เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 374 ถังหลี่และเว่ยฉิงลงไปที่ภูเขาเพื่อหยิบยา

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

ตอนที่ 374 ถังหลี่และเว่ยฉิงลงไปที่ภูเขาเพื่อหยิบยา

ถังหลี่และเว่ยฉิงกระวนกระวายมาก พวกเขาหวังว่าจะซื้อยาได้ตามใบเทียบยาทั้งหมดเพื่อท่านลุงสามจะได้หายเร็วขึ้น ทั้งสองลงจากภูเขาแล้วพบว่ามีเมืองเล็กๆ อยู่ตรงเชิงเขาและมีร้านขายยาเพียงร้านเดียวเท่านั้นในเมืองแห่งนี้

ใบเทียบยาของหมอซูมีตัวยาทั้งหมดถึงสามสิบชนิด แต่ที่ร้านนี้มีเพียงแต่สามตัวเท่านั้น พวกเขาเข้าไปในเมืองใหญ่วิ่งจากร้านหนึ่งไปอีกร้านหนึ่งอย่างไม่ย่อท้อ จนในที่สุดก็ซื้อได้เกือบจะครบ แต่ยังขาดสมุนไพรอีกสองชนิดสุดท้าย ถังหลี่ถือใบเทียบยาพลางขมวดคิ้ว อาจจะต้องไปหาซื้อในมณฑลที่ไกลออกไป ซึ่งต้องใช้เวลาถึงสองวัน จะทำให้ล่าช้าเกินไป อีกทั้งถ้าไปถึงแล้วไม่มีสมุนไพรสองตัวนี้ก็เท่ากับไปเสียเที่ยวเปล่า

“ร้านขายยาโดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ เพราะไม่ค่อยมีใครใช้กัน แต่มีคนเก็บสมุนไพรขายอยู่ทางตะวันออกของเมือง เขาอาจจะมีสมุนไพรสองตัวนี้ก็ได้ ลองไปดูสิ”

เสมียนร้านขายยาเห็นพวกเขาหายากันอย่างเร่งรีบจึงได้เมตตาบอกพวกเขา ทั้งสองคนรีบไปยังทิศตะวันออกของเมืองทันที

กว่าไปถึงที่นั่นก็ค่ำมืดมากแล้ว หลังจากถามไถ่ทางของบ้านคนเก็บสมุนไพร พวกเขาก็มาถึงบ้านที่มืดสนิทราวกับไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนั้นเลย เว่ยฉิงเดินไปตบที่ประตู แต่ไม่มีใครตอบ

เปรี้ยง! ทันใดนั้นมีเสียงฟ้าผ่าขึ้นมา เว่ยฉิงหันไปกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน เขาแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ฝนกำลังจะตกแล้ว” เขากระชับวงแขนกอดถังหลี่

“ภรรยา หรือว่าคืนนี้เราจะหาโรงเตี๊ยมในเมืองนอนกันก่อน” หากต้องการจะพักที่โรงเตี๊ยมต้องไปถึงตลาด ซึ่งนับว่าไกลจากที่นี่มากนัก

“สามี ข้าว่ารออยู่ก่อนจะดีกว่า มีชายคากันฝนได้” ถังหลี่ไม่อยากเสียเวลา หากพวกเขากลับไปแล้วเกิดคนเก็บสมุนไพรกลับมาอาจจะคลาดกันได้ แล้วถ้าพวกเขามาวันพรุ่งนี้เกิดคนเก็บสมุนไพรไม่อยู่ออกไปแต่เช้าจะทำอย่างไร รออยู่ที่หน้าประตูจะดีกว่า

เข้าหน้าฝนแล้วหากสุขภาพของท่านลุงสามยังไม่ดีขึ้นโดยเร็ว จะเป็นอย่างไร

เมื่อเห็นท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของถังหลี่ เว่ยฉิงจึงนั่งกอดปกป้องนางเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา เว่ยฉิงรู้ว่านางไม่อยากเสียเวลาและเป็นห่วงท่านลุงของเขาจริงๆ เขาอดถอนหายใจไม่ได้ เขาได้มาพบเจอภรรยาที่ดีๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ

ไม่นานนักฝนก็ตกโปรยปรายลงมา เว่ยฉิงหันหลังให้สายฝน กอดถังหลี่เอาไว้ บังนางจากลมและฝนโดยที่นางไม่เต็มใจ ถังหลี่เอื้อมไปกอดเว่ยฉิง สัมผัสได้ถึงเสื้อผ้าของเขาที่เปียกชื้น นางพูดกับเขาอย่างทุกข์ใจวา

“สามี กระเถิบเข้ามาหน่อย” ความจริงแล้วแค่โดนฝนเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับเขา เพราะสิ่งเขาเจอมาหนักหนาสาหัสกว่านี้หลายพันเท่านัก แต่ตอนนั้นไม่มีภรรยาที่รักคอยอยู่เคียงข้างเขาเหมือนเช่นวันนี้ เมื่อมีภรรยาคอยเอาใจใส่ เขาไม่พลาดที่จะอ้อนนางสักเล็กน้อย

“อืม” เว่ยฉิงโน้มตัวลงไปจูบภรรยาเขา เขากอดนางแน่นขึ้นสลับกับขโมยจูบเป็นบางครั้งเช่นนี้้นับว่าเวลาผ่านไปไม่นานนัก

“สามี มีแสงไฟอยู่ทางโน้น” ถังหลี่ยื่นหัวเล็กๆ ออกมาจากวงแขนเขานางเห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ เว่ยฉิงหันไปมองเห็นว่าเขาเห็นว่าเป็นคนผู้หนึ่งใส่เสื้อกันฝนทำจากทางมะพร้าวสะพายตะกร้าบนหลังถือคบไฟเดินมา เมื่อเข้ามาใกล้จึงเห็นได้ว่าเป็นชายอายุประมาณสามสิบ เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคนทั้งคู่

“ท่านเป็นใคร? ทำไมถึงได้มายืนอยู่หน้าประตูบ้านข้า?”

ถังหลี่มีความสุขขึ้นมาทันที

“ท่านแซ่จางใช่หรือไม่? พวกข้ามาหาคนเก็บสมุนไพรแซ่จาง”

“ใช่ พวกท่านจะซื้อยาหรือ เข้ามาก่อนสิ” คนเก็บสมุนไพรเดินเข้าบ้าน เขาวางตะกร้าใส่สมุนไพรที่เก็บมาจากบนภูเขา เขาเปิดประตูให้ถังหลี่และเว่ยฉิงเข้าไปในบ้าน สองสามีภรรยาอธิบายว่าต้องการซื้อยาไปให้ท่านลุงที่กำลังไม่สบาย พวกเขาจึงได้รออยู่นอกบ้าน

ท่ามกลางสายฝนงั้นหรือ?

คนเก็บสมุนไพรเห็นว่าสามีภรรยาเป็นคนกตัญญู จึงได้กุลีกุจอรับรองเขา

“สมุนไพรตัวไหนที่ท่านต้องการหรือ?”

ถังหลี่พูดชื่อสมุนไพรทั้งสองชนิด นางมองคนเก็บสมุนไพรอย่างกระตือรือร้น โดยหวังว่าเขาจะมีสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้

“สองตัวนี้หรือ? ข้าขอดูก่อนนะ” คนเก็บสมุนไพรเดินเข้าไปยังห้องที่อยู่ด้านหลัง

ถังหลี่และเว่ยฉิงรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับชูถุงใบใหญ่

“ได้แล้ว!” ทั้งสองคนตื่นเต้นดีใจมาก พวกเขารับยามอบเงินให้พร้อมกับขอบคุณคนเก็บสมุนไพรซ้ำแล้วซ้ำอีก จากนั้นจึงได้ขึ้นม้ากลับไป

เว่ยฉิงกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน เนื่องจากฝนเพิ่งตกม้าจึงวิ่งได้ไม่เร็วมากนัก ทั้งสองคนไม่มีใครง่วงนอนแล้ว พวกเขาตื่นเต้นเมื่อคิดว่าท่านลุงจะมีอาการดีขึ้น รุ่งเช้าทั้งคู่จึงได้มาถึงเชิงเขา ควบม้ามาทั้งคืนไม่ได้หยุด เว่ยฉิงผูกม้าไว้ที่ข้างถนน ก่อนจะหันหลังแล้วตบหลังตนเอง

“ขึ้นมา” ถังหลี่ไม่เกรงใจเช่นกัน นางกระโดดขึ้นหลังสามีทันทีแล้วกอดคอเขาเอาไว้ เว่ยฉิงเดินขึ้นไปยังภูเขา เดินต่อไปตามถนนโดยมีภรรยาเกาะอยู่บนหลัง

“สามี ท่านจำตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆ พวกเราเข้าเมืองไปด้วยกัน ท่านแบกข้าเอาไว้บนหลังเช่นนี้” เมื่อตอนที่พบกับเว่ยฉิงครั้งแรก นางคิดว่าเขาเป็นคนดุร้าย หยิ่งยโส ทำให้ผู้คนพากันเกลียดไม่ชอบเขา แต่ตอนนี้เขาเป็นคนดีที่สุดในโลก

“ข้าจำได้ภรรยา เรารู้จักกันมาหกปีแล้ว” หกปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว คงจะดีไม่น้อยหากเขาได้เจอกับนางก่อนหน้านี้

ทั้งสองคนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ลุงเฮยรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู เขานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะความกังวล ตอนเช้าจึงได้มายินรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ พอเห็นคนทั้งคู่เขาก็ดีใจขึ้นมาทันที

เว่ยฉิงยื่นห่อยาให้ลุงเฮย

“ให้หมอซูดูก่อน หากไม่มีปัญหาอะไรก็ต้มยาได้เลย” ลุงเฮยรับไปก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบาหายไปในพริบตา ถังหลี่และเว่ยฉิงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งคู่ไม่ได้นอนพักแต่กลับไปยังเรือนของเซียวซานหลาง บังเอิญเจอกับลุงเฮย เขาพูดว่าหมอซูดูยาแล้วไม่มีปัญหา กำลังต้มยาอยู่

ทั้งสองคนเข้าไปในห้องเงียบๆ ท่านลุงยังนอนหลับอยู่ ใบหน้าเขาซีดเซียวดูผิวพรรณแย่กว่าเมื่อวานอีก

ถังหลี่และเว่ยฉิงต่างขมวดคิ้วหวังว่าเขาจะดีขึ้น

เมื่อเซียวซานหลางลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นผู้คนยืนเรียงรอบเตียงเขามองเขาอย่างกระตือรือร้น เขาพยายามลุกขึ้นนั่งแต่กลับพบว่าไร้เรี่ยวแรง เว่ยฉิงรีบเข้าไปช่วยเขา เซียวซานหลางรู้สึกเหนื่อยล้า ราวกับเวลาของเขาจะหมดลงแล้ว แต่เขาเขาฝืนยิ้มออกมา

“พวกเจ้าพากันมายืนเรียงหน้าเป็นเทพทวารบาลกันหรืออย่างไร?”

…………………….

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท