จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 416-420

ตอนที่ 416-420

บทที่ 416 : จากบ้าน (1)
  ”ที่จริงเสี่ยวผางก็เป็นเด็กน่ารักนะ”
  ไป๋หยานหันไปมองหวังเสี่ยวผางซึ่งยืนนิ่งอึ้งพลันมุมปากของนางก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย “เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนเพียงไม่กี่คนของเฉินเอ๋อ”
  อย่างไรเสียหวังตี้จวินก็ไม่เคยมองหวังเสี่ยวผางในแง่ดีถึงเขาจะได้ยินคนกล่าวชื่นชมบุตรชาย แทนที่เขาจะยิ้ม เขากลับพูดสวนทันทีว่า
  “การได้บุตรชายถือเป็นพรจากสวรรค์ข้าใฝ่ฝันว่าจะมีบุตรที่เชื่อฟังเป็นเด็กดีเช่นไป๋เสี่ยวเฉิน เสี่ยวเฉินแตกต่างจากบุตรชายของข้าอย่างสิ้นเชิง บุตรชายของข้าทำให้ข้าเดือดร้อนได้ทั้งวัน !
  หวังเสี่ยวผางได้แต่งงงัน
  นี่ข้าเป็นลูกชายของพ่อจริงๆ งั้นหรือ ? ข้าไม่ได้ถูกเก็บมาเลี้ยงใช่ไหม ?
  นี่พ่อไม่ชอบลูกชายของตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?
  ”ว่าแต่แม่นางไป๋ ท่านมาหาข้าในวันนี้มีเรื่องสำคัญใดหรือ ?” หวังตี้จวินยิ้ม เขาเอ่ยถามเพื่อดึงหัวข้อสนทนากลับมา
  ไป๋หยานยิ้ม”ข้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลหวังของตำหนักเซียนพยับหมอกมานานแล้ว ข้าจึงอยากตามไปเยี่ยมบ้านสกุลหวังด้วยจะได้หรือไม่ ? ข้าเองก็ทำการค้ากับตระกูลหวังมานานพอสมควร ทว่ากลับไม่เคยไปเยี่ยมเยือนเลย”
  ชั่วขณะนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของหวังตี้จวินพลันเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน นัยน์ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ขณะเอ่ยถามว่า “แม่นางไป๋ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของข้าได้อย่างไร ?”
  ฐานะแท้จริงของข้าไม่น่าจะมีผู้ใดในอาณาจักรหลิวฮั่วนี่ล่วงรู้
  ”อย่าลืมสิว่าหอบุปผาเป็นของข้า ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาว่า บุตรชายคนรองของตระกูลถูกขับออกจากบ้านสกุลหวัง หากแต่ข้าไม่ทันคาดคิดว่า คนผู้นั้นจะกลายมาเป็นเพื่อนบ้านของข้าเอง”
  ตระกูลหวังอยู่ภายใต้อาณัติของตำหนักเซียนพยับหมอกซึ่งเป็นหนึ่งในสามสำนักใหญ่ของดินแดนนี้
  อย่างไรก็ตามตระกูลหวังมีหน้าที่ปกป้องทางเข้าสู่ตำหนักเซียนพยับหมอก กล่าวคือ บ้านสกุลหวังเป็นนายทวารของตำหนักเซียนพยับหมอก
  แต่แม้จะเป็นเพียงแค่นายทวารหากพิจารณาถึงพลังอำนาจของตำหนักเซียนพยับหมอกแล้ว แม้จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือสำนักเวชโอสถต่างก็ไม่อาจลงมือกับตระกูลหวังโดยไร้เหตุผลได้
  นี่คือเหตุที่หวังตี้จวินกล้าพูดเช่นนั้นเมื่อครั้งที่เขาเผชิญหน้าลู่จีเฟิงพร้อมกับไป๋หยาน
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า!” หวังตี้จวินนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะอย่างขัน ๆ “ข้าเกือบจะลืมหอบุปผาไปเสียแล้ว แม้ว่าหอบุปผาจะเป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับสาม หากแต่ไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ในโลกนี้ก็ไม่อาจพ้นหูพ้นตาหอบุปผาไปได้ ที่ท่านล่วงรู้ฐานะแท้จริงของข้านั้นก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่ข้าไม่รู้ว่า เหตุใดท่านถึงอยากไปเยี่ยมบ้านสกุลหวังพร้อมข้า ?”
