บทที่ 355 การเปิดเผยของจูเหล่าเอ้อร์
เว่ยฉิงหันไปมองฉือซื่อก่อนที่เขาจะหายตัวไป ชายหนุ่มจับมือของภรรยาเอาไว้
“ฮูหยินเข้านอนเถอะ”
ถังหลี่พยักหน้า ตอนนี้เลยเวลานอนมามากแล้ว ทั้งคู่ประคองกอดกันไปนอน แต่พวกเขากลับนอนไม่หลับ ถังหลี่มองสามี
“สามี..กู้อิ๋นโหดร้ายมาก”
ช่างน่าตกใจเหลือเกิน เพราะพวกเขาเหล่านั้นคือบิดามารดาทางสายเลือดของนางแท้ๆ
หลังจากคนสกุลกู้รับนางเข้าไปเป็นบุตรสาว พวกเขาก็เจอกับหายนะ ทั้งครอบครัวกลายเป็นหินรองเท้าส่งนางขึ้นสู่อำนาจ แต่นั่นยังพอกล่าวได้ว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ในสายเลือดต่อกัน หากมองในมุมของผู้อื่นอาจเรียกได้ว่าเป็นคนที่ชั่วร้ายโหดเหี้ยม
แต่การฆ่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเช่นนี้ สมควรที่จะโดนฟ้าดินลงโทษ แม้สกุลจูจะยากไร้และไม่อาจมอบชีวิตที่ดีให้กับนางได้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่สมควรต้องมาตายตกตามกันอย่างน่าเศร้าใจเช่นนี้
ในชาติก่อน กู้อิ๋นแต่งงานไปเป็นอนุภรรยา นางถูกบิดามารดาขูดรีด จนกระทั่งนางเสียชีวิต หลังจากที่นางได้เกิดใหม่ นางจึงได้ฆ่าพวกเขาเพื่อที่จะคงสถานะตัวตนของนางเอาไว้
ด้วยนิสัยเดิมที่เป็นคนโหดเหี้ยม ไร้ความปรานี อีกทั้งได้รับการเลี้ยงดูมาจากครอบครัวที่ทั้งโลภและเห็นแก่ตัวเช่นนั้น พวกเขาใจร้ายกับกู้อิ๋นมาก ทำให้นางไม่สนใจความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย กลับยิ่งทำให้นางทะเยอทะยาน ไร้ปราณี อำมหิตมากยิ่งขึ้น
“ต่อให้พวกเขาไม่ได้มายังเมืองหลวง กู้อิ๋นจะส่งคนไปฆ่าที่หมู่บ้านตระกูลจูอยู่ดี” ถังหลี่พยักหน้า ตอนที่กู้อิ๋นเห็นนางถังหลี่ก็รู้แล้วว่านางต้องส่งคนไปที่หมู่บ้านตระกูลจู
“นางเสียสติไปแล้ว” เว่ยฉิงเอ่ยขึ้นมา เขาไม่สนใจกู้อิ๋น เขาสนใจแต่ความปลอดภัยของภรรยาเขาเท่านั้น
“ใช่! นางเสียสติไปแล้วจริงๆ”
ตามโครงเรื่องเดิมในนวนิยายต้าฉบับ สามีวายร้ายของถังหลี่พ่ายแพ้ให้แก่องค์ชายสาม จุดจบของเขาอเนจอนาถน่าสมเพชอย่างคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ ถังหลี่ตัวสั่นจนเว่ยฉิงรู้สึกได้ เขากระชับอ้อมแขนกอดนางเอาไว้
“คนเลวเช่นนี้อีกไม่นานต้องได้รับผลกรรมของตนเอง” เว่ยฉิงปลอบใจ
“นอนเถอะ”
เขาโอบกอดนางเอาไว้พลางลูบหลังพร้อมกับร้องเพลงในลำคออย่างนุ่มนวล
ชีวิตนี้นางกับสามีจะปลอดภัยสบายดีจะไม่เป็นอย่างในหนังสือเล่มนั้น
ถังหลี่สูดกลิ่นกายที่คุ้นเคยของเขา ในที่สุดนางจึงผล็อยหลับไป
….
ศาลต้าหลี่
ชายที่นอนอยู่หน้าศาลต้าหลี่ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวเข้าไปกลางดึก สภาพร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด รองเท้าเสื้อผ้าและทรงผมหลุดรุ่ยยุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ดูแล้วเหมือนโดนไล่ล่าสังหารมา
เจ้าที่ตรวจลมหายใจแล้วเห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ เขาจึงปลุกให้ตื่น เมื่อลืมตาขึ้นมาสีหน้าเขาตื่นตระหนกหวาดกลัว
“ช่วยด้วยๆ มีคนจะจะมาฆ่าข้า”
“ที่นี่คือศาลต้าหลี่ เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย”
“ศาลต้าหลี่?” จูเหล่าเอ้อร์ไม่แน่ใจว่าศาลต้าหลี่คืออะไร? แต่เมื่อเห็นชุดที่เจ้าหน้าที่ใส่ แสดงว่าตอนนี้เขาน่าปลอดภัยจากนักฆ่าเหล่านั้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น มีใครไล่ล่าสังหารเจ้าหรือ?”
“ข้าชื่อจูเอ้อร์เกิน…เป็นกู้อิ๋น กู้อิ๋นอยากสังหารข้า นางฆ่าบิดามารดา พี่ชายพี่สะใภ้รวมถึงภรรยาของข้า ทุกคนตายหมดแล้ว!” จูเหล่าเอ้อร์พูดออกมาอย่างรวดเร็ว
กู้อิ๋น?
เจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้ากัน เขาเอ่ยชื่อกู้อิ๋นหรือ?
“เจ้ากำลังพูดถึงกู้อิ๋น…คุณหนูของจวนแม่ทัพหรือ?”
“ใช่เป็นนาง นางฆ่าบิดามารดาและพี่ชายของนาง!”
จูเอ้อร์เกินพูดไปร้องไห้ไป ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของคดี ทั้งสองมองหน้ากัน เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า
“เจ้าไปรายงานใต้เท้าเถอะ ข้าจะอยู่รอที่นี่” เจ้าหน้าที่อีกคนพยักหน้ามุ่งไปที่จวนสกุลกู้อย่างไม่รีรอ
กู้หวนเนี่ยนต้องลุกมาจากที่นอนในช่วงกลางดึก เมื่อมีผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลต้าหลี่ ความคิดแรกของเขาคือช่างไร้สาระเหลือเกิน
น้องสาวของเขาจะไปฆ่าคนได้อย่างไร ?
แต่ทั้งอารมณ์และความสัมพันธ์ใกล้ชิดส่วนตัว เป็นสิ่งที่ต้องห้ามที่สุดในการสืบสวนคดี หลักฐานและความจริงที่ปรากฏขึ้นเท่านั้นที่จะเชื่อถือได้
เมื่อกู้หวนเนี่ยนไปที่ศาลต้าหลี่ เจ้าหน้าที่ได้พาจูเอ้อร์เกินที่ยังคงร่ำไห้ด้วยความโกรธ
“หยุดร้องไห้ บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น” กู้หวนเนี่ยนถาม
ชายตรงหน้ามีความสง่างามเยือกเย็น จนทำให้จูเอ้อร์เกินหวาดกลัว เขาหยุดร้องไห้เหลือเพียงสะอื้นบอกเล่าเรื่องราวออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“บิดามารดาของข้าถูกฆ่าตาย ทั้งยังพี่ชายพี่สะใภ้และภรรยาของข้า ทุกคนล้วนตายหมด!”
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?” กู้หวนเนี่ยน
“ทางทิศตะวันออก..” จูเอ้อร์เกินชี้ไป
“ไม่ไกลมากนัก แถวละแวกนั้นมีคนอยู่น้อย ข้าวิ่งเข้าไปในตรอก…”
ในขณะนั้นเองมีเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งรีบเข้ามาทำความเคารพกู้หวนเนี่ยน เขาพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่รายงาน
“ใต้เท้า ข้าเพิ่งได้รับรายงานว่ามีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่ทางทิศตะวันออกของเมืองขอรับ!”
กู้หวนเนี่ยนเหลือบมองจูเอ้อร์เกินทันที เขาหันไปสั่งกับเจ้าหน้าที่
“นำคนสองสามคนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ”
“ขอรับใต้เท้า”
หลังจากนั้นกู้หวนเนี่ยนจึงได้หันมาซักถามจูเอ้อร์เกินต่อ
“เจ้าพูดว่ากู้อิ๋นต้องการฆ่าเจ้า?”
“นางมันงูพิษร้ายกาจ! ทำเช่นนั้นกับบิดามารดาของตนได้อย่างไร? นางเป็นสัตว์เดรัจฉาน!” จูเอ้อร์เกินประนามอย่างรุนแรง
กู้หวนเนี่ยนขมวดคิ้วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อได้ยินคนพาดพิงด่าทอน้องสาวของเขาเช่นนั้น เขามองใบหน้าของจูเอ้อร์เกินแล้วจำได้ว่าคนผู้นี้มาที่ประตูจวน และพูดว่าจำคนผิด ครอบครัวของเขาเสียชีวิตแล้วหรือ?
“ทำไมกู้อิ๋นถึงจะอยากสังหารเจ้า เจ้ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับนาง?” กู้หวนเนี่ยนถามต่อ
“เจ้าต้องพูดทุกอย่างตามความจริง ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นว่าเจ้าใส่ร้ายนาง”
ดวงตาของจูเอ้อร์เกินแดงก่ำ เขามองไปกู้หวนเนี่ยน
“ข้าสาบาน ถ้าโกหกแม้ครึ่งคำขอให้สวรรค์ลงโทษข้าได้เลย!”
“ครอบครัวของข้ามาจากหมู่บ้านจูเจีย ที่เมืองเหอตง ข้ามีน้องสาวที่หายตัวไปเมื่อตอนนางอายุสิบสี่ เมื่อไม่นานมานี้ที่บ้านข้าได้รับข่าวว่านางอาศัยอยู่ในเมืองหลวง”
“เมื่อข้าพบนาง นางกลับใช้ชื่อ ‘กู้อิ๋น’ ชื่อเดิมของนางคือ ‘จูชุนเจียว’ แต่ไม่ว่านางจะชื่ออะไรนางก็เป็นน้องสาวของข้า”
“จูชุนเจียวได้กลายเป็นบุตรสาวของแม่ทัพ นางกำลังจะแต่งงานกับองค์ชายสาม พวกเราคิดว่าครอบครัวกำลังจะดีขึ้นแน่ๆ แต่นางกลับทำตัวเหมือนไม่รู้จักพวกเราเลย! นางพาคนทั้งครอบครัวไปอยู่ยังเรือนที่ห่างไกลไร้ผู้คน”
“นางจงใจสังหารพวกข้าเพราะกลัวว่าพวกข้าจะเปิดเผยตัวตนของนาง!”