บทที่ 354 การแสดงที่เยี่ยมยอดกำลังเริ่มต้น
“แสร้งเป็นผู้อื่นหรือ?” จูเหล่าหานเริ่มเข้าใจ
“ใช่แล้ว ดังนั้นเราต้องไม่เปิดเผยตัวตนของเจียวเจียว” จูเฉินกล่าว
“จำไว้ให้ดีว่าเรากับนางไม่เกี่ยวข้องกัน”
เมื่อจูเฉินพูดเช่นนี้ คนที่เหลือในบ้านจึงทำได้เพียงพยักหน้า
“ถ้าใครกล้าพูดเรื่องไร้สาระข้างนอกแม่จะดึงลิ้นพวกเจ้า”
“ทราบแล้วท่านแม่”
“พวกเราจะไม่พูดไร้สาระ”
“แต่ที่นี่มันคือโรงเตี๊ยมของนางก็ไม่เป็นไรหรอก”
“วันนี้ข้าเห็นเจียวเจียวสวมเสื้อผ้างดงามกับรถม้าสวยๆ…” ลูกสะใภ้ของบ้านรู้สึกอิจฉา นางมองไปที่อวี้หลานและไห่ถังก่อนจะพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“พวกเจ้ามารับใช้ข้า”
สาวใช้ทั้งคู่ไม่เต็มใจ แต่อย่างไรก็ทำตามคำสั่ง จู้เอ้อบุตรชายคนรองมองสาวใช้ พวกนางทั้งผิวขาว รูปร่างก็ดีกว่าภรรยาของเขามากนัก
….
จวนตระกูลกู้
ห้องนอนของกู้อิ๋น
หญิงสาวนวดขมับของตน นางปวดหัวมาก เรื่องทั้งหลายถาโถมเข้ามาหานางทั้งๆ ที่เรื่องเก่าก็ยังไม่จบสิ้น ทำให้นางหงุดหงิดรำคาญใจเหลือเกิน
“คุณหนู” อวี้หลานเดินเข้ามา
“พวกเขาเป็นอย่างไร?” กู้อิ๋นถาม
ใบหน้าของสาวใช้แสดงออกถึงความรังเกียจ
คนเหล่านั้นทั้งตัวเหม็นและน่าขยะแขยงมากพวกเขาใช้นางราวกับว่าเป็นเจ้านายของนางจริงๆ ทั้งอวี้หลานและไห่ถังต้องรับใช้พวกเขาในโรงเตี๊ยมเป็นเวลานาน ยังมีจูเอ้อร์บุตรชายรองของสกุลจูก็ยังมาเอาเปรียบพวกนางอีก
เมื่ออวี้หลานรายงานพฤติกรรมของคนสกุลจูไปทีละคน ใบหน้าของกู้อิ๋นก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ นางมีบิดามารดา พี่น้องเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเขาเป็นตัวถ่วง รังแต่จะสร้างความอัปยศและเป็นภาระให้แก่นาง ท้้งพี่ชายและพี่สะใภ้ล้วนเป็นคนเห็นแก่ตัวเอาแต่ประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง
“โชคดีที่นางจูเฉินหัวไว นางบอกคนในครอบครัวว่าอย่าเปิดเผยเรื่องของคุณหนู”
สาวใช้พูดเสริม กู้อิ๋นพยักหน้า
นับว่าโชคดีไม่เช่นนั้นนางคงจบเห่ตั้งแต่วันนี้
“คุณหนู ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรเจ้าคะ?” นางถามกู้อิ๋นอย่างตรงไหนตรงมา
หากจะวางยาพิษพวกเขา อาจจะทำให้พี่ชายนางเห็นพิรุธได้ เขาจะตามสืบเรื่องอย่างละเอียดเป็นแน่ จะทำอย่างไรที่คนจะไม่สงสัยนาง
“หาเรือนใหม่ให้พวกเขาอยู่ที่ชานเมืองด้านตะวันออก พวกเขาอยากได้สิ่งใดก็หาให้ไป” กู้อิ๋นตัดบท
….
จวนโหว
วันนี้ฉือซื่อรายงานกับถังหลี่อย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้กู้อิ๋นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต แต่ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้ สุดท้ายแล้วกู้อิ๋นก็เป็นนางเอกที่เขี่ยทิ้งได้อย่างง่ายดาย
ถังหลี่ไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก อย่างน้อยตอนนี้จุดเปลี่ยนแปลงก็อยู่ในกำมือของถังหลี่แล้ว
การที่ครอบครัวสกุลจูมาถึงเมืองหลวงได้ก็เป็นเรื่องที่ชวนน่าปวดหัวอยู่แล้ว หนำซ้ำพวกเขายังโลภมาก มีเพียงมารดาแท้ๆ ของนางเท่านั้นที่นับว่ายังมีไหวพริบอยู่บ้าง กู้อิ๋นอาจจะได้สมองตรงส่วนนี้ของนางมาบ้าง
อย่างไรก็ตามคนในครอบครัวล้วนแล้วแต่มีสายตาตื้นเขิน อีกไม่นานกู้อิ๋นที่พื้นเพมีนิสัยโหดเหี้ยมดุร้ายจะตระหนักดีว่าพวกเขาล้วนเป็นตัวถ่วง ไม่มีทางที่นางจะปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ดีกินดีอีกต่อไปอย่างแน่นอน
…..
ครอบครัวสกุลจูย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ บ้านหลังนี้สะอาดและเป็นระเบียบมากกว่าบ้านไร่ของนางมาก แต่หลังจากที่พวกเขาได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของจวนแม่ทัพแล้ว จึงเกิดการตำหนิว่าเรือนหลังนี้เล็กเกินไป อีกทั้งไม่มีเพื่อนบ้านอยู่ละแวกนั้นด้วย
“ทำไมนางถึงให้บิดามารดามาอยู่ในที่แบบนี้ได้นะ ไปบอกเจียวเจียวว่าพวกเราอยากได้บ้านหลังใหญ่กว่านี้ที่ใจกลางเมือง”
จูเอ้อร์พูดอย่างไม่พอใจ
จูเฉินมารดาก็ไม่พอใจเช่นกัน บุตรสาวของนางกำลังจะแต่งงานกับองค์ชายสาม ตัวนางกำลังจะได้เกี่ยวดองกับราชนิกูลเช่นกัน เหตุใดจึงต้องมาอาศัยอยู่ในเรือนเล็กและเปลี่ยวเช่นนี้
แต่ตอนนี้บุตรสาวของนางอยู่ในฐานะบุตรสาวของท่านแม่ทัพ นางจึงต้องอดทนเพื่อบุตรสาวที่กำลังจะกลายเป็นพระชายา
นางเป็นหญิงชาวนาที่มีความรู้น้อย ในความคิดของนางแล้ว ตำแหน่งพระชายานั้นสูงศักดิ์และมีเกียรติกว่าตำแหน่งแม่ทัพมากนัก เมื่อใดที่กู้อิ๋นได้เป็นพระชายาแล้ว นางไม่จำเป็นต้องอาศัยชื่อของจวนสกุลกู้ หากถึงวันนั้นบุตรสาวของนางคงได้เปิดเผยตัวตนและครอบครัวที่แท้จริงของนางให้ทุกคนได้รู้
“ข้าจะยอมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปก่อน หากเมื่อเจียวเจียวร่ำรวยมีเกียรติยศและชื่อเสียงแล้วนางจะไม่ลืมพวกเรา” จูเฉินพูดปลอบใจคนในครอบครัว เมื่อจูเฉินเป็นคนออกปาก ทุกคนในบ้านจึงไม่กล้าพูดบ่นกันอีก พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างไม่เต็มใจ แม้จะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอก
ลูกสะใภ้ทั้งสองคนไม่อาจรออยู่เฉยๆ ต่อไปได้ พวกนางอยากออกไปเที่ยวชมเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองเหอตงที่พวกนางจากมาหลายเท่านัก แต่นางจูเฉินทำให้นางไม่กล้า สองสามวันมานี้พวกนางจึงได้อยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง
ในคืนนั้นเองหลังจากที่ครอบครัวกินอาหารอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อยดีแล้วกำลังจะเข้าห้องเตรียมตัวนอน ประตูลานบ้านก็ถูกบุกเข้ามา ตามด้วยเสียงกรีดร้อง
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าสกุลจูวิ่งออกไป เขาเห็นชายชุดดำใส่หน้ากากถือดาบเล่มใหญ่อยู่ในลานบ้าน
“เจ้า..เจ้า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบดาบเล่มใหญ่ก็พุ่งเข้าหาเขาทำให้เขาล้มลงกับพื้น สิ้นลมหายใจในทันที
ชายชุดดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาฟันดาบไปที่จูเฉิน บุตรชายและสะใภ้ใหญ่ คนทั้งหมดล้มลงขาดใจตายนอนกองอยู่เคียงกัน
จูเหล่าเอ้อร์และภรรยาวิ่งไปที่ประตู เมื่อเห็นดาบเงื้อง่าจะฟันมาที่เขา เขาหันรีหันขวางผลักภรรยาเข้าหาคมดาบที่พุ่งเข้ามา
“อ๊าก” นางร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
จูเหล่าเอ้อร์ไม่กล้าหันกลับมาดูภรรยา เขายังคงวิ่งต่อไป หลังจากวิ่งไปสักพักจึงได้เห็นว่าตนเองวิ่งมาจนถึงซอยตัน
ใบหน้าของจูเหล่าเอ้อร์ซีดเซียวเมื่อเห็นชายชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกับดาบขนาดใหญ่ เขาตัวสั่นจนปัสสาวะราดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้า…ทำไมต้องฆ่าพวกเราด้วย” ฟันของเขากระทบกันดังกึกๆ
“เพราะเจ้ากำลังจะเปิดเผยตัวตนของคุณหนู!”
ชายชุดดำชี้ปลายดาบไปที่จูเหล่าเอ้อร์ ไม่ทันที่จะได้ฟันลงไป จูเหล่าเอ้อร์กลอกตาสลบไปเสียก่อน ชายชุดดำผู้นั้นลดมีดลงแล้วอุ้มจูเหล่าเอ้อร์เหินขึ้นหายไปในความมืด
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาหายไป มีชายใส่ชุดดำสองคนวิ่งไล่ตามเข้ามาในตรอกเปลี่ยว สองคนนี้ดูเผินๆ เหมือนชายก่อนหน้าที่พาจูเหล่าเอ้อร์ไปแต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นความแตกต่างในรายละเอียดของเสื้อผ้าและอาวุธ
“คนผู้นั้นเล่า?”
“หายไปแล้ว”
“หาต่อไป!”
….
จวนโหว
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ถังหลี่และเว่ยฉิงยืนเคียงข้างกัน
ไม่นานนักชายชุดดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา หลังจากถอดผ้าคลุมหน้าจึงเห็นได้ว่าเขาคือฉือซื่อ
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตามที่นายหญิงสั่ง ปล่อยให้รอดชีวิตไปและบอกเขาว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของกู้อิ๋น ข้าโยนเขาไว้ที่หน้าศาลต้าหลี่ขอรับ”
กู้อิ๋นโหดร้ายมาก นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ถังหลี่ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปยังเว่ยฉิงด้วยรอยยิ้ม
“สามี อีกไม่นานจะมีงิ้วดีๆ ให้ชม”