จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 431-435

ตอนที่ 431-435

บทที่ 431 : วิกฤติในวันเกิด (1)
  ”เจ้าบ้านตระกูลอันมาร่วมแสดงความยินดี”
  ท่ามกลางเสียงเยินยอของทุกคนในงานเสียงหนึ่งพลันดังกึกก้องขึ้นในอากาศ ทำให้ฝูงชนที่ส่งเสียงคุยเฮฮาเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง
  ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอันและตระกูลหวังนั้นไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันนัก ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ หวังเสี่ยวผางก็ทุบตีอันเซียงหรัน นั่นยิ่งส่งผลให้ทั้งสองตระกูลดูเหมือนจะไม่กินเส้นกัน
  ทว่าวันนี้… ตระกูลอันกลับส่งคนมาร่วมงานวันเกิดของเจ้าบ้านหวังงั้นหรือ ?
  ทุกคนที่อยู่ณ ที่นั้นต่างก็หันไปมองด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเห็นเจ้าบ้านอัน อันเจิ้นหนิงเดินช้า ๆ เข้ามาพร้อมกับหลานชายของเขา
  นัยน์ตาแวววาวสดใสของอันเซียงหรันมองไปรอบๆ ราวกับว่าเขากำลังมองหาบางอย่าง ทันทีที่เขาเห็นหวังเสี่ยวผางและไป๋เสี่ยวเฉิน ผู้ซึ่งกำลังกินและดื่มอย่างเปรมปรีดิ์บนที่นั่งของพวกเขา นัยน์ตาของอันเซียงหรันพลันเปล่งประกาย นอกจากนี้ปากของเขาก็ยังเผยรอยยิ้มออกมา
  อันเจิ้นหนิงมองตามสายตาของหลานชายเขาเห็นหวังเสี่ยวผางผู้ซึ่งยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน เขาขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
  เจ้าหวังเสี่ยวผางเด็กอ้วนคนนี้ทั้งยโสทั้งโอหังเหตุใดวันนี้ หรันเอ๋อถึงอยากมางานนี่กับเขา ? นี่เป็นวันเกิดของผู้ใหญ่ ทว่าหลานชายกลับร้องขอให้เขาพามาที่นี่ด้วย
  ”ท่านเจ้าบ้านอันท่านว่างมางานนี้ด้วยกระนั้นหรือ ?”
  หวังหยู่ฟานตกใจเล็กน้อยเขาเดินเข้าไปหาอันเจิ้นหนิงพร้อมด้วยรอยยิ้ม
  “แค่ก”อันเจิ้นหนิงไอแห้ง ๆ เขาเผลอมองไปที่อันเซียงหรัน ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “ข้าพาหรันเอ๋อมาเปิดหูเปิดตา ทั้งยังเตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาแสดงความยินดีกับท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหวัง”
  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขาก็หันไปบอกให้บ่าวรับใช้ของเขาให้ไปนำของขวัญมา ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง อันเซียงหรันก็ผละจากข้างกายของเขาวิ่งไปที่ห้องโถง
  อย่างไรก็ตามอันเซียงหรันวิ่งเร็วเกินไป เขาสะดุดล้มลงกับพื้น พลันกล่องที่ห่อไว้อย่างประณีตในแขนเสื้อของเขาก็หลุดออกมา ฝากล่องเปิดออก แสงสีแดงเปล่งประกายส่องสว่างบนใบหน้าซีดจางของเขา
  ”หรันเอ๋อ!”
  เจิ้นหนิงตกใจแทบตายเขาไม่สนใจของขวัญอีกต่อไป เขารีบวิ่งเข้าไปหาอันเซียงหรัน
  “เอาล่ะเจ้าหกล้มเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดบ้าง ?” ใบหน้าของอันเจิ้นหนิง เต็มไปด้วยความเครียด เขารีบช่วยพยุงอันเซียงหรันขึ้นจากพื้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
  ”ข้าไม่เป็นไร”
  อันเซียงหรันส่ายศีรษะเขารีบวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หยิบกล่องที่หล่นบนพื้นเพียงไม่กี่ก้าว มือข้างหนึ่งก็คว้ากล่องนั่นไปแทน
  “โอ้! บ้านสกุลอันช่างใจดีจริง ๆ ข้าขอนำของขวัญล้ำค่านี่ไปให้ท่านพ่อก่อนนะ” หวังตี้อี้ปิดกล่องพร้อมรอยยิ้ม นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแสงที่น่ากลัว
  ข้าไม่คาดคิดว่าตระกูลหวังจะนำผลแก้วมังกรเพลิงมาเป็นของขวัญหากเป็นเวลาปกติ เขาคงยินดีมาก ทว่าน่าเสียดาย เพราะอีกไม่นานคนจากสำนักเวชโอสถจะมาถึงที่นี่ จากนั้นผลแก้วมังกรเพลิงนี้ก็ต้องถูกส่งต่อให้พวกเขา !
  ”คุณชายสาม”ใบหน้าของอันเจิ้นหนิงเคร่งขรึม “ผลแก้วมังกรเพลิงเป็นของขวัญที่หรันเอ๋อเตรียมมามอบให้ท่านเจ้าบ้านหวัง ไม่ใช่ของขวัญวันเกิด โปรดส่งคืนให้เขาด้วย”
  อันเจิ้นหนิงกล่าวอย่างสุภาพแต่หากเป็นบิดาของเขาแล้วล่ะก็ เกรงว่าบิดาของเขาคงจะคว้าผลแก้วมังกรเพลิงกลับคืนมาจากมือของหวังตี้อี้เสียนานแล้ว
  “ท่านเจ้าบ้านอันหาเหตุที่จะเอาของขวัญคืนใช่หรือไม่ล่ะ ?” สีหน้าและวาจาของหวังตี้อี้ช่างไร้ยางอายนัก ดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะครอบครองผลแก้วมังกรเพลิงนี้ให้จงได้
  เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งลานบ้านเงียบสนิททุกคนต่างก็กระซิบกระซาบกัน
  แม้ว่าเสียงของการโต้เถียงจะเบาๆ ทว่าย่อมจะเข้าหูของหวังหยู่ฟาน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขารู้สึกละอายใจกระทั่งแทบแทรกพื้นหนี
  ”เจ้าสามคิดจะทำอะไรส่งผลแก้วมังกรเพลิงคืนให้นายน้อยอันเดี๋ยวนี้”
  ***จบบทวิกฤติในวันเกิด (1)***

บทที่ 432 : วิกฤติในวันเกิด (2)
  หากเรื่องการฉกทรัพย์ของคนอื่นในครั้งนี้เผยแพร่ออกไปนับจากนี้เขาจะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปไว้ที่ใดล่ะ ?
  ”ท่านพ่อผลแก้วมังกรเพลิงนี่เป็นของขวัญวันเกิดจากตระกูลอัน ท่านไม่เห็นต้องเกรงใจเลย”
  หวังตี้อี้ทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าของหวังหยู่ฟานเขายังคงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
  ”เจ้า… ” หวังหยู่ฟานหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หวังตี้อี้ด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
  บางทีหวังหยู่ฟานเองก็ไม่คาดคิดว่าหวังตี้อี้จะยกเขาเป็นข้ออ้างเพื่อฉกชิงของผู้อื่นท่ามกลางที่สาธารณะ
  ”ส่งมันคืนมาให้ข้า”
  อันเซียงหรันรีบวิ่งเข้าไปหาหวังตี้อี้ด้วยความโกรธเขายกมือขึ้นเพื่อฉวยผลแก้วมังกรเพลิง อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ หวังตี้อี้ก็ยกมือขึ้นผลักอันเซียงหรันกระทั่งเซถลา
  หากมิใช่เป็นเพราะอันเจิ้นหนิงรับอันเซียงหรันไว้ได้ทันอันเซียงหรันย่อมจะต้องล้มลงกับพื้นอีกครั้งเป็นแน่
  ”ตระกูลหวังทำเกินไปแล้ว !” หัวใจอันเจิ้นหนิงอัดแน่นไปด้วยความโกรธ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การมาบ้านสกุลหวังในวันนี้นับเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของข้าจริง ๆ เอาล่ะ…ส่งผลแก้วมังกรเพลิงคืนมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ จากนี้ไปข้าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
  เขายื่นมือออกไปหาหวังตี้อี้นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
  ผู้คนต่างก็รู้สึกเสียใจมากที่งานวันเกิดดีๆ เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ อย่างไรเสียผู้อาวุโสทั้งสามของบ้านสกุลหวังต่างก็เป็นคนที่ดีมาก
  ”ท่านพ่อ”
  ช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายต่างเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองนั้นหวังตี้หยวนก็เดินเอามือไพล่หลังออกมาจากด้านหลังฝูงชน
  “อย่างไรเสียผลแก้วมังกรเพลิงก็ต้องเป็นของบ้านสกุลหวังข้ายินดีจ่ายเงินเป็นสองเท่าของราคาประมูล” เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
  ”นี่เจ้าก็จะทำให้ข้าขายหน้าด้วยงั้นหรือ?”
  หวังหยู่ฟานสูดลมหายใจเข้าลึกขณะเอ่ยถาม
  ”ท่านพ่อข้าไม่มีทางเลือก ข้าสัญญาไว้กับผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถว่าจะนำผลแก้วมังกรเพลิงมามอบให้แก่พวกเขา ข้าจะกลับคำพูดได้อย่างไร? เช่นนั้นอย่าโทษข้าเลย ที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อบ้านสกุลหวัง”
  ร่างชราของหวังหยู่ฟานสั่นสะท้านเล็กน้อยเขากล่าวคำใดไม่ออกอีกเลย
  บ้านสกุลหวังเป็นนายทวารของตำหนักเซียนพยับหมอกการไม่รักษาคำพูดกับสำนักเวชโอสถจะไม่ต่างจากทำให้ตำหนักเซียนพยับหมอกเสียหน้ากระนั้นรึ ?
  ทว่า…
  หากการที่บุตรชายของเขาฉกฉวยของผู้อื่นเช่นนี้เขาจะสามารถสู้หน้าคนในเมืองนี้ได้อีกกระนั้นหรือ ?
  ”คืนให้ข้าคืนผลแก้วมังกรเพลิงมาให้ข้า !”
  นัยน์ตาของอันเซียงหรันเปลี่ยนเป็นสีแดงเขารีบวิ่งเข้าไปหาหวังตี้อี้อีกครั้งราวกับคนเสียสติ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดุดัน ซึ่งแตกต่างจากสายตาที่รื่นเริงสดใสก่อนหน้านี้
  ”ระวังตัวด้วย!”
  หัวใจของอันเจิ้นหนิงยิ่งตึงเครียดเขาพยายามคว้าแขนเสื้อของอันเซียงหรัน ทว่าอีกฝ่ายกลับผลุนผลันวิ่งไปด้านหน้าหวังตี้อี้แล้ว
  ”ออกไปนะ!”
  หวังตี้อี้โกรธมากครานี้เขาไม่เกรงใจอันเจิ้นหนิงแล้ว นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขายกขาขึ้นหวังเตะหน้าอกอันเซียงหรัน
  ขณะที่ขาของเขากำลังจะสัมผัสหน้าอกอันเซียงหรันนั้นจู่ ๆ แสงสีขาวพลันสว่างวาบขึ้นทางด้านหลัง กระแทกเข้าใส่แผ่นหลังของเขา
  ส่งผลให้หวังตี้อี้ถึงกับซวนเซล้มลงกับพื้น หน้าคะมำด้วยท่าทางไม่ต่างจากสุนัขกินขี้
  ”ผู้ใด…ผู้ใดลอบทำร้ายข้า?”
  หวังตี้อี้ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเขาหันมองโดยรอบ ทว่าเบื้องหน้าเขาก็เป็นแค่ลูกแมวสีขาวที่กำลังลับกรงเล็บ มันจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายแสงดูถูกเหยียดหยาม
  ในเวลาเดียวกันเสียงไร้เดียงสาก็ดังมาจากห้องโถง
  ”เสี่ยวมี่ข่วนเขา !”
  ควับ!
