บทที่ 286 เด็ก ๆ โตแล้ว
ในตลาดที่มีชีวิตชีวา หน้าแผงขายขนมสายไหม มีร่างเล็ก ๆ ยืนอยู่ เป็นเด็กหญิงชายสองคน
เด็กหญิงใส่ชุดสีชมพู มัดผมมวยน่ารักไว้สองข้าง ยามที่ศีรษะน้อย ๆ เคลื่อนไหวไปมา มวยผมก็แกว่งไกวไปด้วยพร้อมกัน
เด็กหญิงมีดวงตากลมโต จมูกและริมฝีปากน่ารัก ดูไร้เดียงสา เด็กชายที่มาด้วยกันสูงกว่าไม่มากนักร่างกายอวบอ้วน หน้าตาดี ยามที่เด็กน้อยทั้งสองยืนคู่กันดูสะดุดตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น
เด็กสองคนนี้คือซานเป่าและตู้เสี่ยวไป๋
คนขายขนมสายไหมส่งขนมที่ทำเสร็จแล้วให้ ตู้เสี่ยวไป๋รับไว้ก่อนที่จะยื่นให้ซานเป่า
“น้องสาวกินเถอะ” ซานเป่ารับไปอย่างไม่อิดเอื้อน
คนขายสายไหมยื่นชิ้นที่เหลือส่งให้ตู้เสี่ยวไป๋เด็กน้อยรับไว้แล้วจึงพากันเดินหันหลังจากไป
เด็กทั้งสองคนเดินเล่นไปเรื่อย ๆ พลันพบกับเด็กกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางทางไว้ เป็นเด็กสี่คนอายุประมาณสิบปีขึ้นไป พวกเขาตัวสูงใหญ่กว่าซานเป่าและตู้เสี่ยวไป๋
เด็กเหล่านี้เป็นพวกเด็กอันธพาลที่จับกลุ่มกันคอยรังแกเด็ก ๆ ทั่วไป เด็กคนหนึ่งดูท่าเป็นหัวโจกยื่นมือไปยังซานเป่าและตู้เสี่ยวไป๋พูดขึ้นว่า
“เอาขนมมาให้ข้า!”
ตู้เสี่ยวไป๋ไม่ยอม เขาเอาขนมซ่อนไว้ที่หลังของตนทันที
“ไม่!” เหตุใดเขาต้องให้ขนมเด็กเหล่านี้ด้วย?
“เจ้าเด็กน้อย ขัดขืนหรือ? เจ้าไม่อยากให้ก็ต้องให้”
เด็กหัวโจกผู้นั้นพูดก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าขนมจากมือของซานเป่า ตู้เสี่ยวไป๋รีบคว้าซานเป่าไปไว้ที่ข้างหลังโดยใช้ร่างกายที่อ้วนท้วนของตนบังนางเอาไว้
ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องปกป้องน้องสาว!
เด็กอันธพาลตบตู้เสี่ยวไป๋ด้วยความโกรธ แม้ตู้เสี่ยวไป๋จะรู้ว่าเอาชนะเขาไม่ได้ แต่เมื่อเขาถูกตี เขาย่อมสู้กลับ เขากัดเด็กอันธพาลผู้นั้นอย่างจมเขี้ยว แต่แล้วตู้เสี่ยวไป๋ก็ถูกดึงกลับมาด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งของใครบางคน เขาถอยหลังเซไปสองก้าว เด็กอันธพาลผู้นั้นถูกจับแยกออกอย่างกะทันหัน เขาทรงตัวไม่อยู่ถอยหลังเซไป เป็นซานเป่านั่นเอง
ซานเป่าเลียขนมสายไหมก่อนจะยื่นให้ตู้เสี่ยวไป๋
“ฝากไว้ก่อน”
ตู้เสี่ยวไป๋เชื่อฟัง เขาถือสายไหมของซานเป่าเอาไว้ เด็กหญิงถลกแขนเสื้อขึ้น เอามือวางที่สะโพก มองเด็กกลุ่มนั้นที่อายุมากกว่านางอย่างไม่หวั่นเกรง ใบหน้าเล็ก ๆ เชิดขึ้น ดวงตาหรี่ลง นางเปลี่ยนจากเด็กตัวน้อยกลายเป็นราชินีผู้ห้าวหาญในพริบตา
เด็กผู้เป็นหัวโจกเห็นท่าทางของซานเป่าก็อดนึกครั่นคร้ามอยู่ภายในใจไม่ได้ แต่ในเมื่อมีลูกสมุนตัวน้อย ๆ อยู่ด้วยเขาจะเสียหน้าไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เท่านั้นเอง
“ยัยตัวเหม็น ส่งเงินมาให้ข้าเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบเจ้าให้ตาย!” เขาพูดอย่างก้าวร้าว
ในชั่วพริบตา ซานเป่าก็ชกเข้าไปที่ท้องของเด็กตัวโตนั่น เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้นแต่ทรงพลังจนทำให้เด็กคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น พอเห็นแบบนั้นเด็กที่เหลือรีบเข้าไปรุมซานเป่าทันที
แต่ซานเป่ากลับไล่ชกเด็กอีกสามคน จนในที่สุดเด็กทั้งสี่ก็ลงไปนอนกับพื้นกุมท้องพร้อมกับร้องโอดโอย
ซานเป่าเอื้อมมือไปหยิบขนมสายไหมในมือของตู้เสี่ยวไป๋ก่อนจะเชิดหน้าย่างกรายเดินผ่านเด็กที่นอนอยู่กับพื้นไป
ตู้เสี่ยวไป๋รีบเดินตามไป ทั้งสองคนเดินผ่านตลาด ตู้เสี่ยวไป๋รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือของซานเป่าให้หลังจากชกคนลงไปนอนกลิ้งกับพื้นแล้ว ซานเป่าเจ้าเด็กตะกละยังกินขนมสายไหมต่อ
“ซานเป่า เสี่ยวไป๋” เสียงเรียกดังขึ้น ซานเป่าเงยหน้าเห็นคนที่เดินเข้ามา นางยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน
“พี่รอง” เว่ยจื่ออี้เดินเข้ามาหายื่นมือมาบีบแก้มของนางอย่างเอ็นดู
“ไป พี่รองจะพากลับบ้าน” ซานเป่าพยักหน้าจับมือพี่รองของนางเอาไว้
เว่ยจื่ออี้เดินกลางจูงมือเด็กทั้งสองคนเดินกลับบ้าน
เมื่อพวกเขาเดินไปถึงบ้านเห็นถังหลี่กำลังจะเดินออกไป
“ท่านแม่!”
“ท่านแม่!”
“ท่านน้า!” เด็กทั้งสามต่างประสานเสียงเรียกพร้อมกัน
ถังหลี่มองเด็ก ๆ ก่อนจะพูดว่า “แม่คิดว่าพวกเจ้าหายไปแม่กำลังจะออกไปหาอยู่พอดี”
ซานเป่าวิ่งไปกอดแขนประจบนางพูดจาประสาเด็กอย่างน่าเอ็นดู แม้ว่ายามที่นางเติบใหญ่จนกลายเป็นแม่ทัพหญิงแล้วก็ตาม
ถังหลี่หัวใจแทบละลายกลายเป็นสายน้ำ นางจุมพิตใบหน้าน้อย ๆ นั้นสองครั้ง
“พี่ใหญ่ พี่สวี่เจวี๋ย” เว่ยจื่ออี้ร้องเรียก ถังหลี่เงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มสองคนเดินห่างออกไปไม่ไกล
สองปีที่ผ่านมา เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเติบโตจากเด็กหนุ่มตัวน้อยกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา สวี่เจวี๋ยมีรูปร่างสูงกว่าเว่ยจื่ออั๋งเล็กน้อย เขามีท่าทางสุขุมเยือกเย็น เด็กทั้งสองเชื่อฟังถังหลี่มาก
“ท่านแม่
“พี่สาว” หลังจากที่สวี่เจวี๋ยเรียกถังหลี่ เขาก็ปรายตามองเว่ยจื่ออั๋ง ตั้งแต่ถังหลี่รับอุปการะสวี่เจวี๋ยเขาก็เรียกนางว่าพี่สาวมาตลอด เว่ยจื่ออั๋งจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้สวี่เจวี๋ยกลับพูดแหย่ให้เขาเรียกว่า ‘ท่านน้า’ เพื่อจะได้เป็นผู้อาวุโสของเขา แต่เว่ยจื่ออั๋งจะไปยอมให้สวี่เจวี๋ยได้ประโยชน์อย่างไร เขาจึงปฏิเสธ สวี่เจวี๋ยแกล้งกระทุ้งศอกใส่เขา
“นี่ หลานชาย”
เว่ยจื่ออั๋ง “…….” กำหมัดทำท่าอยากทุบตีคน
ถังหลี่กวาดสายตามองเด็ก ๆ ทั้งเว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย เว่ยจื่ออี้ และตู้เสี่ยวไป๋ พริบตาเดียวเด็ก ๆ ก็เติบใหญ่กันหมดแล้ว มันยากที่นางจินตนาการอนาคตของเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เว่ยฉิงที่เคยกลับมาเยี่ยมตอนช่วงวันเกิดของต้าเป่าก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย เขาเคยบอกว่าจะกลับมาเมื่อเขามีเวลา แต่ผู้ชายผีบ้าผู้นั้นหลอกนาง สองปีผ่านมานางไม่เห็นหัวเขาอีกเลย!
ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้างหัวใจของถังหลี่ว่างเปล่าและซึมเศร้า
“เสี่ยวหลี่ ได้เวลากินข้าวแล้ว”
ตู้ชิงหยูเรียกเสียงดัง ถังหลี่ได้สติฟื้นจากภวังค์
“ไปกินข้าวกันเถอะ” นางพาเด็กทั้งสี่คนเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร ที่โต๊ะกินข้าวมีเหยี่ยนเสี่ยวตวนนั่งที่หัวโต๊ะราวกับเป็นผู้อาวุโส เขาถือตะเกียบไว้ในมือ เคาะชามข้าว
ช่วงสองปีที่ผ่านมา เหยี่ยนเสี่ยวตวนกินดีอยู่ดีมาตลอด ถังหลี่เข้ากับเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี นางปล่อยให้เขาดูแลนาง เหยี่ยนเสี่ยวตวนเป็นคนสบาย ๆ ไร้กังวล ถังหลี่รู้สึกมาตลอดว่าเด็กคนนี้มีเรื่องปิดบังนางเอาไว้ ในตอนแรกเหมือนเขาจะรอให้ใครสักคนมาหาเขา แต่หลังจากผ่านไปสองปีเขาก็เลิกคิดเรื่องนี้ไป คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ถังหลี่กลับเห็นได้อย่างชัดเจน
“ท่านผู้เฒ่าถังเหม่ออะไรอยู่ มากินข้าวเถอะ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว” เหยี่ยนเสี่ยวตวนโวยวายขึ้นมา ถังหลี่เขกหัวเขา
“นี่แน่ะ คิดแต่จะกิน!” เหยี่ยนเสี่ยวตวนขยี้หัว พึมพำว่า
“ยามกินก็ต้องว่องไวสิ หากไม่ว่องไวต้องมีปัญหาที่สมองแล้ว!” เขาเถียงอ่อย ๆ
ถังหลี่อดหัวเราะไม่ได้ ทุกคนนั่งลงกินอาหารเย็นด้วยกันอย่างพร้อมหน้า
ถังหลี่มองครอบครัวใหญ่ ตอนนี้มีเพียงผู้เดียวที่หายไป หากสามีของนางอยู่ที่นี่ด้วย นางคงมีความสุข