บทที่ 291 พบเจอยามค่ำคืน
ถังหลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกระพริบตา นี่นางไม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? นางเห็นสามีของนางจริง ๆ ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะขยี้ตา นางโผเข้าไปกอดเขาอย่างรวดเร็ว มือของผู้ชายคนนั้นโอบรอบเอวนางไว้อย่างแน่น นี่เป็นความจริง ถังหลี่ไม่ได้ฝันไป
“ภรรยา ข้ากลับมาแล้ว”
น้ำเสียงของเว่ยฉิงแหบพร่าเต็มไปด้วยความคิดถึงอย่างยากที่จะพรรณณาออกมาได้ สองปี ! สองปีเต็ม ๆ ที่เขาไม่มีภรรยาอยู่ในอ้อมแขน
ภรรยาของเขาตัวหอมมาก เป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคย เว่ยฉิงกดใบหน้าแนบกับคอของนาง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ถังหลี่ดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา เมื่อแขนของเว่ยฉิงว่างเปล่า เขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ภรรยา…”
“ใครเป็นภรรยาเจ้ากัน ข้าไม่รู้จักเจ้า” ถังหลี่ดุเบา ๆ ทำหน้าบึ้งตึงพร้อมกับน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
เว่ยฉิงรีบเดินไปเข้าไปหายืนคอตกหางลู่ราวกับสุนัขตัวใหญ่ที่ทำผิด
“ภรรยา ข้าขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ภรรยา ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่รีบกลับมาหาเจ้าอีกทั้งไม่เคยเขียนจดหมายมาหาเจ้าเลย” เว่ยฉิงรีบอธิบายอย่างร้อนรน
ครั้งที่แล้วเขาขอมาเจอนางโดยไม่รับอนุญาต จนท่านลุงถึงกลับโกรธมาก ลงโทษทุบตีเขา นอกจากนั้นยังสั่งห้ามไม่ให้เขาเขียนจดหมายถึงภรรยาอีก จนกว่าเขาจะเรียนทุกอย่างจบครบถ้วน
เขาจึงก้มหน้าก้มตาเรียนทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นตำราพิชัยยุทธ การระบุพิษ รวมไปถึงทักษะต่างๆ
หลังจากผ่านไปสองปีเขาก็ได้รับอนุญาตให้มาหาภรรยาของเขาได้
“ภรรยา เจ้าไม่รู้อะไร ท่านลุงของข้าดุมาก เขาทุบตีข้าอย่างหนักเลยทีเดียว เจ้าดูสิ ข้ายังมีแผลเป็นที่หลังอยู่เลย”
เว่ยฉิงไม่พูดจาถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นความแข็งแกร่งหนาแน่นของกล้ามเนื้อ
ถังหลี่มองเขา น้ำหนักเขาลดลง ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนมีกล้ามเนื้อที่ทรงพลังทั่วร่างกาย หากตอนนี้กลับเหลือชั้นกล้ามเนื้อที่บางลง ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะดูผอมเพรียวลงอย่างเห็นได้ชัดยามที่เขาใส่เสื้อผ้า
แผลเก่าที่ด้านหลังเป็นรอยคล้ำไม่ได้จางหายไป ถังหลี่เอื้อมมือไปแตะอย่างปวดใจ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสามีของนางต้องทนทุกข์มากเพียงใด รอยแผลเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
“ภรรยา เจ้าอย่าโกรธข้าได้หรือไม่?”
เขายังเซ้าซี้ถามอย่างไม่เบื่อหน่ายหากน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเครียดแฝงไว้
ความขุ่นข้องหมองใจของถังหลี่หายไปอย่างสิ้นเชิง
“เจ็บไหม?”
ถังหลี่ลูบรอยแผลเป็นเอ่ยถามเบา ๆ
“ไม่เจ็บ”
หลังจากรู้ว่าภรรยาไม่โกรธ เว่ยฉิงก็มีความสุขขึ้นทันที
“สามีเจ้าหนังหนาหยาบกร้าน ไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว”
ดวงตาของเขากลอกกลิ้งไปมา เขาแค่ต้องการให้ภรรยาสงสารเขาจึงพูดเสริมต่ออีกว่า
“แต่ตอนที่โดนท่านลุงข้าทุบตีก็เจ็บมากตอนนี้ข้ายังเจ็บอยู่นิดหน่อย ภรรยา หากเจ้าลูบมันเบา ๆ ข้าก็หายเจ็บแล้วจริง ๆ นะ”
ถังหลี่จะไม่รู้กลอุบายของเขาได้อย่างไร นางยิ้มจาง ๆ เขย่งเท้า ก่อนที่จะประคองใบหน้าของเขาลูบไล้เบา ๆ
เว่ยฉิงก้มศีรษะลงปล่อยให้นางสัมผัสจนพอใจ หลังจากนั้นเว่ยฉิงจึงได้อุ้มนางมาที่เตียง กอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน
“ตอนนี้ตัวตนเจ้าเป็นใครกันหรือ?”
“อู่เสี่ยวโหวตำแหน่งรองเจ้าคณะมณฑล” เว่ยฉิงตอบ
ถังหลี่กะพริบตา ลางสังหรณ์ของนางแม่นยำไม่น้อย วันที่เฉาจีพูดขึ้นมานั้น นางก็คาดเดาเอาไว้แล้ว
“ที่จริงแล้วอู่โหวเย่ และฮูหยินอู่เป็นคนของมารดาข้า แต่พวกเขาแอบซ่อนตัวตนเอาไว้ ไม่มีใครในราชสำนักได้ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์นี้เลยแม้แต่คนเดียว บุตรชายของอู่โหวเย่หายตัวไป ท่านลุงจึงมอบตัวตนของอู่เสี่ยวโหวนี้ให้ข้าเพื่อกลับไปยังราชสำนักได้ เริ่มต้นจากการเป็นรองเจ้าคณะมณฑลชิงเหอ ทำงานให้มีผลงานโดดเด่นเพื่อที่จะได้กลับเข้าไปรับตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมในเมืองหลวงได้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภายหน้า ตำแหน่งรองเจ้าคณะมณฑลชิงเหอนี้นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี”
ต่อหน้าภรรยาของเขา เว่ยฉิงไม่เก็บถ้อยคำลับ เขาพูดให้นางฟังอย่างหมดเปลือก แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาเลือกเมืองชิงเหอนั้นเป็นเพราะภรรยาเขาอยู่ที่นี่
การแก้แค้นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา หากแต่ภรรยาเขานั้นสำคัญที่สุดเหนืออื่นใด เพราะมีภรรยาชีวิตในภายหน้าเขาจึงมีความหวัง
“ตอนนี้ท่านคืออู่เสี่ยวโหวแล้ว ถ้าเช่นนั้นยามกลางวันเราไม่สมควรรู้จักกัน ใช่ไหม?”
ถังหลี่เอ่ยถาม
ไม่ว่าสามีจะทำอะไรหน้าที่ของนางคือคอยสนับสนุนเขาไม่เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้
เว่ยฉิงพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องมาหาข้ายามค่ำคืน นี่ไม่เหมือนกับขโมยดวงอาทิตย์หรอกหรือ?” ถังหลี่พูดยิ้ม ๆ
ลูกกระเดือกของเว่ยฉิงกลิ้งไปมาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขากอดนางแน่นขึ้นระดมจูบลงใบหน้าของถังหลี่ น้ำเสียงของเขาแหบพร่า
“ภรรยา เราลองมาดูกันหน่อยเถอะ”
สองชั่วยามต่อมา ดวงจันทร์ลอยคว้างอยู่กลางนภา คู่หนุ่มสาวต่างพร่ำพรอดกอดจูบกระซิบคำหวานใส่กันอย่างไม่เบื่อหน่าย ตราบเท่าที่เขาได้เคียงคู่อยู่ด้วยกัน เว่ยฉิงรู้สึกได้ถึงความสุขไร้ความกังวลใด ๆ เขาแทบจะรอไม่ไหวจะแก้ปัญหาทั้งหมดให้จบสิ้นไปแล้วกอดภรรยาของเขาแบบนี้ใช้ชีวิตราวกับเทพเซียนไปวัน ๆ
“ภรรยา ข้าขอไปดูลูก ๆ ก่อนนะ”
ถังหลี่พยักหน้า เป็นเวลาเกือบสามปี เด็ก ๆ ก็เริ่มโตกันหมดแล้ว เว่ยฉิงลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าพร้อมดัวยเสื้อคลุมก่อนจะเดินออกไป
ดึกมากแล้วเด็ก ๆ พากันหลับสนิท เว่ยฉิงเข้าไปเงียบ ๆ มองดูเด็ก ๆ แต่ละคน ต้าเป่า สวี่เจวี่ย กลายเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างาม แม้ยามนอนท่าทางก็ดูเรียบร้อย เอ้อร์เป่าโตขึ้นดูเหมือนจิ้งจอกตัวน้อยเขาละเมอพูดอะไรแปลก ๆ เหมือนสมัยที่เขายังเป็นเด็กเล็ก ๆ
ซานเป่าโตขึ้น น้ำหนักลดลง หากใบหน้ายังกลมมีแก้มยุ้ยเหมือนเด็กทารกตัวน้อย ๆ ผิวของนางขาวผ่องดูนุ่มนวล นอนเปิดปากอ้าน้อย ๆ ดูไปแล้วนับว่าเป็นสาวน้อยผู้น่ารักคนหนึ่ง
หลังจากเห็นเด็ก ๆ เว่ยฉิงก็เดินออกมาจากห้องของซานเป่าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ อีกไม่นานเขาจะได้อยู่กับลูก ๆ ทุกคน
“ภรรยา เจ้าทำงานหนักมาเกือบสามปีแล้ว” เว่ยฉิงเอ่ยขึ้น ยามนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังอยู่ในสนาม โดยมีถังหลี่อิงแอบแนบชิดพิงซบไหล่อยู่ พวกเขามองดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยกัน
เวลาที่ผ่านไปสามปี มันยากลำบากไหม? จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ยากอะไรนัก เด็ก ๆ ทั้งสี่คนเป็นเด็กดีมีความประพฤติเรียบร้อย ไม่ให้นางต้องได้กังวลอะไรเลย
ช่วงแรกตอนที่เปิดร้านอาหารก็ค่อนข้างยุ่งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่งานหนักอะไร เรื่องยากที่สุดก็คือถังหลี่คิดถึงสามีมากนั่นเอง
“ภรรยา ซานเป่าน่ารักเหมือนเจ้าเลย”
เว่ยฉิงอดพูดขึ้นไม่ได้ ใช่แล้ว ยามที่ซานเป่าโตขึ้นมาต้องน่ารักเหมือนถังหลี่แน่ ๆ จู่ ๆ เว่ยฉิงก็อดคิดไม่ได้ว่า ตอนเด็กๆภรรยาเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไรกันนะ? จะดีแค่ไหนหากเขาได้เห็นยามที่นางเป็นเด็กตัวน้อย ๆ
“ภรรยา เรามามีลูกกันเถอะ” เว่ยฉิงแตะบนหน้าท้องของนาง ถังหลี่หน้าแดง จะว่าไปนางเองก็คาดหวังอยู่บ้างเช่นกัน
เด็กที่เกิดมาจากคนที่นางรักมากที่สุด ด้วยสายเลือดของคนทั้งคู่แล้ว เขาจะเป็นเด็กที่พิเศษมาก รอให้เรื่องนี้คลี่คลายลงไปบ้าง นางจะให้กำเนิดเด็กน้อยคนนี้
………………………