  ทันทีที่ได้รับคำสั่งเสี่ยวมี่ก็กระโดดขึ้น แผ่กรงเล็บอันแหลมคมของมันซึ่งเปล่งประกายแสงเย็นเยือก
  ”เจ้าสัตว์อสูรบ้า!!”
  หวังตี้อี้ร้องออกมาพร้อมกับโบกมือขึ้น เพื่อต่อต้านการโจมตีของแมวขาวตัวน้อยด้วยความโกรธ
  ***จบบทวิกฤติในวันเกิด (2)***

บทที่ 433 : วิกฤติในวันเกิด (3)
  หวังตี้อี้กัดฟันด้วยความเกลียดชังแมวน่ารังเกียจนี่ก็เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน เขาประมาทเกินไปจริง ๆ
  โชคดีที่ความแข็งแกร่งของเผ่าแมวนั้นอ่อนแอมากเขาจะแพ้แมวได้อย่างไร ?
  ทว่าไม่นานความหวังเดียวที่เหลืออยู่ในใจของเขาก็ถูกทำลายลง
  พลันภาพของสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยความสูงส่งเยี่ยงราชาก็ปรากฏทาบทับใบหน้าของแมวขาวตัวน้อยมันรวดเร็วมาก หากแต่หวังตี้อี้อยู่ห่างจากเสี่ยวมี่ไม่มากนัก ภาพนั้นจึงยังสะท้อนให้เห็นในสายตาของเขา
  ครานี้ภายในใจเขาพลันสยองขวัญอย่างยิ่ง
  นี่… มันไม่ใช่แมว ทว่าเป็นเจ้าแห่งสัตว์อสูร – เสือขาว !
  ”อ๊าก!”
  กรงเล็บอันแหลมคมข่วนลงบนใบหน้าของเขาจนเลือดไหลรินเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงแทบขาดใจ
  อันเซียงหรันยังคงตกอยู่ในภาวะตกใจแต่ครั้นเห็นว่าตนเพิ่งผ่านอันตรายมาได้ เขาก็ร่ำไห้
  ”หรันเอ๋อไม่เป็นไรแล้ว”
  อันเจิ้นหนิงรีบเดินเข้าไปยืนข้างกายอันเซียงหรันพลางกอดอันเซียงหรันไว้ในอ้อมแขนเขากล่าวด้วยความปวดร้าวใจว่า “ลุงอยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไร ลุงจะไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าแน่”
  สภาพอันเซียงหรันเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยน้ำตาเอ่อคลอนัยน์ตาที่น่ารักน่าเอ็นดู เขาปาดน้ำตาจากปลายหางตา “ท่านลุง ข้าจะมอบผลแก้วมังกรเพลิงให้ไป๋เสี่ยวเฉิน … ”
  ไป๋เสี่ยวเฉิน!
  เจิ้นหนิงตกตะลึงจากนั้นเขาก็จำได้ว่าเด็กชายที่หวังเสี่ยวผางสนิทสนมด้วยดูเหมือนจะชื่อว่า ไป๋เสี่ยวเฉิน
  หรือเป็นได้ว่าเหตุที่หรันเอ๋อยอมเป็นเพื่อนกับหวังเสี่ยวผางเป็นเพราะเด็กคนนั้น ?
  ขณะที่อันเจิ้นหนิงกำลังครุ่นคิดเขาก็เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยวิ่งเข้ามา
  ซาลาเปาน้อยนุ่มๆ ราวกับแกะสลักจากหยกเนื้อดี น่าเอ็นดูอย่างยิ่ง เพียงเห็นแว่บเดียวก็ทำให้ผู้คนตกหลุมรักเด็กคนนี้ได้โดยง่าย
  ส่วนหวังเสี่ยวผางนั้นเขาไม่ต่างจากลิ่วล้อตัวเล็ก ๆ ที่คอยเดินตามไป๋เสี่ยวเฉิน ไขมันของเขากระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการวิ่งอย่างน่าขัน
  ”นั่น… ” อันเซียงหรันกัดริมฝีปากพลางกล่าวว่า “วันนี้ข้าอยากมอบผลแก้วมังกรเพลิงให้แก่เจ้า แต่ข้าไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
  หวังเซียวผางเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า”เจ้าไม่รู้จักนิสัยของท่านอาสามของข้า ที่จริงเจ้าควรมอบผลแก้วมังกรเพลิงนี่ให้ลูกพี่ข้าเป็นการส่วนตัวมากกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้”
  ยามอยู่ต่อหน้าไป๋เสี่ยวเฉินน้ำเสียงของอันเซียงหรันนั้นฟังดูเป็นมิตรอย่างยิ่ง แทบจะเรียกเคารพนบนอบเลยก็ว่าได้
  ทว่ากับหวังเสี่ยวผางเขาเชิดคางขึ้นทันที พร้อมทั้งยกนิ้วดรรชนีกล้วยไม้กรีดกรายอย่างเย่อหยิ่ง
  ”ทำไมข้าต้องให้ของขวัญเป็นการส่วนตัวด้วยเล่า? ข้าชอบให้ของขวัญต่อหน้าสาธารณชน ใครจะรู้ว่าอาของเจ้าไร้ยางอาย ซ้ำยังฉกผลแก้วมังกรเพลิงของข้าไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้”
  เมื่อได้ยินเช่นนี้อันเจิ้นหนิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างพินิจพิจารณา สายตาของเขาราวกับจะพิเคราะห์บางอย่าง
  เหตุใดหลานชายของเขาจึงขอผลแก้วมังกรเพลิงนี่จากปู่เพื่อมามอบให้เด็กคนนี้ ?
  ”ท่านอาท่านจำจิ้งจอกหิมะที่ข้านำกลับไปเมื่อวันก่อนได้หรือเปล่า ? จิ้งจอกหิมะตัวนั้นไป๋เสี่ยวเฉินพาข้าไปจับที่เขาฉินหลิง”
  ”จิ้งจอกหิมะนั่นไป๋เสี่ยวเฉินพาเจ้าไปจับมางั้นหรือ? แค่พวกเจ้าสามคนเนี่ยนะ ?”
  อันเจิ้นหนิงประหลาดใจไปจับที่ฉินหลิงงั้นหรือ ? แล้วเด็กทั้งสามกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากที่พวกเขาไปถึงเขาฉินหลิง ? ซ้ำยังนำจิ้งจอกหิมะกลับมาได้ด้วย
  “ใช่แล้วไป๋เสี่ยวเฉินเก่งมาก เขาพูดเพียงคำเดียวสัตว์อสูรเหล่านั้นก็คุกเข่าลง ทั้งยังยอมให้เราเลือกพวกมันอีกด้วย”
  ทันทีที่ถ้อยคำนี้หลุดออกมาหัวใจของอันเจิ้นหนิงก็ตกตะลึงยิ่งขึ้น
  พวกเขาปราบกลุ่มสัตว์อสูรงั้นหรือ? นี่…เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ ?
  หากนี่เป็นเรื่องจริงแค่ให้ผลแก้วมังกรเพลิงก็นับว่าคุ้มค่าจริง ๆ
  ช่วงเวลาเดียวกันนี้เสี่ยวมี่ก็คว้าผลแก้วมังกรเพลิงกลับมาได้แล้ว มันเดินแกว่งหางไปมา กระทั่งไปหยุดยืนข้างกายไป๋เสี่ยวเฉิน พร้อมกับขยิบดวงตาสีฟ้าของมัน
  ***จบบทวิกฤติในวันเกิด (3)***

บทที่ 434 : วิกฤติในวันเกิด (4)
  ”ทำได้ดีมาก”
  ไป๋เสี่ยวเฉินลูบหัวของเสี่ยวมี่ยามที่เขาทำอะไรให้หม่ามี้ หม่ามี้ของเขาก็มักจะชมเชยเขาเช่นนี้
  แน่นอนว่าเมื่อได้ยิน การแสดงออกของเสี่ยวมี่ก็ดูจะพึงพอใจมาก มันเหยียดขาออกอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน
  ”หม่ามี้”
  ไป๋เสี่ยวเฉินหันกลับมาเห็นไป๋หยานกำลังเดินมาหาเขาพลันแววตาของเขาก็แจ่มใสขึ้นทันที เขาวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาไป๋หยาน
  ”เฉินเอ๋อนำผลแก้วมังกรเพลิงมาให้แล้ว”
  ”เฉินเอ๋อทำได้ดีมาก”
  ไป๋หยานลูบใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเจ้าซาลาเปาน้อยพลางยิ้ม”เจ้าต้องการรางวัลอะไร ?”
  ”สำหรับเฉินเอ๋อแล้วหม่ามี้คือรางวัลที่ดีที่สุด หากหม่ามี้จะให้รางวัลเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อก็ขอแค่กอดก็พอ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินอ้าแขนกอดต้นขาของไป๋หยานพลางเงยหน้าขึ้นมองนาง
  ”ลูกรักของแม่”
  ไป๋หยานเต็มไปด้วยความสุขนางอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมา พร้อมกับหอมเขาไม่หยุด ดูเหมือนว่านางจะหอมเขาเท่าไรก็ไม่เคยพอ
  ”ดูพวกเขาแล้วดูตัวเจ้าสิ”
  ครั้นเห็นภาพความรักความสามัคคีระหว่างมารดากับบุตรชายแล้วแววตาของหวังตี้จวินพลันเต็มไปด้วยความอิจฉา เขาจ้องมองบุตรชายตัวอ้วนกลมที่อยู่ข้างกาย พร้อมกับกล่าวด้วยความโกรธว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่กล่าวถ้อยคำที่ทำให้ข้ามีความสุขเช่นนั้นบ้างนะ ?”
  หวังเสี่ยวผางยืนอึ้งก่อนหน้านี้เขาก็เคยเรียนรู้คำหวาน ๆ จากไป๋เสี่ยวเฉิน ทั้งยังนำมาใช้แล้วไม่ใช่หรือ ? ท่านพ่อยังบอกเองว่าไม่ชอบอย่างมาก ซ้ำยังเกือบตีเขา
  ตอนนี้คิดยังไงถึงจะให้เขาพูดแบบนั้นอีก?
  หวังหยู่ฟานถอนหายใจไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือหลานชายของเขาก็ไม่มีผู้ใดฉลาดเฉลียวเช่นนี้ ! ผู้ใดบ้างจะไม่ชื่นชอบเด็กที่เฉลียวฉลาด และเชื่อฟังเช่นนี้ ?
  ”แค่ก!” หวังตี้อี้ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าของเขาขาด นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยแสงมืดมน “แม่นางไป๋ ข้าขอแนะนำให้เจ้ามอบผลแก้วมังกรเพลิงมา หากเจ้าไม่อยากมีปัญหากับสำนักเวชโอสถ หาไม่แล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องเจ้าได้ ! ”
  สำนักเวชโอสถ
  ไป๋หยานตะลึงงันทันใดนั้นเองนางก็นึกถึงไป๋จั่นเผิง นายน้อยของสำนักเวชโอสถขึ้นมาได้ นางกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์
  ไป๋จั่นเผิงจากไปหลายวันแล้วไม่รู้ว่าอาการของเขาหายดีแล้วหรือไม่ ?
  อย่าคิดว่าไป๋หยานจะกลัวคนแปลกหน้า
  เรื่องเช่นนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นเป็นแน่
  ครั้นเห็นท่าทีนิ่งเงียบของไป๋หยานหวังตี้อี้ก็คิดว่านางกลัว เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่า นางกำลังหัวเราะเบา ๆ ด้วยเสียงเย็นยะเยือก “หากเจ้ากลัว ก็มอบผลแก้วมังกรเพลิงให้ข้า เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะบอกผู้อาวุโสสำนักเวชโอสถว่าผลแก้วมังกรเพลิงนี่เจ้าก็มีส่วนช่วยหามาด้วย วันหน้าเขาอาจจะช่วยแนะนำการปรุงยาให้แก่เจ้า นี่นับเป็นโอกาสดีที่ต่อให้ผลแก้วมังกรเพลิงนับร้อยก็ไม่อาจทดแทนได้ ”
  ฝูงชนฮือฮาอ้าปากค้าง
  ในบรรดาขุมพลังทั้งสามนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพลังมากที่สุด ตำหนักเซียนพยับหมอกลึกลับที่สุด ส่วนสำนักเวชโอสถก็มีหมออปรุงยาที่แข็งแกร่งจำนวนสูงสุด
  หากเจ้าสามารถได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถการปรุงยาของเจ้าก็จะพัฒนาไปได้อีกหลายระดับ
  โอกาสอะไรกัน?
  ไป๋หยานทำหูทวนลมเสมือนไม่ได้ยินถ้อยคำของเขานางหยิบผลแก้วมังกรเพลิงจากมือของไป๋เสี่ยวเฉินและหันกลับมา
  ”ข้ามาที่นี่ก็เพราะผลแก้วมังกรเพลิงตอนนี้ข้าได้มันแล้ว ข้าก็จะไปจากเมืองนี้ นอกจากนี้ …” หลังจากหยุดพูดชั่วครู่ นางก็พูดต่อว่า “ของขวัญวันเกิดของท่านเจ้าบ้านหวังข้าได้วางไว้ในห้องแล้ว เชิญท่านไปรับเองเถอะ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินยืนอยู่ข้างกายไป๋หยานเขาโบกมือให้อันเซียงหรันและหวังเสี่ยวผาง “เซียงหรัน เสี่ยวผาง ข้าจะกลับบ้านพร้อมหม่ามี้ของข้า หากพวกเจ้าว่าง พวกเจ้าก็ไปหาข้าที่บ้านพ่อบุญธรรมนะ”
  คนอื่นๆ อาจไม่ทราบว่าพ่อบุญธรรมของไป๋เสี่ยวเฉินเป็นใคร ทว่ามีหรือที่สองพ่อ-ลูกหวังตี้จวินและหวังเสี่ยวผางจะไม่รู้
  ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวหวังเสี่ยวผางก็หรี่ตาลง นัยน์ตาของเขาแลดูแจ่มใส “ดี ข้าไม่เคยไปที่บ้านของพ่อบุญธรรมของลูกพี่ ข้าไม่รู้ว่าที่ไหนดีกว่ากันระหว่างบ้านของพ่อบุญธรรมลูกพี่กับตำหนักเซียนพยับหมอก”
  ***จบบทวิกฤติในวันเกิด (4)***

บทที่ 435 : ผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (1)
  ”ฮ่าฮ่า ฮ่า !” หวังตี้อี้เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย เขาแตะโลหิตบนใบหน้าด้วยแววตาที่แลดูมืดมน “พี่รอง ลูกชายคนดีของเจ้า ไม่เพียงแต่เห็นขี้ดีกว่าไส้ ยังกล้าพูดจาโอหังอีกด้วย”
  ตำหนักเซียนพยับหมอกยิ่งใหญ่เพียงไร? คนธรรมดาสามัญสามารถเทียบได้งั้นหรือ ?
  ”หุบปากนะ!” หวังตี้จวินตะคอกด้วยความโกรธ “ลูกชายของข้า ไม่ต้องให้เจ้ามาช่วยสอนหรอก !”
  ”ดี! ดีมาก”
  ครั้นได้ยินเช่นนี้หวังตี้อี้ก็หัวเราะด้วยความโมโห “พี่รอง ข้าเตือนท่านแล้วนะ หากท่านไม่ฟัง ก็อย่าโทษข้าที่ไม่เห็นแก่มิตรภาพ”
  จากนั้นเขาก็หันไปหาหวังตี้หยวนพลันริมฝีปากของเขาโค้งลงอย่างเศร้าโศก
  ”พี่ใหญ่ผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถกำลังจะมาถึง เราไม่อาจปล่อยให้ผู้ใดออกจากบ้านสกุลหวังได้”
  หวังตี้หยวนกวาดตามองไป๋หยานพลางกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้นว่า “พวกเจ้า เข้ามานี่ หยุดสองคนนี้ให้ข้าหน่อย หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกจากที่นี่ !”
  ทันใดนั้นเองผู้คุ้มกันจำนวนมากก็เดินเรียงแถวกันออกมาโอบล้อมไป๋หยาน และไป๋เสี่ยวเฉิน ทั้งสองตกอยู่ใจกลางวงล้อมทันที
  ใบหน้าของหวังหยู่ฟานพลันซีดนิ้วมือของเขาสั่นสะท้าน ขณะชี้ไปที่หวังตี้หยวน “โอหังนัก ข้าเป็นเจ้าบ้านของตระกูลนี้ !”
  ”ท่านพ่อท่านเองก็ชราแล้ว ถึงเวลาสละตำแหน่งได้แล้ว ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าท่าน ขอซื้อผลแก้วมังกรเพลิงอย่างลับ ๆ หากแต่ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะดื้อรั้นมากไม่ยอมขาย ! กระทั่งบีบคั้นให้ข้าต้องทำเช่นนี้”
  น้ำเสียงของเขาหนักแน่นแววตาของเขาดุร้าย
  ”ไม่ว่าข้าจะทำอะไรลงไปก็ตามทั้งหมดล้วนทำไปเพื่อบ้านสกุลหวังของเรา !”
  ตระกูลหวังไม่รุ่งเรืองเฉกเช่นอดีตแล้วทว่าท่านพ่อก็ยังดื้อด้านมาก ไม่ยอมเอาอกเอาใจสำนักเวชโอสถ
  เขาจะไม่ยอมให้ตระกูลหวังตกต่ำเช่นนี้อีกต่อไปดังนั้นทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับเขา ! หากบ้านสกุลหวังได้สานสัมพันธ์กับสำนักเวชโอสถ การฟื้นฟูความรุ่งเรืองให้บ้านสกุลหวังเช่นในอดีตก็อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม !
  *****
  ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม
  สายลมพัดอาภรณ์สีแดงพริ้วไสวไป๋หยานยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้คุ้มกันของบ้านสกุลหวัง ใบหน้าที่งดงามเผยรอยยิ้มอ่อน ๆ
  รอยยิ้มของนางราวกับจะเยาะหยันริมฝีปากของนางพลันยกโค้งจิกขึ้น
  ”เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยุดข้ากับเฉินเอ๋อได้งั้นหรือ ?”
  สายลมรอบๆ พลันเย็นชา
  ราวกับเพลงดาบโปรยปรายเหน็บหนาวไปทั่วร่าง
  หวังตี้อี้มองสตรีในอาภรณ์สีแดงหัวใจของเขาสั่นระรัว เขากัดฟันกล่าวว่า “พี่ใหญ่ หญิงผู้นี้มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่ในมือ เราไม่ควรสนใจอย่างอื่น เอาผลแก้วมังกรเพลิงกลับมาก่อนดีกว่า !”
  นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่าการหยุดไป๋หยานไม่ให้นางก้าวออกจากบ้านสกุลหวัง
  หวังตี้หยวนไม่แสดงทีท่าว่าจะสนใจแต่อย่างใดแววตาที่ไม่แยแสของเขาจับจ้องมองไป๋หยาน ประกายแสงกล้าปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
  ความแข็งแกร่งของหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
  ไม่รู้ว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากท่านพ่อคนของบ้านสกุลหวังจะสามารถหยุดยั้งนางได้หรือไม่ ?
  อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถก็กำลังจะมาถึง เช่นนั้นนางจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้
  ”จัดการนาง”
  เขายกมือขึ้นพร้อมกับออกคำสั่งอย่างใจเย็น
  ”เจ้าโง่เอ๊ย!” ใบหน้าของหวังตี้จวินเต็มไปด้วยความสะใจและมีความสุข นอกจากนี้เขายังแสดงอาการเย้ยหยันอีกด้วย “แค่พวกคนโง่ เจ้าลูกชาย เรามารอดูกันเถอะ ! มาดูพวกเขาตายกัน ! ”
  เขาไม่ได้พยายามเบาเสียงของตนเลยเช่นนั้นถ้อยคำของเขาจึงลอยลมกระทั่งได้ยินไปถึงหูของสาธารณชนโดยทั่วกัน
  ใบหน้าของหวังตี้อี้เปลี่ยนไปเขาจ้องมองหวังตี้จวินอย่างโกรธเคือง
  เทียบกับหวังตี้หยวนแล้วเขายังคงเหมือนเดิม เขาจ้องมองไป๋หยานผู้ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมอย่างเยือกเย็น
  ***จบบทผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (1)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท