บทที่ 373 หมอซูแสดงพลัง
“ท่านผู้เฒ่าจ้าน ข้ายังมีความฉลาดมากกว่านี้อีก?”
“โอ้! ยังฉลาดได้มากกว่านี้อีกหรือ?” ท่านผู้เฒ่าจ้านสงสัยมากยิ่งขึ้น ดวงตากลอกไปมาราวกับเม่นแก่
“ข้ารู้วิธีย่างปลา อาจจะดีกว่าท่านลุงด้วยซ้ำ” พอถังหลี่พูดจบ ดวงตาของเขาสดใสขึ้นทันที
“อร่อยหรือไม่ ข้าต้องได้ชิมก่อนถึงจะบอกได้ สาวน้อย ข้าจะไปตกปลามาให้เจ้าย่างเดี๋ยวนี้เลย” ท่านผู้เฒ่าจ้านรีบกระวีกระวาดไปวางเหยื่อที่เบ็ดของเขา จากนั้นจึงได้เหวี่ยงเป็นลงไปในทะเลสาป ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา ปลาอ้วนตัวใหญ่ก็เข้ามากินเบ็ด
จ้านซือนำอุปกรณ์ในการย่างมาด้วย เขาหยิบออกมาตั้งวางไว้ ถังหลี่ฆ่าปลาจากนั้นจึงได้ขอดเกล็ด ผ่าท้องปลาอย่างชำนาญ ในอีกด้านหนึ่งท่านผู้เฒ่าจ้าน ได้จุดเตาย่างรอไว้แล้ว
ถังหลี่วางปลาลงบนตะแกรง มีเครื่องเทศอยู่มากมาย ถังหลี่หยิบขึ้นมาโรยบนตัวปลา สักพักได้กลิ่นหอมหวลโชยมาจนทั่วบริเวณนั้น
ท่านผู้เฒ่าน้ำลายไหล เมื่อถังหลี่ย่างเสร็จ ท่านผู้เฒ่าจ้านถึงกับอดใจไม่อยู่รีบยกขึ้นกัดกินทันที เนื้อปลานุ่ม มีกลิ่นไหม้นิดๆ รสชาติอร่อยมากเทียบได้กับฝีมือของเซียวซานหลางเลยทีเดียว
ท่านผู้เฒ่าจ้านกินปลาอย่างชำนาญ เขาแทะเนื้อจนเหลือแต่ก้าง ถังหลี่ถึงกับตะลึงไปทีเดียว
“ข้าขอบคุณท่านที่ได้สั่งสอนเว่ยฉิง” ถังหลี่พูดอย่างจริงจัง
เว่ยฉิงเล่าให้นางฟังถึงเหตุการณ์ในสองสามปีที่ผ่านๆ มา
ท่านผู้เฒ่าจ้านเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เว่ยฉิงได้เติบโตขึ้น เขาเป็นคนที่เข็มงวดมาก สอนเว่ยฉิงทุกอย่าง เว่ยฉิงเคารพนับถือเขาเป็นอันมาก
“ความกตัญญูขึ้นอยู่กับการกระทำไม่ใช่แค่คำพูด” ท่านผู้เฒ่ากล่าวอย่างมีนัยแอบแฝง
“ตกลง! ข้าจะอยู่ที่นี่สองสามวัน ข้าจะย่างปลาให้ท่านได้กินทุกวันเลย” เมื่อท่านผู้เฒ่าได้ยินเขาแทบจะกระโดดอย่างมีความสุข เมื่อเริ่มค่ำลงพวกเขาจึงได้เก็บอุปกรณ์ทั้งหมดและเดินกลับไปยังบ้านพักด้วยกัน
……………….
หลังจากที่เว่ยฉิงได้พูดคุยกับท่านลุงสามของเขาอยู่นาน เมื่อเขาเดินออกไปจากห้องเห็นท่านอาจารย์ที่มักทำหน้าตาเคร่งขรึมใส่เขากำลังพูดคุยอย่างยิ้มแย้มกับภรรยาของเขา
“สาวน้อย เจ้าตกลงกับข้าแล้วนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่” ท่านผู้เฒ่าพูดอย่างกระวนกระวาย
เมื่อเขาเหลือบเห็นเว่ยฉิง เขายืดตัวตรงขึ้น ลูบเคราสีเงินของเขาด้วยทีท่าเคร่งขรึม
“ท่านอาจารย์” เว่ยฉิงก้มลงคารวะอย่างนอบน้อม
“อืม” เขาตอบรับ
ท่านผู้เฒ่าจ้านเอามือไพล่ไว้ด้านหลัง สีหน้ายังดูเย็นชา แต่นิ้วที่อยู่ด้านหลังกลับเกี่ยวกับนิ้วของถังหลี่ จากนั้นเขาจึงเดินกลับไปช้าๆ ท่านผู้เฒ่าเดินไปที่ลานของเซียวซานหลาง เมื่อเห็นเขาตื่นขึ้นมานั่งอยู่บนรถเข็น ดวงตาเขาสว่างวูบ
“วันนี้ข้าได้เจอแม่นางน้อยคนหนึ่ง นางย่างปลาได้เก่งฝีมือพอกันกับเจ้าเลยทีเดียว ข้าพอใจนางมาก” ท่านผู้เฒ่าจ้านพูดอย่างจริงจัง
“หากเจ้ามีชีวิตไม่ดีล่ะก็ นางอาจจะเป็นลูกศิษย์คนโปรดของข้าแทนเจ้าก็เป็นได้”
หลังพูดจบเขาแอบลอบมองเซียวซานหลาง
เซียวซานหลางกลับยิ้มออกมา
“ถ้าหากมีคนดูแลท่านอาจารย์แทนข้าได้ละก็ ข้าจะหมดห่วง วางใจได้เลย”
สีหน้าของท่านผู้เฒ่าจ้านเปลี่ยนไป เขาบึ้งตึงอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
“ฮึ่ม ข้าไม่โปรดเจ้าแล้ว!” ว่าแล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโกรธ
…………………..
ในอีกด้านหนึ่ง เว่ยฉิงเดินไปหาถังหลี่ นางเงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุยกับท่านลุงสามเรียบร้อยแล้วหรือ?” เว่ยฉิงพยักหน้า เมื่อนึกถึงที่ท่านลุงพูดให้เขาฟังแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ลุงเขาพูดราวกับว่าจะสั่งเสียเขา ทำไมคนเราต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยนะ? เมื่อนึกถึงท่านลุงเขารู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา
ถังหลี่ยื่นมือออกมา เขย่งปลายเท้า เว่ยฉิงโน้มตัวลงมาให้นางได้ลูบไล้ศีรษะเขาอย่างปลอบประโลม
“อย่ากังวล ท่านหมอซูจะหาวิธีรักษาได้” เมื่อได้ยินที่ภรรยาพูดเขาเงยหน้าขึ้นดวงตาเปี่ยมด้วยความหวัง
“มีวิธีรักษาหรือ?”
“ใช่ เชื่อท่านหมอซูเถิด เขาเป็นหมอที่เก่งมาก” เว่ยฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก คงจะดีไม่น้อยหากหมอซูรักษาท่านลุงสามได้!
“ภรรยา เจ้าไปรู้จักกับท่านอาจารย์ได้อย่างไร?” เว่ยฉิงถามอย่างสงสัย
ถังหลี่เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อยามบ่ายให้เขาฟัง
“ท่านผู้เฒ่าจ้านเป็นผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งใต้หล้า เขาเป็นคนตรงไปตรงมา” ถังหลี่พูดขึ้นมา
เว่ยฉิงพยักหน้า
“ใช่ แต่เขาใจร้ายกับข้าไม่น้อยทีเดียว”
หลังจากกินปลาย่างแล้วท่าทีของอาจารย์ที่มีต่อเขายิ่งดุร้ายขึ้นไปอีก ทั้งคู่เดินจูงมือกันไปยังเรือนพักของตน
ยามค่ำคืนเมื่อทั้งคู่อยู่บนเตียงด้วยกัน เว่ยฉิงเล่าสิ่งที่ท่านลุงสามพูดกับเขาให้นางฟัง ถังหลี่ครุ่นคิด จ้าวชูเป็นคนทำร้ายครอบครัวสามีของนางจริงหรือ? นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
จ้าวชูเป็นพระเอกของนิยายเรื่องนี้ ในที่สุดเขาก็ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเขาก็เจริญรุ่งเรืองไปด้วย เพราะสาเหตุนี้ทั้งจ้าวชูและตระกูลหวังจึงร่วมมือกัน และเป็นไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัยว่าตระกูลหวังทำร้ายคนในตระกูลของเว่ยฉิง ดังนั้นตราบใดที่สามีของนางและคนในตระกูลเซียวยังอยู่ อย่าหวังว่าตระกูลหวังจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้
ไม่ว่าใครที่ทำเช่นนั้นย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม! โดยเฉพาะจ้าวชู ด้วยเหตุผลเหล่านี้ก็เหมือนยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้มากขึ้น ความดุร้ายวาบผ่านดวงตาของถังหลี่
“หลังจากอาการป่วยของลุงสามดีขึ้น ข้าจะกลับไปเมืองหลวงสอบสวนต่อดูอีกที” เว่ยฉิงก้มลงจูบถังหลี่ที่หน้าผาก ถังหลี่ใจอ่อนลง
“สักวันตระกูลเซียวจะได้ล้างแค้น ท่านลุงจะได้เห็นวันนั้นแน่”
เว่ยฉิงโล่งใจ ใช่! ท่านลุงจะได้เห็นวันนั้นอย่างแน่นอน ทั้งสองคนนอนกอดกัน เมื่อมีภรรยาอยู่ข้างๆ เว่ยฉิงก็สบายใจ เขาหลับไปอย่างรวดเร็ว
วันถัดมา เมื่อสามีภรรยาตื่นขึ้น ทั้งคู่จึงได้พากันไปหมอซู
ท่านหมอซูตื่นแล้วกำลังเขียนและวาดภาพบนกระดาษ สีหน้าเขาครุ่นคิดอยู่พลางๆ
“เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย” ฮูหยินซูพูดขึ้นมา ถังหลี่ตกใจ เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ?
นางขมวดคิ้ว “ร่างกายของท่านหมอจะ…”
“ไม่เป็นไร เขาเป็นเช่นนี้แหละ บางครั้งก็ไม่นอนสี่ห้าคืนเลยทีเดียวจนกว่าเขาจะคิดหาวิธีได้นั่นแหละ เขาถึงจะนอนหลับ” ฮูหยินซูกล่าว นางรู้จักสามีดี ระหว่างสองวันที่ผ่านมาท่านหมอซูเอาแต่ศึกษาตำราทางการแพทย์ ระหว่างนั้นยังไม่จับชีพจรให้เซียวซานหลางอีกด้วย ในที่สุดวันที่สามเขาถึงได้เขียนใบเทียบยาออกมาได้
“ร่างกายของผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังมานาน ไม่เหมาะที่จะใช้ยาที่ออกฤทธิ์เร็ว เพราะร่างกายจะรับไม่ไหว ใบเทียบยามีสองชนิดคือใบเทียบยาสำหรับแช่ตัว และใบเทียบยาแบบใช้ภายใน ต้องไปหาซื้อยามาตามใบเทียบยานี้” หมอซูออกคำสั่ง
เวิยฉิงถือใบเทียบยาด้วยความดีใจ ภรรยาเขากล่าวถูกแล้ว ท่านหมอซูเป็นหมอที่เก่งกาจจริงๆ เขาต้องรักษาอาการป่วยของท่านลุงสามได้อย่างแน่นอน
เว่ยฉิงและถังหลี่ลงจากเขาไปซื้อยาเอง เมื่อลุงเฮยรู้ว่าอาการป่วยของนายท่านสามารถรักษาหายได้ เขาก็ดีใจจนต้องชะเง้อมองคนทั้งคู่ให้กลับมาเร็วๆ เขาหวังว่าจะหาซื้อยาได้ครบอย่างราบรื่นโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ
เซียวซานหลางมองคนรอบตัวที่กำลังวุ่นวายกับความเจ็บป่วยของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ภายในลึกๆ กลับไม่ค่อยสบายใจนัก เขาไม่เชื่อว่าโรคของเขาจะรักษาหายได้ เขากลัวว่าทุกคนจะดีใจเก้อไปอย่างไร้ประโยชน์