บทที่ 284 การท่องโลกกว้างของต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย
ถังหลี่เข้าใจดี ว่านางไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ว่ากำลังทำเพื่อต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย ก่อนหน้านี้จิ่วถิงตัวปลอมเย้ยหยันต้าเป่า อาจารย์และศิษย์หลายคนในสำนักศึกษาจึงได้ดูถูกต้าเป่า แต่ตอนนี้ท่านจิ่วถิงตัวจริงต้องการรับพวกเขาเป็นศิษย์นั่นคือการตบหน้าคนเหล่านั้นอย่างแรง
เมื่อนึกถึงความใจดีของตู้ชิงหยู ถังหลี่เองก็ต้องการจัดการงานครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จ ในตอนที่ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยรู้ว่าท่านจิ่วถิงกำลังจะรับพวกเขาเป็นศิษย์ เด็กหนุ่มทั้งสองคนมีความสุขมาก ในไม่ช้าทั้งเมืองเหอตงก็ทราบข่าวที่ว่าท่านจิ่วถิงรับเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเป็นศิษย์ของตน
“เว่ยจื่ออั่งและสวี่เจวี๋ยเป็นศิษย์สองอันดับแรกในการสอบเซี่ยนชื่อ การที่พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากท่านจิ่วถิงแปลว่าพรสวรรค์ของพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริง”
“ในตอนที่จิ่วถิงตัวปลอมดูถูกเว่ยจื่ออั๋งในที่สาธารณะเช่นนั้น คงเพราะเขาตั้งใจจะดึงดูดความสนใจของผู้คน!”
“พวกเราทุกคนถูกนักต้มตุ๋นหลอก!”
“ตระกูลฉินโดนโกงไปมากที่สุด เขาเสนอทุกอย่างให้นักต้มตุ๋นผู้นั้นอย่างโง่งมทำตัวเหนือกว่าราวกับเป็นผู้ชนะ สุดท้ายก็สูญเปล่า..”
“สกุลฉินสูญเสียเงินทองไปมากมาย ฉินเหวินซวนสามารถเข้าเรียนที่สำนักศึกษาได้แต่แรก แต่กลับไปเสียเวลากับนักต้มตุ๋นผู้นั้นจนทำให้การเรียนล่าช้าไป เมื่อก่อนมีผู้คนเรียกขานเขาว่าผู้มีพรสวรรค์แห่งเมืองเหอตงคิดดูแล้วช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี”
“สกุลฉินแทบจะไม่มีหน้าอยู่เมืองนี้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะย้ายออกไป”
ในวันพิธีรับศิษย์มีผู้คนมาดูพิธีมากมาย ถังหลี่ได้เชิญคนที่นางคุ้นเคย ใต้เท้าจู นายท่านเจียง จั๋วชู และเจียงเฉิงเป่า สหายร่วมชั้นและบิดามารดาของเด็กบางคนที่ใจดีมีเมตตากับต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมาแต่ก่อน คนเหล่านั้นมีความสุขมากเพราะการที่จะได้พบท่านจิ่วถิงเป็นเรื่องที่หาโอกาสได้ยากจริง ๆ โชคดีที่พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับถังหลี่
ตู้ชิงหยูนั่งอยู่บนด้านบนสุดของแท่นพิธี นางแต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงตามแบบฉบับของบุรุษ ทั้งรูปงามและหล่อเหลามาก เสน่ห์ที่แผ่ซ่านออกมาของตู้ชิงอยู่ทำให้ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“หายนะจริง ๆ”
หากตู้ชิงหยูเป็นผู้ชาย ไม่รู้ว่านางจะขโมยหัวใจสาว ๆ ไปกี่คนแล้ว ผู้หญิงที่เก่งกาจน่าทึ่งเช่นนี้คาดเดาไม่ได้เลยว่าในภายหน้านางจะลงเอยกับผู้ชายคนไหน ถังหลี่เองก็ยังรู้สึกว่าไม่มีใครคู่ควรกับตู้ชิงหยูเลย
วันนี้ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยสวมชุดสีขาวใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองยังเยาว์วัย พวกเขามีคิ้วที่เข้มและดวงตาที่สวยงาม แม้จะยังเด็กแต่มีท่าที่สงบนิ่งเหมือนผู้ใหญ่
ทั้งสองคนคำนับตู้ชิงหยูสามครั้งพร้อมกัน จากนั้นก็ยกน้ำชาฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์อีกครั้ง ก่อนจะจบพิธี ทุกคนต่างปรบมือและดีใจแทนเด็กทั้งสอง
ถังหลี่จุดดอกไม้ไฟสามสิบหกลูก ซึ่งเป็นดอกไม้ไฟที่ดีที่สุดในเมืองเหอตง ใต้เท้าจูหาโอกาสในการพูดคุยกับตู้ชิงหยูสองสามคำ อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของเขานั้นไม่มากพอที่จะเทียบเคียงอีกฝ่ายได้เลย หลังจากพูดคุยเล็กน้อยใต้เท้าจูจึงจากไป
ทว่าการได้พบและพูดคุยกับท่านจิ่วถิงนั้นก็ทำให้เขามีความสุขมากพอที่จะคุยโม้โอ้อวดไปตลอดชีวิต!
นายท่านเจียงตกใจมาก เขามาเยี่ยมถังหลี่บ่อย ๆ เคยได้พบกับตู้ชิงหยู ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นนายท่านจิ่วถิงที่โด่งดัง ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่ากิจการที่เขาเปิดไว้มีคำจารึกของตู้ชิงหยู จะว่าไปก็เป็นคำจารึกของท่านจิ่วถิงนั่นเอง! นายท่านเจียงกลับไปอย่างอารมณ์ดี
เนื่องจากพิธีรับศิษย์นี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของเมืองเหอตง ทุกคนจึงรู้จักบ้านพักของท่านจิ่วถิง มีผู้คนมากมายมาขอพบเขาแต่ก็โดนปฏิเสธไปหมด แต่อย่างไรเสียก็มักมีคนที่ดื้อรั้น แอบเข้ามาในบ้านของนางอย่างลับ ๆ หรือแอบตามนางทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก ปัญหาอีกอย่างคือพวกเขารู้ความสัมพันธ์ของนางกับถังหลี่ดี บางคนก็ปีนเข้าบ้านถังหลี่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่ายมาก
“เสี่ยวหลี่ ข้าอยากพาต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยไปท่องโลกกว้าง” ตู้ชิงหยูกล่าว
“ชิงหยู ไม่เป็นไรข้าจะจ้างคนคุ้มกันสักสองคนก็จะหมดปัญหาแล้ว” ถังหลี่กล่าว
“ไม่ใช่เพราะเหตุนี้อย่างเดียวหรอก ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเป็นเด็กฉลาด พวกเขาเข้าใจเพราะเรียนรู้จากตำรา แต่ทว่ามันมีจำกัด ข้าอยากพาพวกเขาออกไปหาประสบการณ์เรียนรู้ด้านนอก” ตู้ชิงหยูอธิบาย
นางถูกรับเลี้ยงโดยอาจารย์ตั้งแต่เด็ก ตู้ชิงหยูเดินทางไปทั่วใต้หล้าทั้งขึ้นเขาลงแม่น้ำ ประสบการณ์พวกนั้นทำให้นางเป็นที่ชื่นชมของผู้อื่น ไม่ใช่เพียงเพราะนางมีพรสวรรค์และอ่านตำราเก่งเพียงอย่างเดียว แต่เพราะนางนั้นเป็นผู้รอบรู้อย่างแท้จริง”
ถังหลี่เข้าใจดี
“นานแค่ไหนหรือ?” ถังหลี่ถาม
“สองปี” ตู้ชิงหยูพูด
สองปี….
การไม่ได้เห็นหน้าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยถึงสองปี มันทำให้ถังหลี่รู้สึกว่างเปล่า นางไม่สามารถทนได้แน่ แต่เพื่อความก้าวหน้าของลูกทั้งสอง นางไม่สามารถขัดขวางเส้นทางการเติบโตของพวกเขาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะฝืนใจแค่ไหน นางก็ต้องทำ
“เสี่ยวหลี่ ไม่ต้องเป็นห่วง มีข้าอยู่คอยดูแลพวกเขา ข้ารับรองความปลอดภัยของเขาทั้งสองคน ข้าจะกลับมาในอีกสองปีพร้อมกับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาสองคน!”
ตู้ชิงหยูพูดด้วยความจริงจัง
นางเชื่อใจตู้ชิงหยู
หญิงสาวพยักหน้า ทั้งสองเล่าเรื่องนี้ให้เด็กหนุ่มฟัง ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมีความคิดที่ขัดแย้ง พวกเขาอยากเห็นโลกกว้าง แต่ลังเลไม่อยากห่างจากมารดา…
“ท่านแม่…” ต้าเป่าคว้าเสื้อของถังหลี่ไว้
ถังหลี่มองไปยังเด็กหนุ่มที่เริ่มสูงถึงบ่าของนาง ลูบหัวเขาเบา ๆ
“ต้าเป่าของแม่โตแล้ว ได้เวลาออกไปท่องโลก ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนก็ขอให้จดจำไว้ว่าแม่จะรอเจ้าอยู่ที่บ้านเสมอ” ถังหลี่กล่าว
ต้าเป่าพยักหน้าแรง ๆ หลังจากที่ต้าเป่าผละออกไปสวี่เจวี๋ยก็เดินเข้ามา ในตอนที่เขาทั้งสองคนยังเล็กต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเป็นเพียงก้อนแป้งน้อยน่ารัก แต่ตอนนี้พวกเขาเติบใหญ่และรูปร่างเปลี่ยนไป ต้าเป่านั้นมีใบหน้าที่อ่อนโยนกว่า ส่วนสวี่เจวี๋ยนั้นมีรูปหน้าที่คมเข้ม ถึงแม้พวกเขาจะอายุไล่เลี่ยกันแต่สวี่เจวี๋ยก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า
“ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลต้าเป่าเป็นอย่างดี” สวี่เจวี๋ยสัญญาอย่างจริงจัง
“เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองด้วย สวี่เจวี๋ย…เจ้าก็เป็นลูกชายของข้าเหมือนต้าเป่าเช่นกัน” ถังหลี่ลูบหัวเขา
สวี่เจวี๋ยพยักหน้า เขารู้สึกแสบที่ปลายจมูก ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้หลายปี ท่านพี่ใจดีกับเขามากและปฏิบัติต่อเขาอย่างคนในครอบครัวเดียวกัน เขามีทุกอย่างที่ต้าเป่ามี ไม่เคยมีการแบ่งแยกใด ๆ
แต่ว่าต้าเป่าเป็นคนในครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเป็นแม่ลูกกัน แตกต่างจากสวี่เจวี๋ยที่มาทีหลัง สวี่เจวี๋ยจึงรู้สึกซาบซึ้งในความรักของถังหลี่ที่มีต่อเขา ดวงตาของสวี่เจวี๋ยเป็นแดงก่ำ เขาคลี่ยิ้มออกมา
“ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ต้าเป่าและข้าจะปลอดภัย”
ถังหลี่พยักหน้า
เหยี่ยนเสี่ยวตวนไม่ได้ตามไป เขาไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตกินนอนพเนจรไปเรื่อย เขาจึงเปลี่ยนจากการรับใช้ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย เป็นบ่าวส่วนตัวของเอ้อร์เป่าแทน
ส่วนตู้เสี่ยวไป๋ไม่เต็มใจที่จะแยกจากซานเป่า ดังนั้นเขาจึงอยากอยู่ที่บ้านสกุลเว่ย ทำให้ตู้ชิงหยูทั้งโกรธทั้งขำ นางจึงหยิกหูของน้องชายและดุเขา
เพียงพริบตาเท่านั้น วันแห่งการจากลาก็มาถึง
ตู้ชิงหยูเข้าไปในรถม้าพร้อมกับเด็กหนุ่มทั้งสองคน พวกเขาเปิดม่านและยื่นศีรษะออกไป ก่อนจะโบกมือให้ต้าเป่าและซานเป่าอย่างไม่เต็มใจนัก
น่าเสียดายในตอนที่เขาจากไป ไม่ได้เห็นถังหลี่…
แต่สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนไม่รู้คือ บนหอคอยเมืองเหอตงมีร่างเพรียวบางมองดูรถม้าของพวกเขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจากเมือง ลมพัดโชยมาทำให้เสื้อผ้าของนางสะบัดพริ้ว ดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินสะท้อนให้เห็นถึงความอ้างว้างบนใบหน้าของนาง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว