บทที่ 371 ความเสียใจและความไม่เต็มใจของเซียวซานหลาง
“เมื่อไม่กี่วันมานี้ ข้าฝันถึงน้องสาว ฝันว่าเรากำลังขี่ม้าด้วยกันที่โม่เป่ย เหมยเอ๋อยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ส่วนข้าก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเช่นกัน แม้น้องสาวจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงแต่นางก็เก่งไม่แพ้ชายอกสามศอก ถึงกับเอาชนะข้าได้สามในห้าครั้งเลยทีเดียว พอนางเอาชนะข้าได้ นางหัวเราะจนตัวโยนอยู่บนหลังม้า เหมยเอ๋อมีความสุขมาก จนข้าคิดว่าตนเองคิดผิดหรือเปล่าที่ให้นางเข้าวัง”
เซียวซานหลางหลับตา ท่าทางขมขื่น
ในตอนนั้นน้องสาวเขาเป็นอิสระ ปราศจากกฎเกณฑ์หรือแม้แต่การควบคุมใดๆ เขารู้สึกว่า นางน่าจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ชายผู้นั้นได้รับการช่วยเหลือจากน้องสาวของเขา ต่อมาจึงได้กลายเป็นองครักษ์ประจำตัวของนาง เป็นคนที่จงรักภักดีต่อนางเป็นอย่างมาก ชายผู้นั้นเป็นคนเงียบขรึม ดูสุขุมและเย็นชาไม่น้อย เมื่อน้องสาวอยู่ต่อหน้าเขา นางจะดูเขินอายเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป ต่อมามีพระบรมราชโอการโปรดเกล้าลงมาให้น้องสาวเขาเข้าวังหลวง
ดูเผินๆ เหมือนว่าตระกูลเซียวของเขาจะเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง แต่แท้ที่จริงแล้วฮ่องเต้ทรงหวั่นพระทัยว่า ความสำเร็จของตระกูลเซียวจะกลายเป็นหอกข้างแคร่ของพระองค์ จึงทรงให้น้องสาวเข้าวังเพื่อเป็นตัวประกัน หากน้องสาวขัดขืนไม่ยินยอม พระองค์จะได้สบช่องที่จะเล่นงานตระกูลเซียว
เพื่อเห็นแก่คนในตระกูลเซียวทั้งหมด น้องสาวจำต้องแต่งเข้าวังไป แต่ในที่สุดตระกูลเซียวก็ยังลงเอยเช่นนี้ หากชาติหน้ามีจริง เขาจะไม่ยอมให้น้องสาวเข้าวังอีกแล้ว
ทั้งขุนเขาสูงและผืนน้ำที่กว้างใหญ่ เป็นอิสระเหนือสิ่งใด เหตุใดต้องเข้าไปอยู่ในกรงขังเช่นวังหลวงด้วยเล่า?
เมื่อเซียวซานหลางลืมตาขึ้นมาเหมือนเขาจะเห็นสาวน้อยในชุดสีแดงยืนอยู่ที่หน้าประตู ยิ้มอย่างเปิดเผยมองมาที่เขา
“น้องสาว…” เมื่อเขายื่นมือไปหานาง หญิงสาวในชุดสีแดงกลับหายวับไป
ช่วงเวลาต่อมาเซียวซานหลางมักจะผล็อยหลับอยู่ปล่อยครั้ง เขาฝันถึงเรื่องเก่าๆ ฝันถึงอาฉิง และญาติสนิทมิตรสหายผู้ไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว รวมไปถึงน้องสาว บิดา มารดาหรือแม้กระทั่งพี่ชายของเขา ทุกคนล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว
อาฉิงอยู่ไกลถึงเมืองหลวง เขาไม่อยากให้หลานชายรับรู้เพราะคิดว่าจะเป็นภาระต่อเขา เมืองหลวงเต็มไปด้วยภยันอันตราย ความลับเกี่ยวกับตัวตนของอาฉิงไม่อาจจะถูกเปิดเผยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะสูญหายไปตลอดกาล แม้จะปลอบใจตนเองด้วยเหตุผลต่างๆ แต่จิตใจเขายังเต็มไปด้วยความเปลี่ยวเหงาอ้างว้าง
วันนี้เมื่อเขาตื่นขึ้น พบว่าข้างนอกท้องฟ้าสว่างจ้าน่าจะเป็นเวลากลางวัน เมื่อประตูถูกเปิดออก เขาเห็นลุงเฮย
ลุงเฮยประหลาดใจที่เห็นเขาตื่นขึ้นมา
“นายท่าน ท่านตื่นขึ้นมาได้เวลาพอดี นายน้อยกับฮูหยินเพิ่งจะมาถึงขอรับ” ลุงเฮยพูดอย่างดีใจ
“นายน้อย …อาฉิงหรือ?” เซียวซานหลางถามอย่างลืมตัว
“ขอรับ นายน้อยเพิ่งลงจากรถม้า นำสิ่งของมามากมายเลยทีเดียว”
เซียวซานหลางมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก คนที่เขาไม่อาจปล่อยวางไปได้ก่อนที่เขาจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็คืออาฉิงนั่นเอง หากเขาได้เห็นอาฉิง เขาคงรูสึกเสียใจน้อยลง แต่…
เซียวซานหลางใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามบอกอาฉิงเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“นายท่าน ท่านอาจจะคิดว่าท่านได้ปกป้องนายน้อย แต่ท่านคิดบ้างหรือไม่ว่า หากนายน้อยไม่ได้เห็นหน้าท่านเป็นครั้งสุดท้ายเขาจะเสียใจไปตลอดชีวิตของเขา” ลุงเฮยพูดขึ้นมา เขาติดตามนายท่านมาหลายสิบปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝ่าฝืนคำสั่งของนายท่าน
“นายท่าน ในเมื่อนายน้อยมาแล้ว ท่านไปพบเขาก่อนแล้วค่อยกลับมาลงโทษข้าก็ยังไม่สายเกินไปนัก” ลุงเฮยพยายามไกล่เกลี้ย “นายน้อยยังพาฮูหยินหลานสะใภ้มาหาท่านอีกด้วย”
ในที่สุดใบหน้าขึงตึงกระด้างของเซียวซานหลางก็ผ่อนคลายลง เขาถอนหายใจ หลานชายผู้คลั่งไคล้ภรรยาเป็นที่สุด เมื่อพูดถึงภรรยาท่าทีเขาจะเปลี่ยนไปกลายเป็นหนุ่มน้อยผู้โง่เขลาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะเขาตกหลุมรักนางมากนั่นเอง
เซียวซานหลางเองก็ยังสงสัยเกี่ยวกับภรรยาของเว่ยฉิงเช่นกัน ผู้หญิงแบบไหนกันที่มัดหัวใจที่แข็งกระด้างของหลานชายเขาได้
เดิมทีเขาไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นหน้าหลานชายก่อนตาย แต่ในเมื่อเขามาแล้วนั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
“ขอรับ” ลุงเฮยรับคำ
ในไม่ช้าถังหลี่และเว่ยฉิงจึงได้จับมือกันแล้วเดินเข้ามา แสดงให้เห็นว่าสามีภรรยามีความรักใคร่ผูกพันกันมากเพียงใด
เซียวซานหลางมองหลานชาย เขายังคงดูเป็นคนมุทะลุดุดันเช่นเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก จากนั้นจึงได้เบนสายตาไปมองหลานสะใภ้ที่ยืนข้างกัน นางเป็นเด็กสาวตัวเล็ก มีใบหน้าที่สวยงาม แม้ว่าจะดูรูปร่างเล็กแต่เมื่อยืนเทียบกับหลานชายเขากลับดูเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก
“ท่านลุง” เว่ยฉิงเรียกเขา เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของท่านลุงสาม เว่ยฉิงทั้งเศร้าและทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เขาเดินไปกอดเซียวซานหลานอย่างอ่อนโยน เซียวซานหลางตบหลังเขาเบาๆ
“เจ้าคิดถึงลุงไหม?” เขาถามหลานชาย
“ไม่น่าถาม…” เว่ยฉิงตอบ
“ภรรยาเจ้าอยู่นี่…อย่าร้องไห้ช่างน่าอายนัก”
“ข้าไม่ได้ร้อง ท่านลุงต่างหากเป็นผ้อาวุโสแล้วยังร้องไห้อีก ไม่อายหลานสะใภ้บ้างหรือ?” เว่ยฉิงพูดหยอกเย้าเขา
“เอาละๆ ขอให้ข้าได้ดูหน้าหลานสะใภ้หน่อยเถิด” เว่ยฉิงปล่อยเซียวซานหลาง ถังหลี่เดินเข้าไปหาเขาเอ่ยเรียกเบาๆ
“ท่านลุง”
นางช่างน่ารักเหลือเกิน นี่เป็นภรรยาของอาฉิง หากเหมยเอ๋ออยู่นางจะดีใจสักเพียงไหน
เซียวซานหลางมอบของให้ถังหลี่หลายอย่าง เมื่อบ่าวสาวคู่ใหม่เข้ามาไหว้ทักทายญาติผู้ใหญ่ แม่สามีย่อมรับไหว้ลูกสะใภ้ด้วยของมีค่า ในเมื่อเหมยเอ๋อไม่อยู่แล้วจึงเป็นหน้าที่ของเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเว่ยฉิงที่ต้องส่งความปรารถนาดีแทนนาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุง” ถังหลี่รับไว้พลางกล่าวขอบคุณ
“พวกเจ้าสองคนเดินทางมาเหนื่อยแล้ว ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ”
ถังหลี่และเว่ยฉิงพยักหน้าก่อนเดินจากไป เมื่อเขาหันหลังให้ลุงสาม ดวงตาของเว่ยฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดง แค่ปีเดียวเท่านั้น ท่านลุงสามดูแก่ชราลงอย่างมาก ผมขาว ใบหน้าซูบเซียว สุขภาพไม่ดีจนเห็นได้อย่างชัดเจน
ถังหลี่โอบเอวของสามีเอาไว้ เงยหน้ามองเขา
“สามี ท่านลุงสามจะไม่เป็นไร มีหมอซูอยู่ที่นี่แล้ว เขาต้องรักษาอาการป่วยของท่านลุงสามได้อย่างแน่นอน”
เว่ยฉิงพยักหน้าบีบหน้าภรรยาเบาๆ
“ไปอาบน้ำเถอะ”
หลังจากที่พวกเขาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดกันดีแล้ว เว่ยฉิงจึงได้พาหมอซูไปหาเซียวซานหลาง
“ท่านลุงสาม คนผู้นี้คือท่านหมอซูผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เป็นอย่างมาก เขาเดินทางจากเมืองหลวงมาพร้อมกับข้า” เซียวซานหลางหันไปมองท่านหมอซูแล้วพูดว่า
“ขอบคุณท่านหมอซูมากที่ได้อุตส่าห์ลำบากเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้”
หมอซูยิ้ม
“ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย” เซียวซานหลางประทับใจหมอซูมาก เขาเป็นผู้ป่วยย่อมรู้ดีเกี่ยวกับร่างกายของตนเองอยู่แล้ว หมอที่มาตรวจเขาหลายคนยังไม่รักษาอาการของเขาได้ หมอซูจับชีพจรของเซียวซานหลาง หลังจากถามอาการแล้ว เขาขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักครู่ ไม่ช้าจึงพูดว่า เขาจะต้องคิดหาวิธีรักษาก่อน เซียวซานหลางยิ้ม คิดว่าหมอซูปลอบใจตนเอง หลังจากหมอซูออกไปแล้ว เซียวซานหลางจึงได้หันไปหาเว่ยฉิงพูดว่า
“อาฉิงข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
เว่ยฉิงรู้สึกว่าสิ่งที่ท่านลุงกำลังจะพูดนั้นเป็นสำคัญถึงขั้นคอขาดบาดตาย เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย เมื่อคิดว่าท่านลุงของเขาทำท่าราวกับจะสั่งเสียเขา