำเว่ยจื่ออั๋งได้ไหมขอรับ” บ่าวรับใช้ถาม
จิ่วถิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ แต่เขานึกไม่ออก
“คนที่ชนะการสอบในปีนี้ ที่ท่านถามคำถามแต่เขาตอบได้ไม่ดีนัก” บ่าวรับใช้พูดย้ำเตือน และจิ่วถิงก็นึกออกทันที
“เป็นเขานั่นเอง…เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“เถ้าแก่เนี้ยร้านอาหารหนิงเฟิงเป็นมารดาของเว่ยจื่ออั๋งขอรับ” บ่าวพูด
นายท่านจิ่วถิงจำเรื่องนี้ได้ทั้งหมดแล้ว
ย้อนกลับไปในวันนั้นที่จูเซียนจู ผู้หญิงคนนั้นไม่ไว้หน้าเขาและลากเว่ยจื่ออั๋งและศิษย์คนอื่นจากไป!
นางต้องการแก้แค้นหรือ?
ศิษย์จากสำนักศึกษาหลวงสินะ
ดี! ในเมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรร้านอาหารหนิงเฟิงได้ เขาจะทำให้เด็กทั้งสองคนนั้นออกจากสำนักศึกษา? รอยยิ้มมุ่งร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ข้าจะไปบรรยายให้กับศิษย์ของสำนักศึกษาหลวง…”
ข่าวที่ท่านจิ่วถิงจะมาบรรยายให้ศิษย์ในสำนักศึกษาหลวงฟังได้แพร่กระจายไปทั่วสำนักอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงของท่านจิ่วถิงโด่งดังมากในเมืองเหอตง บัณฑิตทั้งหลายต่างให้ความเคารพเขา เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้รับฟังการสอนของเขาเป็นการส่วนตัว แต่การบรรยายแบบนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากกว่า!
ดังนั้นทันทีที่มีข่าวออกมาก็เกิดกระแสฮือฮาขึ้นในเมืองเหอตง
“พวกเราต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี”
“การได้คำแนะนำจากท่านจิ่วถิง ดีกว่าการอ่านหนังสือสามปีเชียวนะ”
“ข้าได้รับคำเชิญจากท่านจิ่วถิง พวกเจ้าได้รับไหม?”
“ข้าได้รับ”
“ข้าด้วย”
โดยพื้นฐานแล้วนั้นศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาหลวงย่อมต้องได้รับคำเชิญจากจิ่วถิงยกเว้นแต่เด็กสามคน เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย และ จั๋วชู