บทที่ 359 กู้หวนเนี่ยนพบความจริง
จ้าวชูกำลังเดินออกไปนอกพระราชวัง ก็เห็นชายหนุ่มอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีกำลังเดินตรงมา เขามีท่าทางเย่อหยิ่งดูเจ้าชู้
“น้องหก”
องค์ชายหกเหลือบมองจ้าวชู ทำเสียงรับในลำคออย่างไม่ใส่ใจ
“พรุ่งนี้พี่สามจะแต่งงาน หากน้องหกว่าง ข้าขอเชิญให้เจ้าไปงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของข้า”
จ้าวชูไม่อ้อมค้อม
องค์ชายหกเดินจากไปแล้ว จ้าวชูยังมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่บนใบหน้าราวกับไม่ใส่ใจถือสาความเย่อหยิ่งและไม่มีมารยาทของน้องชายแต่อย่างใด ต่อเมื่อคนผ่านไปแล้ว รอยยิ้มของเขาจึงค่อยๆ จางลง
น้องหกได้อำนาจของท่านลุงและทางสกุลเดิมหนุนหลังอยู่อย่างแข็งแกร่ง หากเทียบกันแล้วนับว่าสกุลเดิมของมารดาจ้าวชูยังห่างชั้นกันอยู่อีกมาก จ้าวชูจึงต้องพึ่งพาตนเองไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น
เมื่อเขาแต่งงานกับกู้อิ๋น สกุลกู้จะสนับสนุนเขา เขาจะสามารถแข่งกับน้องหกได้ ในไม่ช้าตำแหน่งรัชทายาทจะต้องเป็นของเขา
จ้าวชูก้าวเดินไปยังประตูวังซึ่งมีเกี้ยวของเขาจอดอยู่ เขาขึ้นเกี้ยวเตรียมที่จะกลับไปยังวังรุ่ยอ๋อง ในขณะนั้นเองให้บังเอิญมีลมพัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ผ้าม่านถูกเปิดขึ้นมา จ้าวชูเงยหน้าเห็นร่างเพรียวที่คุ้นตา ใบหน้างดงาม
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาเลิกผ้าม่านมองไปที่หญิงสาวผู้นั้น
เป็นถังหลี่จริงๆ
นางมาเมืองหลวงแล้วหรือ?
ใช่แล้ว! ชายสกุลอู่ได้ย้ายกลับมายังเมืองหลวงแล้วจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นนางเดินอยู่บนถนน จ้าวชูจงใจที่จะเพิกเฉยไม่สนใจข่าวคราวของนางทำให้เขาไม่รู้มาก่อน จึงไม่ได้คาดคิดว่าจะบังเอิญมาเจอนางในเมืองหลวงเช่นนี้
หนึ่งปีผ่านไปแล้ว เมื่อจ้าวชูเห็นหญิงสาวผู้นั้น หัวใจของเขายังเต้นแรงอยู่เช่นเดิม พวกเขาเดินอยู่บนถนนเส้นทางเดียวกัน จ้าวชูมองนางจนลับสายตาจึงได้ปิดม่านลง พิงพนักของเกี้ยวด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก มารดาพูดบ่อยครั้งว่าความรักหรืออารมณ์ต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ หากเขาต้องการคว้าบัลลังก์มาเป็นของตน เขาจะต้องไม่มีอารมณ์ที่หวั่นไหวหรือความผูกพันที่แน่นแฟ้นกับใคร เพราะนั่นจะเป็นจุดอ่อนของเขา
แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นมนุษย์ย่อมมีเลือดเนื้อและมีหัวใจที่บางครั้งอาจหวั่นไหวได้เช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป
เมื่อเกี้ยวหยุดลงที่หน้าวัง จ้าวชูลงจากเกี้ยว เขายืนมองบรรยากาศรื่นเริงคึกคัก ความรู้สึกหวั่นไหวหายไป คงเหลือไว้แต่รอยยิ้มเช่นเดิม เบื้องหลังของกู้อิ๋นคือสกุลกู้ เสด็จพ่อของเขาชอบนาง แต่ถังหลี่ไม่มีอะไรเลย ทางที่เขาเลือกเดินจึงเป็นทางที่ถูกต้องและดีที่สุดแล้ว
สักวันหนึ่งเมื่อเขาได้ขึ้นไปยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงที่สุดวันนั้นเขาจะได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ
วันถัดมา
ทั้งวังรุ่ยอ๋องและจวนแม่ทัพต่างยุ่งวุ่นวายทั้งเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น จ้าวชูสวมชุดแต่งงานสีแดงสดทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นยิ่งสง่างามมายิ่งขึ้น เขาขี่ม้าตัวที่สูงนำขบวนเจ้าบ่าวไปยังจวนสกุลกู้ ระหว่างทางมีผู้คนมามุงดูกันมากมาย เมื่อเห็นคนเหล่านั้นต่างพากันเงยหน้ามองเขาอย่างชื่นชม จ้าวชูรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาในทันใด
….
ในเวลาเดียวกัน
ที่ศาลต้าหลี่
กู้หวนเนี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้เบื้องหน้าเขาคือเจ้าหน้าที่สองคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการสืบราชการที่หมู่บ้านจูเจียในเขตเหอตงนั่นเอง
“ใต้เท้า พวกข้าเจอการนักฆ่าตามล่าสังหารระหว่างทางแต่โชคดีที่มีบุคคลลึกลับสองคนมาช่วยทำให้พวกข้าไปถึงหมู่บ้านจูเจียได้”
“ข้าได้พบบ้านของจูเอ้อร์เกิน ในหมู่บ้านแห่งนี้มีทั้งหมดหกสิบครัวเรือนได้ เราสอบถามสิบหลังคาเรือนที่อยู่ละแวกเดียวกัน พวกเขายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจูชุนเจียวเป็นบุตรสาวของผู้เฒ่าจูและนางจูเฉิน ทั้งยังเป็นน้องสาวของจูต้าเกินและจูเอ้อร์เกินด้วย”
“พวกเขาทั้งหมดเห็นจูชุนเจียวมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะถูกรับมาเลี้ยง” เจ้าหน้าที่ทั้งสองรายงาน
กู้หวนเนี่ยนนั่งตัวตรงทื่อสีหน้าว่างเปล่า หัวใจของเขากำลังปั่นป่วน
กู้อิ๋น…ไม่ใช่น้องสาวเขา?
กู้หวนเนี่ยนทำใจแทบไม่ได้ นางคือน้องสาวที่เขานั้นรักมาถึงหกปี จะเป็นตัวปลอมไปได้อย่างไร? เขาจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาหกปีมานี่ได้เป็นอย่างดี กู้หวนเนี่ยนสูดลมหายใจพยายามรักษาท่าทางให้สงบ
“เอาหลักฐานมาให้ข้า” กู้หวนเนี่ยนกล่าว เจ้าหน้าที่ส่งหลักฐานให้แก่เขา ในหมู่บ้านจูเจียนั้นจะมีหนังสือเล่มเล็กๆเพื่อยืนยันความเป็นครอบครัวมากกว่าสิบเล่ม หนึ่งในนั้นคือหมอตำแยที่ทำคลอดจูชุนเจียว นางได้บันทึกรูปพรรณสัณฐานของกู้อิ๋นยามแรกเกิดเอาไว้ เช่น มีไฝสามเม็ดที่หลังใบหูของนาง
กู้อิ๋นมีไฝที่ว่านั้น
อย่างไรก็ตามพวกเขาคิดว่าน้องสาวของเขาไม่ได้อยูุ่ที่หมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิดแต่ถูกรับมาเลี้ยงในภายหลัง ไม่คิดเลยว่าจูชุนเจียวสาวชาวนาแห่งหมู่บ้านจูเจียจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเขา
หลังจากที่ตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดแล้ว เขาก็ต้องยอมรับว่ากู้อิ๋นไม่ใช่น้องสาวของเขาจริงๆ
นางโกหกทุกคน
แล้วกู้อิ๋นนำจี้หยกมาจากไหน?
น้องสาวตัวจริงของเขาอยู่ที่ใด…
กู้หวนเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อขับไล่ความคิดที่ยุ่งเหยิง
“ใต้เท้าขอรับ พวกข้าจับตัวจูเยว่ได้ระหว่างทางขอรับ” เจ้าหน้าที่กล่าว
“นางถูกขังอยู่ที่ในคุกแล้วขอรับ”
“จู๋เยว่ไปที่หมู่บ้านจูเจียหรือ?”
“ใช่ขอรับ”
หนีจากเมืองหลวงแล้วกลับไปยังหมู่บ้านจูเจียทำไม? หรือจะเป็นเพราะกู้อิ๋นกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยจึงได้สั่งให้นางไปตามเก็บพยานสำคัญอย่างหมอตำแยผู้นั้น หากนี่เป็นเรื่องจริง แล้วทำไมกู้อิ๋นถึงได้สั่งให้จู๋เย่วว่าจ้างนักฆ่าให้ไปสังหารถังหลี่ด้วยเล่า?
จิตใจของกู้หวนเนี่ยนสับสนวุ่นวาย มีเงื่อนงำที่เขาจำเป็นต้องพิจารณามากมาย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
“เหล่าจาง ข้าขอฝากเรื่องไว้กับท่านด้วย”
“ขอรับใต้เท้า”
กู้หวนเนี่ยนมองเจ้าหน้าที่สองคนที่เพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านจูเจีย
“พวกเจ้าไปพักผ่อน อาบน้ำหลับให้สบายก่อนเถอะ”
“ขอรับใต้เท้า”
กู้หวนเนี่ยนเดินออกจากห้อง แม้ข้างนอก พระอาทิตย์เพิ่งจะหลับขอบฟ้าไป แต่เขากลับรู้สึกหนาวเย็นยะเยือก ตอนนี้น้องสาวที่พลัดหลงหายไปหลายปีไปอยู่ที่ไหน? ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? ความรักที่คนในครอบครัวทุ่มเทให้เด็กสาวผู้หนึ่งมาตลอดหกปี แท้จริงแล้วกลับกลายเป็นเพียงคนที่สวมรอยปลอมตัวมาเท่านั้น
ยิ่งเขารักกู้อิ๋นมากเพียงใด ตอนนี้เขายิ่งรังเกียจนางมากขึ้นเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเกลียดตัวเองอีกด้วย
ทำไมพวกเขาจึงไม่รอบคอบให้มากกว่านี้ ลำพังแค่จี้หยกเพียงชิ้นเดียว…
กู้หวนเนี่ยนหลับตายามที่เขาลืมตาขึ้นแววตาเขากลับมั่นคงชัดเจนยิ่งขึ้น
“เรียกเจ้าหน้าที่ทั้งสิบคนตามข้ามาที่จวนสกุลกู้” กู้หวนเนี่ยนกล่าว
“ขอรับใต้เท้า”