บทที่ 327 ซานเป่าติดมารดา
ถังหลี่นอนจนสว่าง แดดสาดส่องเข้าแยงตาจนทำให้นางลืมตาตื่นขึ้นมา
ในอ้อมแขนมีลูกน้อยอยู่ด้วย มือเล็กๆ ของซานเป่าจับเสื้อผ้าถังหลี่ไว้แน่น เด็กหญิงพึมพำเสียงเบาๆ แม้จะอยู่ใกล้ๆ กัน แต่นางยังจับไม่ได้ว่าซานเป่าพูดว่าอะไร
ถังหลี่มองบุตรสาว แม้ซานเป่ายังไม่โตแต่เริ่มจะมีเค้าความงามขึ้นมาบ้างแล้ว ขนตายาว มีจมูกน้อยๆ ดูรวมๆ แล้วน่ารักมากแทบไม่อยากละสายตาเลย
ไม่นานนัก ขนตาของซานเป่ากระพือขึ้นเบาๆ นางค่อยๆลืมตาเด็กน้อยงัวเงียขยี้ตา แววตาดูสดใส
“ท่านแม่” ซานเป่าร้องเรียก ทำแก้มพอง
“หอมหน่อย”
ถังหลี่จุมพิตที่แก้มพองป่องของบุตรสาวใบหน้าเล็กๆ นุ่มนิ่มมาก นางหันหน้าอีกข้างให้มารดา
“ท่านแม่ ข้างนี้ด้วย” ถังหลี่หอมแก้มนางอีกข้าง
เด็กหญิงมีความสุขทว่ายังไม่พอใจ ซานเป่ากอดคอของถังหลี่ไว้
“ท่านแม่ ข้ามีความสุขมาก”
ซานเป่าพูดด้วยน้ำเสียงหวานใส หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานทำให้ซานเป่ารู้สึกว่าความสุขของนางคือการที่ตื่นมาแล้วได้เจอกับมารดา
ถังหลี่มองดูท่าทางน่ารักของบุตรสาวแล้วหัวใจแทบจะละลาย
“แม่จะอยู่กับซานเป่าตลอดไป”
“สัญญานะ”
“แม่สัญญา”
สองแม่ลูกตัวติดกันราวกับขนมเกลียว
ถังหลี่ไม่ยอมลุกออกจากเตียงจนกระทั่งได้ยินเสียงท้องร้องประท้วง นางอุ้มซานเป่าลงจากเตียง
ยามปกติแล้วซานเป่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งแต่งตัว อาบน้ำ กินข้าว แต่วันนี้เด็กหญิงติดมารดามาก ขอให้แม่แต่งตัวให้หรือแม้กระทั่งให้มารดาช่วยหวีผม ถังหลี่เองก็เพลิดเพลินไปด้วยเช่นกัน เจ้าตัวน้อยช่างน่าเอ็นดู
ว่ากันว่าบิดา มารดาไม่ควรตามใจลูกมากจนเกินไป มิเช่นนั้นการสอนสั่งทั้งหลายจะสูญเปล่า แต่เมื่อเจอกับบุตรที่น่ารักเช่นซานเป่า พวกเขาหรือจะอดใจไม่ตามใจนางได้อย่างไร? บิดามารดาย่อมปรารถนาที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบุตรอยู่แล้ว
ถังหลี่แต่งตัวให้อาบน้ำแต่งตัวให้บุตรสาว จนถึงเวลากินอาหารกลางวัน จากนั้นจึงได้จับมือเด็กน้อยเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังจวนของเจ้าคณะมณฑลเหวิน ซานเป่าอยากซื้อของระหว่างทาง ทำให้พวกนางตัดสินใจที่จะเดินไปแทน
ในขณะที่กำลังเดินผ่านตลาดที่พลุกพล่าน จู่ๆ เด็กน้อยก็ชะงักฝีเท้า มองไปที่ร้านขายลูกกวาดอย่างกระตือรือร้น
“ท่านแม่ ข้าอยากกินลูกกวาด” ซานเป่าพูด
ท่านแม่บอกว่าซานเป่ากำลังจะมีฟันแท้ขึ้น เลยไม่อยากให้นางกินขนมหวานมากนัก แต่วันนี้ท่านแม่ตามใจนางมาก ซานเป่ารู้ดี นางจึงอยากเอาแต่ใจตนขึ้นมาบ้าง
“เอาสิ แต่ได้แค่พวงเดียวเท่านั้น”
“เจ้าค่ะ” ดวงตาของซานเป่าเป็นประกายขึ้นมาทันที
ระหว่างทางที่เดินไปถังหลี่ซื้อของให้ซานเป่ามากมาย กว่าจะถึงจวนเจ้าคณะมณฑลกระเป๋าของซานเป่าก็เต็มไปด้วยขนม
“ข้าถังหลี่ อยากพบฮูหยินเหวิน ได้โปรดแจ้งนางให้ทราบด้วย”
ถังหลี่กล่าวกับบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตู
บ่าวผู้นั้นรีบเข้าไปรายงานยังด้านใน ทั้งสองรอที่ประตูอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนักมีร่างของเด็กน้อยสองคนวิ่งออกมาเป็นเหวินรั่วเสวี่ยและเหวินไคเฉิงนั่นเอง ทั้งคู่วิ่งมาหาสองแม่ลูก ทำความเคารพนางจากนั้นจึงได้มารุมล้อมซานเป่า
“น้องสาว เมื่อคืนเจ้าหลับสบายไหม? ฝันร้ายหรือไม่?”
“น้องสาว ข้ามีของที่น่าสนใจมาก เจ้าอยากไปดูไหม?”
พวกเขาทั้งสามคนผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันจึงรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น
ซานเป่าสนใจกับสิ่งของที่เหวินไคเฉิงพูดถึงเป็นอย่างมาก
“ท่านแม่ ข้าไปเล่นกับพี่สาวพี่ชายได้ไหม?” ซานเป่าเงยหน้าขึ้นถาม
“ได้สิ เชื่อฟังพี่ชายกับพี่สาวของเจ้าด้วย เข้าใจไหม อย่าเที่ยวได้วิ่งซนไปมา”
ซานเป่าตอบรับอย่างเชื่อฟัง เหวินรั่วเสวี่ยและเหวินไคเฉิงต่างจับมือพากันวิ่งเข้าไปในจวน
ส่วนถังหลี่มีสาวใช้นำทางไปหาฮูหยินเหวิน ระหว่างที่เดินไปสาวใช้ดูตื่นเต้นมาก
“ฮูหยินของข้าไม่ค่อยจะเชิญหรือนัดหมายให้ผู้ใดมาที่จวนเลยเจ้าค่ะ ยามปกตินางมักจะออกไปนัดหมายที่ข้างนอกมากกว่า”
ฮูหยินเหวินมีนิสัยอ่อนโยน ทว่าขีดเส้นกับผู้อื่นอย่างชัดเจน ผู้ที่นางนัดพบภายนอกเป็นการติดต่อกันตามมารยาทระหว่างสังคมของผู้สูงศักดิ์ ส่วนคนที่นางเชิญมายังจวนนับได้ว่าเป็นมิตรสหายที่แท้จริงของนาง ซึ่งในเมืองชิงเหอนี้นับได้ว่ามีแค่ถังหลี่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ชนะใจฮูหยินเหวินได้ สาวใช้สังเกตเห็นความพิเศษของถังหลี่ นางจึงกุลีกุจอต้อนรับขับสู้ถังหลี่เป็นอย่างดี
นางพาถังหลี่เข้าไปในสวนจึงเห็นว่าฮูหยินเหวินรอนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นถังหลี่ฮูหยินเหวินรีบเข้าไปจับมือต้อนรับถังหลี่ทันที
“เมื่อคืน เจ้าหลับสบายไหม?”
“ข้าสบายดีฮูหยิน”
“ข้าฝันร้ายทั้งคืน หากพอตื่นจึงได้รู้ว่าเป็นแค่ความฝัน”
“เด็กๆ จะดีขึ้นเรื่อยๆ โชคร้ายจะกลายเป็นดีเอง”
“ใช่มันดีขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ทั้งรั่วเสวี่ยและไคเฉิงเอาแต่รุมล้อมข้าเล่าเรื่องของซานเป่าไม่หยุด ข้าแทบไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาเล่าออกมาเลย ซานเป่าของเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไรหรือ?”
ก่อนหน้านี้ฮูหยินเหวินคิดว่าบุตรของนางทั้งสองคนได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่เมื่อเทียบกับซานเป่าแล้วจึงเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ซานเป่าอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น แต่ไม่กลัวอันตรายซ้ำยังสามารถเอาชนะโจรได้ หากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นางได้ยินมาจากปากของลูกๆ ตัวเอง นางคงไม่มีวันเชื่อ
ถังหลี่ยิ้ม ในภายหน้า ซานเป่าจะเป็นถึงแม่ทัพหญิง นางย่อมแตกต่างจากเด็กทั่วไปอยู่แล้ว ต่อให้พยายามเพียงใดก็คงไม่มีใครสามารถเทียบชั้นกับนางได้
บุตรชายหญิงทั้งสี่ของนางจะเป็นใหญ่เป็นโตในวันข้างหน้า พวกเขาจึงฉายแววเหล่านี้ออกมาให้เห็นตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ
ถังหลี่ไม่อาจจะพูดโอ้อวดออกไปได้ เพราะจะเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป นางจึงพูดแต่เพียงว่า
“เด็กคนนั้นชอบชกมวยตั้งแต่เด็ก นางเรียนรู้เรื่องนี้มาสี่ปีแล้ว นางทำได้ดีมากทีเดียว”
“ซานเป่าเรียนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุสามขวบเลยหรือ?” ฮูหยินเหวินตกใจ นางเริ่มครุ่นคิด
“การได้เรียนรู้เช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว อย่างน้อยจะได้รู้จักป้องกันตัวเองได้ ข้าต้องถามใต้เท้าให้เขาหาอาจารย์มาสอนวิชาหมัดมวยให้พวกเขาบ้าง”
ถังหลี่และฮูหยินเหวินแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกให้แก่กัน ยิ่งได้คุยมากเท่าไหร่พวกนางก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น ฮูหยินเหวินชื่นชมถังหลี่มาก นางรู้สึกถึงความใจดีและมีเมตตาของถังหลี่ ทำให้ฮูหยินเหวินรู้สึกเหมือนว่าถังหลี่เป็นน้องสาวผู้หนึ่งเลยทีเดียว
….
ในเวลาเดียวกัน
ที่ศาลาว่าการเมืองมีโจรนั่งคุกเข่าอยู่เต็มไปหมด โจรเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บไม่เท่ากัน
บางคนมีสีหน้าไม่พอใจและบางคนก็หวาดกลัว ใต้เท้าเหวินนั่งอยู่บนเก้าอี้พิจารณาคดี เพื่อสอบปากคำ พวกเขาถูกทรมาน โจรบางคนทนไม่ได้จึงรีบสารภาพอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ชิงหลงไจ้ถูกกวาดล้างไปแต่ยังมีกลุ่มโจรหลงเหลืออยู่สองสามคนที่รอดไปได้
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ทางเหนือ ก่อนจะกลับมาที่อยู่อาศัยที่ชิงหลงไจ้อีกครั้ง
ครั้งนี้พวกเขาไม่กล้าทำเรื่องร้ายแรงมากเหมือนเช่นในอดีต จึงทำความผิดแค่เล็กน้อยเท่านั้น พวกโจรมักหวนคิดถึงอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงมีความแค้นต่อใต้เท้าเหวินเป็นอันมาก เมื่อได้โอกาสจึงได้ลักพาตัวบุตรฝาแฝดของเขามาเพื่อแก้แค้น
ใบหน้าของใต้เท้าเหวินที่นังอยู่บนแท่นสูงบิดเบี้ยวเต็มด้วยความโกรธ
“แล้วทำไมพวกเจ้าจึงได้ใช้เวลานานนักกว่าจะลงมือแก้แค้นข้า?”
ใต้เท้าเหวินถามอย่างเฉียบขาด ชิงหลงไจ้ถูกทางการปราบปรามเมื่อสิบปีก่อน หากต้องการแก้แค้นเหตุใดจึงต้องทนอยู่ถึงสิบปีกัน!