บทที่ 319 เด็กที่หายไป
อู่โหวเยว่และฮูหยินอู่ต่างตกตะลึง พวกเขาจ้องมองไปที่อาหยูทันที ยามนี้หัวใจของพวกเขากำลังเต้นแรง
“อู่โหวเยว่ ฮูหยินอู่ เขาคือคนที่ท่านกำลังตามหา” ถังหลี่กล่าวเพียงเท่านั้น
คำพูดของถังหลี่ทำให้พวกเขาได้สติ สายตาของสองสามีภรรยาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หยูเอ๋อร์! เป็นหยูเอ๋อร์จริง ๆ!
แม้ใบหน้าจะเปลี่ยนไปกลายเป็นชายหนุ่มหากมองในมุมคนนอกรูปร่างหน้าตาของเขานั้นไม่เหมือนตอนเด็กเลย แต่เด็กคนนี้นั้นพวกเขาทั้งสองเลี้ยงมาเป็นเวลาถึงสิบปีเหตุใดจึงจะจำไม่ได้!?
ในตอนที่พรากจากกันเขามีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น พวกเขาเพิ่งจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ลูกชายซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบุคคลสำคัญเกือบครึ่งของเมืองหลวงมาร่วมงาน ทั้งจวนเต็มไปด้วยแขกเหรื่อและดอกไม้จำนวนมากหลากสีสัน เด็กชายคนนั้นถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน
เด็กชายเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ จิตใจอ่อนโยน ทุกคนต่างชื่นชมพวกเขาที่ให้กำเนิดลูกชายที่ดีเช่นนี้ ทำให้ทั้งสองมีความสุขมาก
ไม่มีใครอยากสูญเสียเด็กดีๆ เช่นนี้ไป
แต่เรื่องก็เกิดขึ้นในตลาดที่มีคนพลุกพล่าน แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ได้แต่ร้องไห้เสียใจ เจ็บปวดกับความสูญเสีย พวกเขาค้นหาตัวของลูกชายอย่างสิ้นหวัง ทั้งคู่ได้แต่ทะเลาะและตำหนิกัน แต่ก็คอยประคับประคองให้ผ่านคืนวันที่แสนมืดมน แม้จะผ่านมานับสิบปีเรื่องนี้ก็ยังเป็นปมในใจคนทั้งคู่
มีคนแนะนำให้พวกเขามีเด็กอีกคนหนึ่งมาทดแทน แต่อย่างไรก็ตามเด็กคนนั้นไม่ใช่หยูเอ๋อร์ และไม่มีใครสามารถมาแทนที่หยูเอ๋อร์ที่อยู่ในหัวใจของพวกเขาได้ หากทำเช่นนั้นพวกเขาเองก็จะรู้สึกผิดกับหยูเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นผ่านมาหลายปีบ้านสกุลอู่ก็ไม่ยอมมีลูกคนที่สอง
พวกเขารอวันที่จะมีปาฏิหาริย์ให้หยูเอ๋อร์กลับมาหาพวกเขา!
ตอนนี้ปาฏิหาริย์นั้นได้เกิดขึ้นจริงแล้ว หยูเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่! ฮูหยินอู่ตัวสั่นด้วยความยินดี นางรีบวิ่งเข้าไปกอดอาหยูแน่น
อู่โหวเยว่เองทั้งตื่นเต้นยินดี แต่มีเหตุผลที่ทำให้เขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ท่านอู่โหวมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง จากนั้นจึงค่อยเดินเข้าไปแตะไหล่ของภรรยา
“เข้าไปในห้องก่อนเถอะ”
ฮูหยินอู่พลันได้สติ นางพยักหน้าเดินจูงมืออาหยูเข้าไปในห้อง เมื่อทั้งหมดเข้าไปในห้องถังหลี่ก็ปิดประตูทันที ฮูหยินอู่ปล่อยโฮอีกครั้ง!
“ลูก! ลูกแม่!” นางกลั้นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
อู่โหวเยว่ที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ดวงตาเริ่มแดงก่ำ ถังหลี่เฝ้าดูการกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาของครอบครัวอย่างปวดใจแต่ก็มีความสุขในคราเดียวกัน
หากว่านางไม่ได้เข้ามาแทรกแซง ตามโครงเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้แล้ว หมอฟางจะประสบผลสำเร็จในการทดลองพิษและทำลายเมืองได้สำเร็จ อู่หยูจะเป็นเพียงหอกข้างแคร่สำหรับหมอฟางเท่านั้น เป็นคนตายที่มีชีวิตและไม่รู้ว่าสุดท้ายจะไปจบลงที่ตรงไหน อู่โหวเยว่และฮูหยินอู่คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตของพวกเขา
ชายหนุ่มแสนดีคนนี้กลายเป็นคนตาย ครอบครัวที่ดีและอบอุ่นไม่สามารถกลับมาพร้อมหน้ากันได้อีก เมื่อคิดเช่นนี้แล้วสำหรับหมอพิษที่แสนชั่วร้ายเช่นหมอฟาง การถูกลงโทษด้วยทัณฑ์เลาะกระดูกเชือดเนื้อเถือหนังนับพันครั้งนั้นถูกต้องแล้ว!
อู่หยูพยายามปลอบมารดา เมื่อหันไปเจอกับบิดาที่ก็อดจะร้องไห้ออกมาไม่ได้เช่นกัน จึงทำให้เด็กหนุ่มเดินไปกอดบิดาอีกครั้ง ฮูหยินอู่ที่หยุดร้องไห้ไปแล้วแต่เมื่อเห็นสามีหลั่งน้ำตานางก็ร้องไห้ออกมาอีก ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้อู้อี้ อาหยูนั้นรู้สึกวูบโหวงอยู่บ้างเล็กน้อย ถังหลี่ที่ยืนดูอยู่ใกล้ ๆ จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับเขา
“ขอบคุณแม่นาง”
หลังจากที่อาหยูกล่าวขอบคุณนางแล้ว พวกเขาก็ผลัดกันเช็ดน้ำตาให้กันจนในที่สุดก็หยุดร่ำไห้ เมื่อมองย้อนกลับไปยามนี้ราวกับว่าเขาได้ย้อนเวลาไปเมื่อสิบสามปีก่อนที่พวกเขาจะพรากจากกัน
หยูเอ๋อร์เติบโตขึ้นเป็นบุรุษรูปงาม ดี…ดียิ่งนัก
“ท่านพ่อท่านแม่ ลูกคนนี้อกตัญญูนักไม่ได้ปรนนิบัติรับใช้พวกท่านมาถึงสิบสามปี” อาหยูกล่าวก่อนจะคุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้นสามครั้ง
อู่โหวเยว่และฮูหยินอู่รีบมาประคองอาหยูให้ลุกขึ้น
“ลูกเอ๋ย…บอกแม่มาเถิดว่าตลอดสิบสามปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น แล้วลูกพบกับเสี่ยวถังได้อย่างไร?” ฮูหยินอู่ถาม
“ขอรับ” ชายหนุ่มพยักหน้า
ประสบการณ์ของอาหยูตลอดระยะเวลาสิบสามปีนั้นช่างหดหู่ยิ่งนัก เขาไม่อยากทำให้บิดามารดาต้องเสียใจ จึงเล่าถึงเหตุการณ์พวกนั้นด้วยน้ำเสียงบางเบา
“แม่นางถังและคนจากทางการเป็นคนช่วยชีวิตข้า” อาหยูกล่าว
เพราะเรื่องราวอันน่าสังเวชนั้นมากมายนัก ชายหนุ่มจึงพูดด้วยน้ำเสียงอันเบาหวิวเผยเพียงหนึ่งในสิบของเรื่องทั้งหมด อู่โหวเยว่และฮูหยินอู่รู้สึกว่าเพียงเท่านี้หัวใจของพวกเขาก็เต้นแรง
ก่อนหน้านี้คดีของหมอฟางนั้นดังมาก ฮูหยินอู่เคยได้ยินถึงเรื่องน่าเศร้าของพวกเด็กเหล่านั้นมาบ้าง เมื่อนางนึกถึงการที่ต้องสูญเสียบุตรไป นางก็ยิ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจอาหยูมากขึ้น ฮูหยินอู่คิดว่าหมอฟางนั้นสมควรได้รับโทษเช่นนั้นแล้ว!
เมืองหลวงนั้นห่างไกลจากชิงเหอหลายพันลี้ นางไม่คิดเลยว่าบุตรชายของตนจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย สิบสามปีแล้วที่ลูกชายของนางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนั้น!
หัวใจของฮูหยินอู่สั่นไหว คิ้วของนางขมวดแน่น
“ท่านแม่อย่าเสียใจไปเลย ทุกอย่างจบลงแล้วตอนนี้ข้ากลับมาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอนขอรับ” อาหยูปลอบโยนนาง
หญิงวัยกลางคนมองไปที่บุตรชายของตนอีกครั้ง
โชคดี…โชคดีที่ได้ลูกกลับคืนมา
โชคดีที่นายน้อยและเสี่ยวถังได้ช่วยพวกเขาเอาไว้
“เสี่ยวถัง ข้าอยากจะขอบคุณเจ้า เจ้ามีบุญคุณกับพวกเราอย่างใหญ่หลวง ขอบคุณเจ้ามาก” ฮูหยินอู่กล่าวพร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าถังหลี่
นางตกใจรีบเข้าไปประคองฮูหยินอู่ให้ลุกขึ้น
“ฮูหยิน อย่าทำเช่นนี้” ถังหลี่รีบพูด
“ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ท่านกับอู่โหวเยว่ก็เสี่ยงมากที่ช่วยอาฉิง อันที่จริงแล้วเป็นข้าต่างหากที่ต้องคุกเข่าขอบคุณพวกท่าน”
“อาฉิงเป็นบุตรของคุณหนู อีกอย่างคุณหนูใจดีช่วยเหลือพวกเรามามาก พวกเราย่อมต้องตอบแทนอยู่แล้ว”
“พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ไม่สมควรที่จะมาคิดเล็กน้อยเช่นนี้” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮูหยินอู่ ดวงตาของนางยังคงแดงระเรื่อ
“ใช่แล้ว เราคือครอบครัวเดียวกัน!”
ถังหลี่กล่าวคำอำลาเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของครอบครัว ฮูหยินอู่พานางไปส่งที่ประตูหน้าจวน กระทั่งรถม้าของถังหลี่เคลื่อนตัวนางจึงกลับเข้าไปในจวนอีกครั้ง
สองสามีภรรยาทั้งมองทั้งสัมผัสอาหยูครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะเป็นการยืนยันว่าลูกชายของพวกเขาได้กลับมาแล้วจริง ๆ
“ฮูหยิน ให้อาหยูได้พักผ่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่าลูกชายนั้นร่างกายยังคงอ่อนแอ นายท่านอู่จึงกล่าวบอกภรรยา ฮูหยินอู่พยักหน้าอย่างจนใจ ก่อนจะพากันออกจากห้อง แล้วเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่งเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ท่านพี่ ตอนนี้นายน้อยเป็นตัวแทนของหยูเอ๋อร์อยู่ เวลานี้หยูเอ๋อร์กลับมาแล้ว พวกเราควรทำเช่นไรดี?” ฮูหยินอู่ถาม
“ตัวตนของนายน้อยนั้นถูกปกปิดไว้อย่างดีและเป็นความลับ” อู่โหวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“หยูเอ๋อร์….เรารับเขาเป็นลูกบุญธรรมดีหรือไม่?”
“ตกลง” ดวงตาของฮูหยินอู่เปล่งประกาย พวกเขาทั้งสองตกลงกันเช่นนั้น
กลางดึกคืนนั้นในห้องนอนของสองสามีภรรยาตระกูลอู่
ฮูหยินอู่นนั้นยังไม่อยากเชื่อตัวเองนัก นางกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงความฝัน หญิงวัยกลางคนไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ เพราะระแวงหวาดกลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นมาอีก นางลืมตาขึ้นหันไปด้านข้างสบตาเข้ากับดวงตาคู่หนึ่ง
ทั้งสองคนเพียงมองหน้ากันไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ อยู่พักใหญ่
“ท่านพี่…ท่านยังไม่นอนหรือ?” ฮูหยินอู่เอ่ยถามอีกฝ่ายส่งเสียงตอบกลับมาเบา ๆ อยู่ในลำคอ
“ข้าอยากไปหาหยูเอ๋อร์สักหน่อย…” ฮูหยินอู่กล่าวออกมาอีกครั้ง
เฮ้อ…สตรีก็เช่นนี้มักจะหวาดกลัว อู่โหวเยว่ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เจ้ากลัวความมืด ข้าจะไปกับเจ้าเอง”
ทั้งคู่เข้าไปในห้องที่อยู่ติดกันอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มมีท่าทีสงบ หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
เป็นหยูเอ๋อร์ของพวกเขาจริง ๆ ไม่ใช่ความฝัน