  เยี่ยม?
  คนอย่างนางมีหรือที่คิดจะไปเยี่ยมบ้านสกุลหวังโดยไร้ซึ่งเหตุผล? นางคิดว่าเขาโง่พอที่จะเชื่อนางจริง ๆ หรือ ?
  ”ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายอะไร”ไป๋หยานกล่าว “ข้าได้ยินมาว่าในเมืองฮวนเฉิงที่ตระกูลหวังตั้งอยู่ มีผลแก้วมังกรเพลิง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการปรุงยาสามเซียนสวรรค์ ซึ่งข้าเองก็พยายามตามหามานานแล้ว”
  ยาสามเซียนสวรรค์เป็นยาที่ล้ำค่ามากทั้งส่วนประกอบสำคัญของยานี้ก็หาได้ยากมาก
  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง‘ผลแก้วมังกรเพลิง’ เพียงชื่อก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องเกี่ยวข้องกับมังกร การเพาะปลูกจำต้องเลี้ยงด้วยเลือดมังกร ทว่าเนื่องจากมังกรบนแผ่นดินนี้หายไปหมดแล้ว เช่นนั้นผลแก้วมังกรเพลิงจึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
  เช่นนั้นหลังจากที่ไป๋หยานก้าวผ่านเข้าสู่ระดับจุนเจี่ย(ระดับ 5) นางจึงส่งคนออกค้นหาผลแก้วมังกรเพลิง ทว่าอย่างไรเสีย นางก็ต้องใช้เวลาตลอดปี ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลแก้วมังกรเพลิง กระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้นางจึงได้ทราบข่าวของมัน
  นี่คือเหตุที่นางจำต้องไปบ้านสกุลหวัง!
  หวังตี้จวินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาให้คำมั่นว่า “หากเป็นความต้องการของท่าน ไม่ต้องพูดถึงผลแก้วมังกรเพลิงลูกเดียวเลย แม้ว่าจะเป็น 100 ลูก ข้าก็จะหามาให้ท่านให้จงได้”
  ***จบบทจากบ้าน (1)***

บทที่ 417 : จากบ้าน (2)
  ตลกน่า!
  หากมิใช่เป็นเพราะไป๋หยานมีหรือที่บิดาของเขาจะยอมให้เขากลับไปเยี่ยมตระกูล ในเมื่อไป๋หยานต้องการความช่วยเหลือ เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงจะไม่ช่วยนางเล่า ?
  ไป๋หยานลูบคาง”ตกลง ข้าจะจำคำสัญญาของเจ้า ทว่าก่อนที่เจ้าจะไปหาผลแก้วมังกรเพลิง เจ้าต้องไปที่เผ่ามังกรเพลิงเสียก่อน”
  ”มังกร… เผ่ามังกรเพลิง ?”
  ”อืม! นอกจากนี้มังกรเพลิงหนึ่งตัวจะสามารถผสมผลแก้วมังกรเพลิงได้หนึ่งผล หากต้องการผลแก้วมังกรเพลิงหนึ่งร้อยผลย่อมต้องใช้มังกรเพลิงนับร้อยตัว”
  เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของหวังตี้จวินเขามีสีหน้าเจื่อนขณะกล่าวว่า “ข้าเพียงล้อเล่น แม่นางไป๋อย่าได้เห็นเป็นจริงเป็นจังเลย ส่วนเรื่องผลแก้วมังกรเพลิงในตำหนักเซียนพยับหมอกนั้น ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อช่วยให้ท่านได้มันมา”
  มังกรเพลิงร้อยตัวงั้นรึ? สุดแผ่นดินนี่จะมีมาให้เขาเห็นสักตัวหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ? เขาจะไปหามันได้จากที่ไหนตั้งเป็นร้อยตัว ?
  ยิ่งไปกว่านั้นหากพบมังกรเพลิงแค่ตัวเดียวเพียงมันพ่นลมหายใจใส่ ก็มากพอที่จะทำให้เขาตายได้แล้ว
  ”เอ่อ…”
  หลังจากนั้นหวังตี้จวินก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “พวกเราจะเริ่มออกเดินทางกันเมื่อไหร่ดีล่ะแม่นางไป๋ ?”
  ไป๋หยานกล่าวว่า”พรุ่งนี้”
  ”ตกลงข้าจะเลื่อนการเดินทางออกไปหนึ่งวัน อย่างไรก็ตามวันเกิดของบิดาข้าก็ถัดไปจากนี้อีกหนึ่งเดือน ใช้เวลาแค่เพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเราก็จะไปถึงตำหนักเซียนพยับหมอกแล้ว”
  หวังตี้จวินเห็นด้วยอย่างว่าง่าย
  ไป๋หยานไม่ได้กล่าวคำใดอีกนางหันหลังกลับ เตรียมผละจากไป ทว่าในขณะที่นางหันกลับไปนั้น นางก็เห็นเด็กสาวน่ารักไร้เดียงสาจ้องไป๋เสี่ยวเฉินตาไม่กระพริบ
  ”เฉินเอ๋อ”ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่ข้างกายนางแววตาของนางปรากฏรอยยิ้ม “สาวน้อยคนนั้นมองเจ้าอยู่แน่ะ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นมองเด็กหญิงผู้ซึ่งเป็นเจ้าของแววตาทอประกายสุกใส
  ”หวังเสี่ยวถง”เขาโบกมือให้เด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาของเขาแจ่มใสขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะมาพบเจ้านะ”
  ครั้นเด็กหญิงตัวน้อยเห็นไป๋เสี่ยวเฉินทักทายมานางก็ยกยิ้ม ยิ้มของนางราวกับพระจันทร์เสี้ยว นางน่ารัก และดูขี้อายมาก
  ทว่านางก็ไม่ได้ก้าวออกมายังคงยืนอยู่ที่เดิมมีเพียงสายตาที่จับจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉิน
  ”เฉินเอ๋อนี่คือผู้ที่อยากจะเป็นภรรยาของเจ้าใช่หรือไม่ ?” รอยยิ้มของไป๋หยานค่อย ๆ กว้างขึ้น “แม่ว่าเด็กหญิงน้อยคนนี้น่ารักมากเลย เหตุใดเจ้าไม่ … ”
  ”หม่ามี้ไม่ต้องการเฉินเอ๋อแล้วเหรอ ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยานแน่นเขาช้อนตาขึ้นมองนางอย่างน่าสงสาร พลางกล่าวอย่างเศร้า ๆ ว่า “เฉินเอ๋อชอบเสี่ยวถงมาก แต่เฉินเอ๋ออยากได้นางมาเป็นน้องสาวไม่ใช่ภรรยา เฉินเอ๋อจะอยู่กับหม่ามี้เท่านั้น”
  ป๊ะป๋าวายร้ายบอกว่าเมื่อข้ามีภรรยา ข้าก็ต้องออกจากบ้าน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ป๊ะป๋าได้ในที่เขาต้องการหรอก
  ไป๋หยานยิ้มอย่างอ่อนโยนนางยกมือขึ้นบีบจมูกของไป๋เสี่ยวเฉิน “เจ้ายังเด็ก เช่นนั้นแม่จะไม่วุ่นวายกับเจ้าให้มากนัก แต่หากวันหน้าเจ้าได้พบสตรีที่เจ้าพึงใจ อย่าลืมแต่งงานกับนางให้สมเกียรติ อย่าให้ผู้อื่นต้องผิดหวังในตัวเจ้า เข้าใจหรือไม่ ? ”
  เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักรับผิดชอบนางจะไม่ยอมปล่อยให้ลูกชายของนางเป็นเช่นเดียวกับบิดาในภพชาติก่อนหน้าของนาง
  นางหลับตาลงเล็กน้อยเมื่อหวนคิดถึงภาพในอดีตอีกครั้ง มันยังคงทำให้หัวใจของนางเจ็บปวดเช่นเดิม
  เห็นได้ชัดว่าชายผู้นั้นรักมารดาของนางมาก กระทั่งหลังจากมารดาของนางตายจาก เขาก็ไม่สามารถทำใจให้หลุดพ้นจากความเศร้าโศกเสียใจได้ ทว่าเขากลับไม่ยื่นมือออกไปช่วยมารดาของนาง ยามเมื่อมารดาของนางตกอยู่ในอันตราย
  ที่ตลกไปกว่านั้นก็คือเขาอ้างว่าทำเพื่อครอบครัว แต่ท้ายสุดแล้ว เขาก็แค่ขี้ขลาด !
  “หม่ามี้…”ไป๋เสี่ยวเฉินยกมือขึ้นจับต้นขาของไป๋หยาน พลางเอาศีรษะถูไถขาของนาง “แม้ว่า เฉินเอ๋อจะไม่ต้องการแต่งงาน แต่คำสอนของหม่ามี้ย่อมถูกต้องเสมอ เฉินเอ๋อจะเชื่อฟังหม่ามี้และเป็นลูกที่ดี”
  ***จบบทจากบ้าน (2)***

บทที่ 418 : จากบ้าน (3)
  ไป๋หยานตบหลังของไป๋เสี่ยวเฉินพลางยิ้มอย่างมีความสุข “เฉินเอ๋อ กลับบ้านกันเถอะ”
  ”อืม”
  พระอาทิตย์กำลังจะตกดินรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กน้อยยิ่งสดใส และน่ารักมากเป็นพิเศษ
  *****
  หลังออกจากบ้านสกุลหวังไป๋หยานกับไป๋เสี่ยวเฉินก็กลับไปยังบ้านสกุลหลาน หลังจากที่นางไปถึงบ้านสกุลหลาน สายลมก็พัดวูบผ่านข้างใบหูของนาง นัยน์ตาของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือก นางเผลอตัวดึงไป๋เสี่ยวเฉินเข้าสู่อ้อมแขน ขณะเดียวกันก็เบี่ยงกายหลบออกด้านข้างเล็กน้อย
  หินก้อนหนึ่งลอยเฉียดแก้มของนางก่อนจะตกกระทบพื้น ทว่าก็ไม่ถึงกับสร้างความวุ่นวายบนถนนที่มีเสียงดังจอแจ
  ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมสายตาที่เย็นยะเยือกกวาดมองโดยรอบ ก่อนจะหยุดลงที่เด็กชายตัวอ้วนผู้ซึ่งมีนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเด็กชายผู้นั้นกำลังจ้องมองนาง และเฉินเอ๋อ แก้มอันอุดมไปด้วยก้อนไขมันของเขาเกือบจะบิดเบี้ยว
  ”เจ้าทั้งสองเป็นคนชั่วช้าสังหารเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าข้าจะสังหารพวกเจ้า”
  เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจากนั้นก็ขว้างไปที่ไป๋เสี่ยวเฉิน
  ไป๋หยานมองกลับด้วยทีท่าเยาะหยันนางยกมือเรียวงามขึ้นคว้าก้อนหินไว้จากนั้นก็บีบอย่างแรง
  ก้อนหินแข็งๆ แหลกเป็นผุยผงร่วงหล่นลงสู่พื้น
  หนานกงหลินตกตะลึงเขาจ้องใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของไป๋หยาน ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในหัวใจ เขาก้าวถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะพลาดสะดุดล้มลงกับพื้น
  ไป๋เสี่ยวเฉินผละออกจากอ้อมแขนของไป๋หยานจากนั้นก็เดินไปที่หนานกงหลิน ใบหน้าที่น่ารักของเขาแสดงความโกรธเกรี้ยว
  ”หม่ามี้ของข้าไม่ได้รังแกพ่อแม่ของเจ้าเป็นพวกเขาต่างหากที่ทำร้ายพวกเราก่อน”
  ครั้นหนานกงหลินเห็นไป๋เสี่ยวเฉินโกรธเขาก็ระงับความกลัว ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
  “เสด็จพ่อของข้าเป็นถึงองค์ชายและเสด็จแม่ของข้าก็เป็นถึงพระชายา พวกเขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำได้ เจ้าเองก็เป็นแค่เด็กไม่มีพ่อ ทำไมถึงกล้าต่อต้านข้า ?”
  เขาควรจะได้เป็นนายของมังกรแก้วเขาเป็นคนของราชวงศ์สัตว์อสูร ไป๋เสี่ยวเฉินเป็นคนปล้นทุกสิ่งที่ควรเป็นของเขา และสังหารเสด็จพ่อเสด็จแม่ของเขา !
  ปัง!
  ไป๋เสี่ยวเฉินเตะเข้าที่หน้าอกของหนานกงหลินส่งให้หนานกงหลินลงไปนอนวัดพื้น จากนั้นหมัดของไป๋เสี่ยวเฉินก็ตามมารัว ๆ ไม่ต่างกับดาวตก เมื่อเจอเข้าเช่นนี้หนานกงหลินถึงกับร้องไห้โหยหวน
  ”เจ้า… เจ้าหยุดนะ ! โฮ ! ปล่อยข้านะ เจ้าลูกไม่มีพ่อ ข้าจะบอกเสด็จปู่ให้ จับเจ้าไปประหารเก้าชั่วโคตร !”
  แววตาของหนานกงหลินยังคงเต็มไปด้วยความแค้นเคืองเขาอยากจะสวนกลับ ทว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะปล่อยหมัดได้เลย เขาทำได้เพียงนอนอยู่กับพื้นปล่อยให้ไป๋เสี่ยวเฉินทุบตี
  หลังจากทุบตีหนานกงหลินกระทั่งหนานกงหลินร้องไม่ออกแล้ว ไป๋เสี่ยวเฉินก็หยุด เขาเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงน้ำแข็งกร้าวว่า
  ”เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าทำไม? แค่เพราะแม่ของข้าคือไป๋หยาน แค่เพราะข้าเก่งกว่าเจ้า ! และแต่นี้ไปหากเจ้ากล้าเรียกข้าว่าลูกไม่มีพ่ออีก ข้าก็จะตีเจ้าอีก !”
  หน้าบ้านสกุลหลานไป๋หยานเอนกายพิงประตู พร้อมกับกอดอก ขณะทอดตามองไป๋เสี่ยวเฉินซึ่งกำลังโกรธ
  หลังจากนั้นเพียงอึดใจไป๋เสี่ยวเฉินก็หันหลังกลับมามองนางอย่างน่าสงสาร “หม่ามี้ เฉินเอ๋ออดไม่ไหวเลยทุบเขา หม่ามี้โกรธเฉินเอ๋อมั้ย ?”
  “ไม่เลย”ไป๋หยานพูด “เราจะไม่สร้างปัญหา หรือข่มขู่คุกคามผู้ใดก่อน ทว่าหากผู้ใดกล้ารังแกเจ้า เจ้าก็ต้องสู้กลับ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ พร้อมกับยิ้มอย่างสดใส “หม่ามี้…ที่หนานกงหลินเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาได้พ่อแม่ที่ไม่ดี ลูกก็แค่อยากสั่งสอนเขาเท่านั้น เราส่งเขากลับวังกันเถอะ”
  ”ได้สิ”ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย “แต่เจ้าเอายาเม็ดนี่ให้เขากินก่อน”
  ธรรมชาติของเด็กย่อมไม่ได้เลวมาแต่กำเนิดทว่าขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของบิดามารดา เช่นนั้นการที่เด็กคนนี้ต้องกลายมาเป็นอันธพาลน้อย นางก็ไม่อาจโทษเขาได้เช่นกัน
  ***จบบทจากบ้าน (3)***

บทที่ 419 : จากบ้าน (4)
  ไป๋เสี่ยวเฉินรับยาเม็ดนั้นมาจากนั้นเขาก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหนานกงหลิน เขาบังคับป้อนหนานกงหลินให้กินยาเม็ด แม้หนานกงหลินจะพยายามบ่ายเบี่ยงก็ตามที
  หนานกงหลินเต็มไปด้วยอาการตื่นตกใจเขาไม่รู้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินให้ยาใดแก่เขา เขาต้องการล้วงคอออกมา ทว่าโชคไม่ดีที่เม็ดยาละลายทันทีที่ล่วงเข้าปาก เขาจึงทำได้เพียงอาเจียน มีน้ำสีเหลืองไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
  ”เจ้า… ” หนานกงหลินเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโกรธ ทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาก็หรี่ลง สีหน้าโกรธเคืองของเขาเปลี่ยนเป็นสับสน
  ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเลือนสถานการณ์เมื่อชั่วครู่ไปเสียสนิท
  ”หม่ามี้เกิดอะไรขึ้น ?” ไป๋เสี่ยวเฉินหันกลับมามองไป๋หยานอย่างสับสน
  นั่นไม่ใช่ยาอายุวัฒนะที่หม่ามี้เคยให้เขาเหรอ?
  ไป๋หยานก้าวช้าๆ เข้าไปหาหนานกงหลิน “บอกข้าสิว่า เจ้าเป็นใคร ?”
  ”ข้า… ข้าเป็นใคร” หนานกงหลินมองไป๋หยานด้วยความสับสน
  ไป๋หยานยกยิ้มพลางกล่าวว่า”จงจำไว้ว่า เจ้าคือหนานกงหลิน พระนัดดาของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหลิวฮั่ว ข้าจะส่งเจ้ากลับวังหลวง เจ้าจะต้องอยู่กับไทเฮา ให้พระนางเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ และในวันหน้าเจ้าไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดผู้ใด หากแต่เจ้าจะต้องเชื่อฟังไทเฮาเท่านั้น”
  หนานกงหลินพยักหน้า”ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังแต่ไทเฮา”
  ”เด็กดีข้าจะให้คนมาพาเจ้ากลับบ้าน”
  ครั้นไป๋หยานกล่าวจบนางก็เรียกผู้คุ้มกันคนหนึ่งของตระกูลหลานเข้ามา จากนั้นนางก็สั่งให้เขานำตัวหนานกงหลินกลับไปที่วัง
  หม่ามี้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าอันธพาลน้อยนั่นเหรอ ? ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยถามอย่างงงงวย
  ”แม่เพียงทำให้เขาสูญเสียความทรงจำทั้งหมดและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันหน้า ความทรงจำของเขาก็จะไม่กลับคืนมา” ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา”
  บัดนี้หนานกงหลินได้เปลี่ยนสภาพเป็นกระดาษขาวอีกครั้งวันหน้ากระดาษขาวแผ่นนี้จะเป็นเช่นไร นั่นก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่ไทเฮาจะฝึกหัดเขา
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจชัดเจน”หม่ามี้ เสด็จยายไทเฮาเป็นคนดี หากได้นางดูแลหนานกงหลิน ต่อไปหนานกงหลินก็จะไม่เกเรอย่างแน่นอน”
  ไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินเบาๆ “ไปกันเถอะ พรุ่งนี้เราก็จะต้องออกเดินทางแล้ว ไปพบท่านอา ท่านน้า ของเจ้าแล้วบอกลาพวกเขาเสีย”
  ไป๋หยานไม่เคยใจดีเช่นนี้มาก่อนหากแต่ครานี้อาจเป็นเพราะเฉินเอ๋อ ทำให้นางอ่อนโยน และมีความอดทนกับเด็กน้อยได้มากขึ้น
  ไป๋เสี่ยวเฉินมองหน้าไป๋หยานใบหน้าของเขาแลดูเป็นทุกข์ เขาสัญญาว่าจะช่วยป๊ะป๋าวายร้ายดูแลหม่ามี้ หากหม่ามี้จากไป ป๊ะป๋าวายร้ายก็จะไม่ได้พบหม่ามี้เมื่อเขากลับมางั้นสิ ?
  ”หม่ามี้เรารีบไปรีบกลับได้มั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยถามพร้อมกับมองไปข้างหน้า
  ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ “อืม”
  ครั้นไป๋หยานแลเห็นท่าทางของไป๋เสี่ยวเฉินนางก็คิดไปเองว่าเขาคงจะลังเลไม่อยากจากไป๋เซียว และคนอื่น ๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าตี้คังจะซื้อตัวเจ้าซาลาเปาน้อยไว้ได้แล้ว
  *****
  เมื่อกลับถึงบ้านสกุลหลานไป๋หยานก็บอกทุกคนว่านางจำต้องจากบ้านนานหลายวัน ทุกคนในบ้านสกุลหลานต่างก็ไม่เต็มใจที่จะต้องพรากจาก หลานเสี่ยวหยุนถึงกับอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินไว้ในอ้อมแขน น้ำตาของนางรินไหล เพียงไม่นานนางก็ร่ำไห้หนักมาก
  หากแต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยินยอมพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไป๋หยานได้
  โชคร้ายขณะที่ไป๋หยานกล่าวคำอำลานั้น ตี้เสี่ยวอวิ๋น และฉู่อีอี้จูงมือกันออกไปสร้างปัญหานอกบ้าน กว่าจะกลับก็ค่ำ เช่นนั้นพวกนางจึงไม่รู้ข่าวการจากไปของไป๋หยาน
  เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อพวกนางตื่นพวกนางตามหาไป๋หยาน ถึงได้รู้ว่าไป๋หยานออกเดินทางจากไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว
  สำหรับฉู่อีอี้นั้นไม่เป็นไรทว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นเกือบจะเป็นลมด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของนางซีดขาว ราวกับแลเห็นวันโลกาวินาศ
  อย่างไรก็ตามฉู่อีอี้ก็ยังไม่วายที่จะตอกย้ำจุดอ่อนของสหาย นางตบไหล่ตี้เสี่ยวอวิ๋นพร้อมกับมองอย่างสะใจ
  ”ครานี้หากพี่ชายที่ดุร้ายของเจ้ากลับมา เขาจะต้องทุบตีเจ้าจนตายเป็นแน่ ?”
  ทันทีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นได้ยินประโยคดังกล่าวนางก็เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
  ยามนี้นางต้องการกลับแดนอสูรของนาง
  นางคิดถึงท่านราชครูผู้อ่อนโยนอย่างจับใจ
  ***จบบทจากบ้าน (4)***

บทที่ 420 : ตระกูลหวังนายทวารตำหนักเซียนพยับหมอก (1)
  ”แม่นางไป๋นี่คือเมืองฮวนเฉิง ซึ่งเป็นหนทางเดียวสู่ตำหนักเซียนพยับหมอก”
  บนถนนใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินสัญจรไปมา หวังตี้จวินหันมาช้า ๆ พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
  “อืม”ไป๋หยานจูงมือไป๋เสี่ยวเฉิน นางก้มลงมองเจ้าซาลาเปาน้อยพร้อมกับยิ้ม “เฉินเอ๋อเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนกันที่บ้านสกุลหวังของเจ้าก่อนเถอะ”
  ”ดี”
  หวังตี้จวินหัวเราะร่าเขาอยากจะเชิญไป๋หยานไปพักที่บ้านตระกูลหวัง ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูด หากแต่ตอนนี้เมื่อไป๋หยานเป็นผู้กล่าวขึ้นมาเอง จะไม่ให้เขายินดีได้อย่างไร ?
  ยิ่งไปกว่านั้นหากลูกไม่เอาไหนของข้าได้ติดตามไป๋เสี่ยวเฉิน เสี่ยวผางก็คงจะได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น
  หวังเสี่ยวผางทำปากจู๋เขาดึงแขนเสื้อของไป๋เสี่ยวเฉินเข้ามาพลางกระซิบข้างหู “ลูกพี่แท้จริงแล้วข้าไม่ต้องการกลับบ้านสกุลหวัง ที่นั่นไม่มีผู้ใดชอบข้า หากบิดาของข้าไม่อยากมาร่วมอวยพรวันเกิดของท่านปู่ ข้าคงไม่กลับมาเป็นแน่”
  ไป๋เสี่ยวเฉินตบไหล่หวังเสี่ยวผาง ราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
  ”หม่ามี้ของข้าสอนว่าเป็นคนต้องรู้จักกตัญญู เจ้าไม่ต้องการกลับบ้านสกุลหวัง หากแต่เจ้าก็ไม่อาจขัดขวางความกตัญญูของบิดาเจ้าได้ แต่หม่ามี้ของข้าก็สอนด้วยเช่นกันว่า หากมีใครกล้ารังแกเรา เราก็ต้องรังแกกลับ ! อย่าทน”
  แม้ว่าเสียงของเด็กชายตัวเล็กๆ ทั้งสองจะไม่ดังนัก ทว่าเสียงนั้นก็ดังเข้าหูของทุกคนที่อยู่ร่วม ณ ที่นั้น
  หวังตี้จวินจ้องมองหวังเสี่ยวผางด้วยสายตาดุดันเขาเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ “ดูสิว่าไป๋เสี่ยวเฉินเขาฉลาดสักเพียงไหน แล้วดูเจ้าสิ ! ข้าคงจะโล่งใจหากเจ้าได้สักครึ่งหนึ่งของเขา !”
  ลูกผู้อื่นมักดีกว่าลูกตนเองเสมอเพราะหากหวังเสี่ยวผางฉลาด และเชื่อฟังเช่นเดียวกับไป๋เสี่ยวเฉิน ก็ไม่รู้ว่าหวังตี้จวินจะชอบจริง ๆ หรือไม่ ?
  และ…
  ก็มิใช่เป็นเพราะเด็กโง่นี่หรือที่ทำให้เขาต้องถูกบิดาตนเองขับออกจากตระกูลหวัง ขนาดเด็กคนนี้เป็นหลานชาย บิดาของเขาก็ยังไม่สนเลย
  ใบหน้าเล็กๆ ของหวังเสี่ยวผางเต็มไปด้วยความโกรธ เขาหันไปหาหวังเสี่ยวถงพลางกล่าวว่า “เสี่ยวถง เจ้าล่ะ เห็นด้วยกับข้าไหม ?”
  ”ข้า…”ริมฝีปากของหวังเสี่ยวถงจิ้มลิ้ม น้ำเสียงของนางช่างน่ารักน่าเอ็นดู “ข้าคิดว่า พี่เสี่ยวเฉินพูดถูก”
  หวังเสี่ยวผางนิ่งงันอยู่นานก่อนจะกล่าวคำผรุสวาทออกมา
  ”ผู้หญิงแต่งออก!” (ผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ต้องเชื่อฟังสามี และครอบครัวของเขา)
  ”แค่กๆ ” หวังตี้จวินกระแอม เขาจ้องมองหวังเสี่ยวผางด้วยสายตากำราบ ก่อนจะหันไปกล่าวกับไป๋หยานพร้อมรอยยิ้มว่า “แม่นางไป๋ เด็กโง่คนนี้พูดจาไร้สาระ ท่านอย่าได้ถือสาเลย ตอนนี้ยังไม่เย็นนัก ข้าจะพาท่านไปพักผ่อนที่บ้านสกุลหวังก่อน”
  ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อยนางยิ้มพลางแตะศีรษะเล็ก ๆ ของหวังเสี่ยวผาง “ไปกันเถอะ”
  *****
  ตระกูลหวังคือตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองฮวนเฉิง เนิ่นนานหลายพันปีแล้วที่พวกเขาปกป้องประตูสู่ตำหนักเซียนพยับหมอก
  แต่ครั้นเวลาล่วงผ่านความแข็งแกร่งของตระกูลหวังก็ไม่อาจเทียบเท่าเมื่อหลายพันปีก่อน ตอนนี้สิ่งเดียวที่ช่วยค้ำจุนตระกูลหวังก็คือสถานะนายทวารผู้คุ้มกันประตูของพวกเขานี่เอง
  ช่วงเวลาเดียวกันนี้บ้านสกุลหวังก็ได้รับแจ้งเรื่องการมาถึงของกลุ่มหวังตี้จวินแล้ว เช่นนั้นเมื่อไป๋หยานและคนอื่น ๆ มาถึงหน้าบ้าน พวกเขาจึงเห็นกลุ่มคนออกมายืนรอรับอยู่หน้าประตู
  ผู้ที่ยืนตรงกลางคือชายชราผู้ซึ่งมีผมสีดอกเลาใบหน้าของเขาแลดูจริงจัง อีกทั้งเย็นชา ทันทีที่เขาเห็นหวังตี้จวินกับลูก นัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกายอ่อนโยน ทว่าน้ำเสียงของเขากลับฟังดูน่าเกรงขามไม่ต่างจากราชา
  ”กลับมาแล้วรึ?”
  ”ขอรับท่านพ่อ ลูกชายที่ไม่เอาไหนกลับมาแล้ว”
  หวังตี้จวินไม่ต่างกับสุนัขที่กำลังถูกฝึกเขาก้มศีรษะนิ่ง ขณะเอ่ยตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ
  ส่วนหวังเสี่ยวผางนั้น
  เขาแลดูหวาดกลัวปู่ของตนเองเขาย้ายร้างอ้วน ๆ ไปหลบหลังไป๋เสี่ยวเฉิน ทว่าไป๋เสี่ยวเฉินตัวเล็กกว่ามากจะปิดบังร่างใหญ่ของเขามิดได้อย่างไร ?
  เช่นนั้นชายชราจึงเห็นเขาได้อย่างรวดเร็ว
  ***จบบทตระกูลหวังนายทวารตำหนักเซียนพยับหมอก (1)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท