เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 335 พบกู้หวนเนี่ยน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 335 พบกู้หวนเนี่ยน

ลุงฝูมองผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นใบหน้าของนายน้อยบึ้งตึง ผู้จัดการทุกคนต่างพากันเงียบกริบ ไป๋มู่หยางกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ เขาควบคุมกิจการด้วยวิธีโหดร้าย ไม่อ่อนข้อให้ใคร เถ้าแก่ร้านค้าจึงพากันให้ความเคารพและยำเกรงเขา ตอนนี้ไป๋มู่หยางกำลังโกรธ พวกเขารู้สึกกลัว เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก

“ไม่มีอะไรจะพูดหรือไม่กล้าพูดกันแน่?”

ไป๋มู่หยางถามอย่างเย็นชา คนทั้งหมดก้มหน้างุด เหงื่อยังคงไหลไม่หยุด การพูดคุยครั้งนี้ดูเหมือนจะอับจนหนทาง ผู้จัดการร้านเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ลุงฝูมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของไป๋มู่หยางก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเดินเข้าไปหา ไป๋มู่หยางมองพ่อบ้านที่เดินเข้ามา สายตายังคงมีความกรุ่นโกรธหลงเหลืออยู่

“นายน้อย คุณหนูมาขอรับตอนนี้นางกำลังรอท่านที่ห้องรับแขก” ลุงฝูกระซิบ

“เสี่ยวถัง?” ไป๋มู่หยางถาม

ลุงฝูพยักหน้า อารมณ์โกรธเกรี้ยวราวกับพายุบนใบหน้าของไป๋มู่หยางสลายหายไปทันที เขาดูไม่ร้าวก้าวเหมือนก่อนหน้ากลายเป็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับมีลมวสันต์พัดมา

“ประชุมจบแล้ว พวกเจ้ากลับไปได้”

หลังจากที่ไป๋มู่หยางพูดจบเขาก็รีบลุกหันหลังเดินออกไปทันที ผู้จัดการร้านทั้งหลายต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นใคร นางช่างมีความสามารถทำให้คุณชายมู่อารมณ์ดีขึ้นได้ในชั่วพริบตาเลยทีเดียว

ไป๋มู่หยางเดินไปที่ประตูห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างในแววตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น

“เสี่ยวถัง!” ไป๋มู่หยางร้องเรียก

“พี่ใหญ่” ถังหลี่เดินไปหาเขา

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่ามาเมืองหลวง ข้าจะได้ไปรับเจ้า” ไป๋มูหยางกล่าว

“พี่ใหญ่ยุ่งอยู่หรือเปล่า? พวกข้ามากันหลายคนเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่าน”

ถังหลี่ตอบเขา สายตาของไป่มู่หยางสำรวจดูถังหลี่อย่างระมัดระวัง

ใบหน้าของถังหลี่สดใสและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูเหมือนว่าสามปีที่ผ่านมาน้องสาวของเขาจะผ่านไปได้ด้วยดี ไป๋มู่หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ถังหลี่มองพี่ชายของตนเองเช่นกัน แต่สิ่งที่นางเห็นมีแต่ความเหนื่อยล้าอยู่บนใบหน้าของเขา เท่าที่ถังหลี่รู้จากโครงเรื่องเดิมของนวนิยายเรื่องนี้คือ ไป๋ซวี่หยางจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดแต่ทว่าพี่ชายของเขานั้น…

ครอบครัวสกุลไป๋ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากบิดาและมารดาของไป๋มู่หยาง แต่สุดท้ายเป็นไป๋ซวี่หยางและมารดาของเขาแย่งชิงไป ส่วนพี่ใหญ่ของนางนั้นก็เสียชีวิตกระทันหัน เบื้องลึกเบื้องหลังเป็นเพราะสองแม่ลูกคู่นี้เอง

การที่พี่ชายของนางจะงัดข้อกับสองแม่ลูกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ปีนี้คงเป็นปีที่ยากลำบากของไป๋มู่หยางอย่างแน่นอน

“ท่านพี่อย่าหักโหมเกินไป” ถังหลี่กล่าว

เมื่อเห็นความเป็นห่วงของถังหลี่ ไป๋มู่หยางรู้สึกตัวได้ทันที หัวใจของเขาจึงสงบลงเขาพยักหน้ารับ

“อืม”

“หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ท่านอย่ารีบร้อน” ถังหลี่กล่าว

“ท่านไม่จำเป็นจะต้องทุบตีผู้คนให้ตายในคราวเดียว ท่านค่อยๆ ทรมานพวกเขาช้าๆ จะดีกว่า”

ไป๋มู่หยางรู้สึกขบขันกับคำพูดปลอบโยนของถังหลี่ นั่นทำให้เขาอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้น

“ท่านพี่ ท่านต้องดูแลสุขภาพด้วย อย่าคิดมากจนเกินไปนัก ไม่เช่นนั้นร่างกายท่านจะเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป”

ตอนนี้นางกังวลว่าพี่ชายของนางจะกระหายในการแก้แค้นและรีบทวงคืนของของตนกลับมา จนทำร้ายร่างกายของเขา

ไป๋มู่หยางพยักหน้ารับอีกครั้ง

“ข้าฟังเจ้า”

มารดาของเขาจากเขาไปนานแล้ว ส่วนบิดาก็ไม่ได้รักใครไยดี ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า โชคดีที่เขายังมีน้องสาว มีคนคอยห่วงใยเขาแบบนี้ สองพี่น้องคุยกันอยู่สักพักก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาชะโงกหัวมองไปรอบๆ เมื่อเห็นถังหลี่ เขาแทบจะวิ่งเข้าไปหานางทันที

“ถังถัง!! ถังถัง!!” ผู้ที่เข้ามาใหม่เป็นฮั่วจีว์ นั่นเอง เขารี่เข้ามาหาถังหลี่ ทั้งตื่นเต้นประหลาดใจและดีใจคละเคล้ากัน

ฮั่วจีว์พูดตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น ฮั่วจีว์อยากจะจับมือของนางแต่ไป๋มู่หยางผลักเขาออกไป

“ถังถัง เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย ทำไมเมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าไม่มาหาข้า ทำไมเจ้ามาหาเหล่าไป๋ก่อนเล่า? ในใจของน้องสาวข้า เหล่าไป๋สำคัญกว่าใช่หรือไม่?” ฮั่วจีว์กอดอกพูดอย่างโกรธเคือง ตอนนี้เขากำลังรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก

ก่อนทีถังหลี่จะตอบ ไป๋มู่หยางก็ชิงตอบไปก่อน

“ใช่”

ฮั่วจีว์ : “…..”

ตอนนี้กำปั้นของเขากำลังสั่นระริก แทบอยากจะซัดใครบางคน

ถังหลี่หัวเราะ

“คิกๆ” สามปีแล้วที่นางไม่ได้เจอฮั่วจีว์ เขายังเป็นคนตลกเช่นเคย เมื่อสามปีก่อนเขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มแต่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปแต่นิสัยของกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มโกรธอยู่พักหนึ่งเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาจึงปลอบใจตัวเองว่าที่ถังถังมาหาเหล่าไป๋ก่อนเพราะว่าเหล่าไป๋อายุมาก ต้องเคารพผู้อาวุโสก่อน หลังจากที่เจอเหล่าไป๋แล้วนางจะไปหาเขา ฮั่วจีว์ปลอบใจตัวเองจนกลับมาร่าเริงอีกครั้ง

“ถังถังตอนที่พวกเราแยกกัน พี่เคยบอกว่าถ้าเจ้ามาเมืองหลวงพี่จะพาเจ้าไปรอบๆ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ข้าจะพาเจ้าไปชมเมืองเอง” ฮั่วจีว์พูดอย่างตื่นเต้น

ชายหนุ่มไม่รอช้าลากถังหลี่ออกไปทันที เมื่อไป๋มู่หยางเห็นเช่นนั้นเขาจึงรีบตามออกไปด้วย ทั้งสามคนไปเที่ยวตลาดที่คึกคักมีชีวิตชีวาด้วยกัน ไป๋มู่หยางมองทิศทางที่พวกเขากำลังจะไปรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขายื่นมือออกไปเพื่อหยุดฮั่วจีว์

“เจ้าจะพาเสี่ยวถังไปไหน”

“ก็ต้องเป็นที่ที่ข้าไปบ่อยมากที่สุดนะสิ ทั้งสนุกและน่าสนใจที่สุดในเมืองแล้ว” ฮั่วจีว์กล่าว

“หอนางโลม?”

“ใช่หอนางโลม เต็มไปด้วยสาวงามล้วนมากความสามารถ”

“ไม่” ไป๋มู่หยางพูดอย่างไร้อารมณ์ ฮั่วจีว์จ้องไป๋มู่หยาง

เขาคิดว่าที่นั่นสนุกและคึกคักเขาจึงอยากพาน้องสาวไปดู แต่สายตาที่จ้องเขม็งดุดันของไป๋มู่หยางทำให้ฮั่วจีว์ค่อยๆรู้สึกตัวหดลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดอย่างเจื่อนๆ ว่า

“ลืมมันไปเถอะ เห็นแก่เจ้าที่เป็นผู้อาวุโส ข้าจะไว้หน้าเจ้าสักครั้ง เจ้าอยากพานางไปที่ไหนย่อมแล้วแต่เจ้า”

ไป๋มู่หยางพาถังหลี่ไปยังร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ร้านนี้ใหญ่มากแทบจะกินพื้นที่ทั้งถนนตลอดเส้น มีโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ที่ทางเข้า ภายในร้านกว้างขวาง ถังหลี่มีร้านอาหารหนิงเฟิงสิบแห่งในมณฑลชิงเหอ แต่พอเห็นร้านนี้นางรู้สึกตกใจ

ถังหลี่เดินเข้าไปในร้านอาหาร นางมองไปรอบๆ เห็นว่าตัวร้านทำจากไม้เถามู่แขวนตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดง ที่ลานตรงกลางมีหินตกแต่งและธารน้ำไหล สภาพแววดล้อมเงียบสงบ ผู้คนที่เข้ามาในร้านล้วนแต่งกายด้วยผ้าไหมผ้าตวนทออย่างดี พูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุข

ไป๋มู่หยางมาที่ร้านอาหารแห่งนี้บ่อยครั้ง ครั้งนี้เขาขอห้องที่ติดริมแม่น้ำแล้วพาถังหลี่เข้าไปข้างใน ถังหลี่มองออกไปด้านนอก เห็นถนนกว้าง มีแม่น้ำสายใหญ่อยู่ด้านนอก ที่นั่นมีเรือสำราญลอยผ่านไปเป็นระยะๆ ผู้คนที่อยู่ในเรือล้วนขับร้องเพลงอย่างไพเราะ ไม่ไกลจากที่ตรงนั้นมีเด็กเล็กสองสามคนกำลังเล่นอยู่ พวกเขาพากันเงยหน้าส่งยิ้มทักทายให้ถังหลี่ นางยิ้มตอบ ไม่นานนักสีหน้าของถังหลี่ก็เปลี่ยนไปกะทันหัน นางเห็นรถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเด็กๆ ทั้งถังหลี่และฮั่วจีว์กระโดดลงมาจากหน้าต่างพวกเขากำลังจะเข้าไปคว้าตัวเด็ก ทว่ามีคนผู้หนึ่งเร็วมากกว่าพวกเขา คนผู้นั้นกอดเด็กๆ ด้วยวงแขนข้างเดียวเพื่อหลบรถม้าก่อนจะปล่อยพวกเขาลงไปที่พื้น

เป็นชายรูปร่างสูงคิ้วราวกับดาบ ใบหน้าคมเข้มและท่าทางโดดเด่น

“กู้หวนเนี่ยน!”

เมื่อฮั่วจีว์เห็นชายผูู้นั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ดูหวาดกลัว เขาแอบซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังของถังหลี่อย่างไม่รู้ตัว

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท