บทที่ 370 ถังหลี่และเว่ยฉิงไปฉินโจว
เว่ยฉิงอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ในขณะที่เซียวซานหลางนั้นอาศัยอยู่เมืองฉินโจวซึ่งห่างไกลออกไปที่ นั่นเพราะเซียวซานหลางเป็นคนที่ถูกทางการหมายหัวเอาไว้ นอกจากนี้เนื่องจากตัวตนของเว่ยฉิงนั้นละเอียดอ่อนมาก หากเซียวซานหลางถูกพบเข้า ผลที่ตามมาคือหายนะอย่างใหญ่หลวง ตั้งแต่ที่แยกทางกันทั้งลุงและหลานก็ไม่เคยเจอหน้ากันอีกเลย
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับลุงของเขา เว่ยฉิงจึงรู้สึกเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์และกังวลใจ
“สามี เข้าไปคุยข้างในเถอะ” ถังหลี่กล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา เว่ยฉิงจึงได้สติ เขาจูงมือนางเข้าไปในห้อง ตามด้วยหานอี้ ถังหลี่หันไปปิดประตู ใบหน้าของเว่ยฉิงตึงเครียดเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกที่น่ากลัว
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านลุง?” เว่ยฉิงกล่าว
“ลุงเฮยส่งข่าวมาว่านายท่านสามป่วยหนักและอาการกำลังย่ำแย่ขอรับ”
เปรี้ยง!
มีเสียงฟ้าร้องเกิดขึ้นในใจ เว่ยฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นไปได้อย่างไร? ในตอนที่แยกทางกัน ท่านลุงสามยังดูดีอยู่เลย
แต่ที่เว่ยฉิงไม่รู้คือแม้ภายนอกร่างกายของเซียวซานหลางจะดูแข็งแรงแต่ภายในนั้นกลับอ่อนแอ เพียงแต่เขาปกปิดเอาไว้เท่านั้น เว่ยฉิงจึงไม่สามารถจับสังเกตได้
เมื่อคิดได้ว่าลุงสามของเขาอาจจะ… เว่ยฉิงก็รู้สึกว่าในหัวของเขาปั่นป่วน ความกลัวที่อธิบายไม่ได้เข้ามาเกาะกุมหัวใจเอาไว้
“สามี…” ถังหลี่จับมือของเว่ยฉิง
เว่ยฉิงมองหน้าภรรยาของตนเอง ทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง หัวใจที่บ้าคลั่งของเขาก็ค่อยๆ สงบลง
“ฮูหยิน…”
“สามี อย่ากังวล ใจเย็นๆ ก่อน” ถังหลี่กล่าว
ใจเย็นๆ…เว่ยฉิงสงบจิตใจตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ฮูหยิน ข้าต้องไปหาท่านลุงของข้า” เว่ยฉิงพูด
ถังหลี่รู้ว่าท่านลุงผู้นี้นั้นสำคัญกับเว่ยฉิงมากเพียงใด แม้ว่านางจะไม่เคยพบกับเขามาก่อน แต่เว่ยฉิงมักจะพูดถึงเขาให้นางฟังเสมอ เขาคือคนที่ช่วยชีวิตเว่ยฉิง เล่นกับเว่ยฉิงในตอนเด็ก สอนเขาเมื่อเติบใหญ่ เป็นเพียงญาติคนเดียวที่เหลืออยู่จากครอบครัวฝั่งมารดา เป็นผู้อาวุโสที่เว่ยฉิงเคารพมากที่สุด
“ดี ข้าจะไปกับเจ้า” ถังหลี่กล่าว
เว่ยฉิงมองหญิงสาวด้วยหัวใจที่อบอุ่น
“ฮูหยิน เจ้ามีน้ำใจมาก”
เขาแต่งงานกับภรรยาที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไรนะ? หากเขาเดินทางไปกับภรรยาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลหวาดกลัวอีกแล้ว!
“ข้าจะไปขอลางานหนึ่งเดือน” เว่ยฉิงกล่าว
การลางานในครั้งนี้ย่อมกระทบกับงานแน่นอน แต่หากไม่ไปเว่ยฉิงคงเสียใจทั้งชีวิต
ถังหลี่พยักหน้า
ทั้งสองแยกย้ายกันไป ด้านเว่ยฉิงไปลางาน ส่วนถังหลี่ไปหาหมอซูและฮูหยินซู เนื่องจากเป็นอาการเจ็บไข้ได้ป่วย หมอจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ระยะทางจากที่นี่ไปฉินโจวนั้นไกลเกินกว่าจะเดินทางไปกลับ ดังนั้นการให้หมอซูไปกับนางด้วยจะดีกว่า ทว่านี่อาจจะเป็นงานที่หนักหนาสำหรับเขา แต่หลังจากที่ได้ยินคำขอของถังหลี่ หมอซูและภรรยาตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
เมื่อถังหลี่จากไปแล้ว ฮูหยินซูจึงเริ่มเก็บข้าวของ
“ฮูหยิน ทำไมเจ้าเก็บของไปมากมายนักเล่า?” หมอซูมองแผ่นหลังที่วุ่นวายของภรรยาด้วยความลังเล
“เตรียมของสำหรับสองคนก็ต้องมากเช่นนี้แหละ” ฮูหยินซูกล่าว ดวงตาของหมอซูเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ฮูหยิน เจ้า…เจ้า..”
“ข้าจะไปกับเจ้าทุกที สามีอยู่ไหนภรรยาต้องอยู่นั่น” ฮูหยินซูตอบอย่างหนักแน่น
การเดินทางครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะอีกนานเพียงใด นางทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ห่างไกลจากสามี
หมอซูมีความสุขราวกับดอกไม้บานเลยทีเดียว
…..
ถังหลี่กลับไปที่จวนโหวก่อนจะเรียกเด็กๆ มารวมตัวกัน เล่าเรื่องที่ตัวเองกับเว่ยฉิงจะออกเดินทาง สวี่เจวี๋ย จื่ออั๋ง และจื่ออี้เป็นเด็กโตแล้วดังนั้นพวกเขาถึงเชื่อฟังอย่างว่าง่าย
“ท่านพี่ โปรดเดินทางปลอดภัย”
“ท่านแม่พวกข้าจะรอท่านกลับมา”
มีเพียงซานเป่าเท่านั้นที่ยังเด็ก นางไม่เต็มใจที่จะต้องแยกกับมารดา เด็กหญิงกอดแขนถังหลี่และเงยหน้ามองนางด้วยดวงตาที่กลมโต
“ท่านแม่ ซานเป่าไม่อยากให้ท่านแม่ไป” ซานเป่าพึมพำ ถังหลี่ลูบศีรษะของนางเบาๆ ความจริงนางเองก็ทนไม่ได้ที่จะต้องแยกกับเด็กน้อยถึงหนึ่งเดือน
“ซานเป่าเจ้าจะเจอแม่เวลาเจ้าหลับ แม่จะมาหาเจ้าในความฝัน” ถังหลี่กล่าว
จากนั้นซานเป่าจึงได้รู้สึกดีขึ้น นางใช้เวลาที่เหลือโอบกอดมารดาไว้ ถังหลี่และเว่ยฉิงวางแผนที่จะเดินทางกันข้ามคืน
หลังจากที่เว่ยฉิงกลับมาเขาไปบอกเรื่องนี้กับอู่โหวเยว่ ก่อนจะไปที่เรือนและอธิบายกับลูกๆ
“พวกเจ้าจำไว้ว่าหากใครถามจงบอกว่า บิดาของเจ้าป่วยมีมารดาคอยดูแลอยู่ที่จวน หากมีผู้ใดต้องการจะเจอพ่อ เจ้าจงหาทางปฏิเสธไป”
เว่ยจื่ออั๋งแก่กว่าสวี่เจวี๋ยเพียงไม่กี่เดือน เขาคิดว่าตอนที่บิดามารดาไม่อยู่เขาต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว จื่ออั๋งพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้และดูแลน้องๆอย่างดี”
เว่ยฉิงมองเด็กหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเขา เด็กคนนี้โตแล้วจริงๆ สูงเกือบเท่าคางเขาแล้ว…เว่ยฉิงตบบ่าลูกชายเบาๆ
“ดี สมกับเป็นลูกชายของข้า” เว่ยฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ไม่ได้นะอาจารย์สอนให้ต้องถ่อมตัวสิ… เว่ยจื่ออั๋งระบายยิ้มออกมา เขาเดินไปยังประตูด้านหลังจวนมีรถม้ารออยู่แล้ว
ถังหลี่จูบลาซานเป่า ออกไปทางประตูหลังจวนเงียบๆ ในช่วงหัวค่ำ ทั้งสองเข้าไปในรถม้า พวกเขามารับหมอซูและภรรยา ก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองฉินโจว
….
ที่จวนบนภูเขาในเมืองฉินโจว ช่วงนี้ลุงเฮยไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาเซียวซานหลาง ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นในวันที่แดดจัด เซียวซานหลางสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่นั่งอาบแดดอยู่ในสนามหญ้า ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาดูอ่อนเพลียและง่วงนอน เมื่อเห็นศีรษะของเขาเอียง ลุงเฮยรีบเข้ามาประคองทันที เซียวซานหลางลืมตาขึ้น มองอีกลุงเฮยด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดเจ้าจึงกังวลนัก คิดว่าข้าจะหมดสติไปหรือ? มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ข้ายังมีกำลังใจดีอยู่”
“ไม่ขอรับ สุขภาพของนายท่านยังดีอยู่ อายุยืนแน่นอน” ลุงเฮยรีบพูด เซียวซานหลางหัวเราะเบาๆ
“ลุงเฮย อายุปูนนี้แล้วยังหัดโกหกอีก”
“ข้าไม่ได้โกหกขอรับ ทักษะทางการแพทย์ของหมอเฉินนั้นดีมาก เขาสามารถรักษานายท่านได้แน่นอน”
“ลุงเฮย อย่าโกหกเลย ข้ารู้จักร่างกายตัวเองดี”
เขาหัวเราะเบาๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เซียวซานหลางรู้ดีว่าเขาจะอยู่ได้ไม่นาน
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป นับว่าโชคดีที่รอดชีวิตอยู่ต่อมาได้อีกหลายสิบปี การได้พบกับอาฉิงอีกครั้ง นับว่าสวรรค์เมตตาเขาแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่ได้เห็นการแก้แค้นของสกุลเซียว ไม่ได้เห็นภรรยาของอาฉิง ไม่ได้เห็นลูกๆ ของหลานชาย
และไม่ได้เห็นอาฉิงมีชื่อเสียง เขาเสียใจมาก ถ้าเขาตายไปภาระทุกอย่างจะตกอยู่ที่อาฉิง หลานชายที่เอาแต่ใจของเขา เขาต้องมีชีวิตต่อไปให้ยืนยาวไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใครสามารถฝืนมันไปได้” เซียวซานหลางกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้านาย ลุงเฮยรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะมอบชีวิตของเขาให้กับนายท่าน