บทที่ 461 : เย่หยิง (4)
งานชุมนุมหมอปรุงยาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้คนมากมายต่างก็มารวมตัวกันที่สำนักเวชโอสถ
ไป๋หยานกลัวว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะได้รับอันตรายเช่นนั้นนางจึงให้เสี่ยวมี่คอยติดตามไป๋เสี่ยวเฉิน
อีกด้านทางตี้คังก็ดูเหมือนจะยุ่งมาก เขามักจะหายตัวไปทั้งวัน ไป๋หยานเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องใด
ตี้คังไม่พูดนางก็ไม่ถาม ทุกวันนี้นอกเหนือจากการฝึกฝน ยามว่างนางก็เฝ้าครุ่นคิดทบทวนบางเรื่อง
น่าเศร้า…
ฉากที่เคยปรากฏขึ้นในวันทำสัญญานั้นจวบจนวันนี้ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในใจของนางอีกเลย
ราวกับว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตาของนางเท่านั้น
*****
”หม่ามี้”
ณโรงเตี๊ยม
ภายในห้องที่เงียบสงบ
ด้านหน้าของไป๋หยานมีกาน้ำชานางวางมือไว้บนฝากาน้ำชา นัยน์ตาของนางพร่ามัวเลื่อนลอย
ทันใดนั้นเองตุ๊กตาขี้ผึ้งตัวนิ่มๆ ก็พุ่งผ่านประตูเข้ามาสู่อ้อมแขนของนาง
”หม่ามี้เฉินเอ๋อกลับมาแล้ว”
เจ้าซาลาเปาน้อยเงยหน้าสีชมพูของเขาขึ้นพร้อมกับยิ้มสว่างไสวราวดวงตะวัน
”เป็นอย่างไรบ้าง? เที่ยวเล่นข้างนอกสนุกหรือไม่ ?” ไป๋หยานยิ้ม ขณะมองดูเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนพลางเอ่ยถาม
นัยน์ตาของเจ้าซาลาเปาน้อยสว่างไสวโปร่งใสราวกับดวงดารา
”ข้างนอกวุ่นวายมากเพราะใกล้จะถึงงานชุมนุมหมอปรุงยา บางคนก็มาสมัครเข้าร่วมแข่งขันปรุงยา แต่เฉินเอ๋อคิดว่า อย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็สู้หม่ามี้ของเฉินเอ๋อไม่ได้หรอก”
”งั้นหรือ?” ไป๋หยานลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อยเบา ๆ พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
เจ้าซาลาเปาน้อยพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง”หม่ามี้ของเฉินเอ๋อเก่งที่สุดในโลก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเทียบหม่ามี้ได้ !”
ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินพูดนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขายิ้มอย่างเชื่อมั่น
”แค่ก”
ทันใดนั้นเองเสียงไอเบา ๆ ก็ดังมาจากด้านนอกประตู ทำลายภาพอันอบอุ่นของสองแม่ลูกที่อยู่ในห้อง
ไป๋หยานขมวดคิ้ว”เฉินเอ๋อ ต่อไปเวลาเข้าห้องอย่าลืมปิดประตูนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญตรงประตูก่อนจะหันมามองมารดาของตนพร้อมกับพยักหน้า “เฉินเอ๋อจะจำไว้ ต่อไปเฉินเอ๋อต้องไม่ลืมปิดประตู คนเลวบางคนจะได้ไม่สามารถเข้ามากลั่นแกล้งรังแกเราสองแม่ลูกเวลาที่ป๊ะป๋าไม่อยู่”
ยามนี้เย่หยิงกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูนางได้ยินถ้อยคำกระแหนะกระแหนของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มสองรูหู ทว่ารอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ยังไม่จางหาย
”แม่นางเราพบกันอีกแล้ว นี่คือบุตรชายของเจ้างั้นหรือ ?
แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของเขาน่ารักมาก
แต่แท้จริงแล้วเด็กคนนี้เป็นอสูรน้อยที่ไร้การศึกษา !
ถ้อยคำเหล่านี้เย่หยิงย่อมจะไม่พูดออกมาต่อหน้าไป๋หยาน บนใบหน้าของนางยังคงมีรอยยิ้ม นางเดินเข้าไปในห้องอย่างแช่มช้า
”วันนี้ข้ามีเรื่องจะสนทนากับเจ้า”
ไป๋หยานจิบชาเบาๆ พลางกล่าว “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าเป็นบุตรสาวของไป๋จั่นเผิง ?”
เย่หยิงตกตะลึงนางหลบตา พลางคิดได้ว่าเย่จงคงพูดเรื่องนี้
เห็นได้ชัดว่าไป๋จั่นเผิงไม่ต้องการรับนางเป็นธิดาบุญธรรม ทว่านางจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำลายศักดิ์ศรีของนางในเวลานี้เป็นแน่
หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่เย่หยิงก็พยักหน้าเล็กน้อย “ท่านพ่อเป็นญาติสนิทของข้า ทว่าเขาเอ็นดูข้ามากนับแต่ครั้งข้ายังเยาว์ เขาวางแผนที่จะรับข้าเป็นธิดาบุญธรรม ภายหลังจากสิ้นสุดการแข่งขันปรุงยาครั้งนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ”
”อืม”
ไป๋หยานรับคำเบาๆ
ไป๋จั่นเผิงเป็นญาติสนิทของเย่หยิงงั้นรึ? จะกล่าวให้ถูกก็คือฮูหยินของเจ้าสำนักเวชโอสถ และยายของเย่หยิงเป็นพี่น้องกัน ?
“เจ้าบอกว่าเจ้ามาหาข้าเพื่อสนทนาธุระ เจ้ามีเรื่องใดสนทนากับข้างั้นรึ ?” ไป๋หยานจิกริมฝีปาก
นางต้องการที่จะรู้ว่าญาติของไป๋จั่นเผิงมาหานางด้วยเรื่องใด?
”บุรุษที่ข้าเห็นในโรงน้ำชาวันก่อนคือสามีของเจ้างั้นหรือ?” นัยน์ตาของเย่หยิงจับจ้องไป๋หยาน คิ้วของนางขมวด
***จบบทเย่หยิง (4)***
บทที่ 462 : เจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (1)
ไป๋หยานกำลังจะหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ ด้วยท่วงท่าสบาย ๆ นางถึงกับวางถ้วยชาลงทันที พลันริมฝีปากแดง ๆ ของนางก็เผยยิ้มน้อย ๆ “แล้วเจ้าคิดเช่นไรล่ะ ?
“เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ”เย่หยิงนั่งลงพลางหัวเราะเบา ๆ “ทว่า เจ้าจะไม่เชิญข้าลงนั่งดื่มชาสักถ้วยเลยกระนั้นหรือ ?”
เย่หยิงไม่เกรงใจแล้วนางยกมือขึ้นหมายจะหยิบถ้วยชาอีกใบบนโต๊ะ
ในห้องนี้มีถ้วยชาเพียงสองถ้วยเท่านั้นใบหนึ่งอยู่ตรงหน้าไป๋หยาน
แสดงว่าอีกใบต้องเป็นของบุรุษเรือนผมสีเงินผู้นั้น
นัยน์ตาของเย่หยิงเปล่งประกายริมฝีปากของนางขยับ นางยิ้มสดใสราวฤดูใบไม้ผลิ
ทว่าขณะที่มือของนางกำลังจะแตะถ้วยชานั้นไป๋หยานก็รีบคว้าถ้วยชาใบนั้นทันที พลันถ้วยชาก็ลื่นหลุดจากฝ่ามือของเย่หยิงร่วงตกลงพื้นดังเพล้ง
”ข้าขอโทษมือข้าลื่น”
ไป๋หยานยิ้มนางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดนิ้วมือ ขณะเดียวกันนางก็มองเย่หยิงพร้อมกับส่งยิ้มให้
”แม่นางเย่หยิงมาหาข้าด้วยเรื่องบิดาของลูกข้ากระนั้นหรือ?”
มือลื่นเรอะ?
เย่หยิงคิดเย้ยหยันในใจทว่าใบหน้าของนางก็ยังคงไม่ได้แสดงออกใด ๆ นางระงับโทสะขณะกล่าวว่า “ใช่…ข้ามาที่นี่เพราะบุรุษผู้นั้น ! ข้าไม่ใช่คนเสแสร้ง เช่นนั้นจึงอยากจะยอมรับตรง ๆ ว่าข้าตกหลุมรักเขานับแต่แรกเห็น ”
หากเป็นคนธรรมดาครั้นได้เห็นศัตรูยั่วยุต่อหน้า พวกเขาจะต้องหวั่นไหวอย่างมากเป็นแน่ และต่อให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ลงได้ ท่าทีของพวกเขาก็ย่อมแตกต่างไปจากเดิม
อย่างไรก็ตาม…
สตรีที่อยู่เบื้องหน้าก็ยังคงเป็นเหมือนกลุ่มเมฆเหมือนสายลมบางเบา รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋หยานมิได้จางหาย ทั้งยังจ้องมองมาด้วยแววตายิ้ม ๆ
นัยน์ตาของเย่หยิงพลันเคร่งขรึมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสตรีผู้นี้จะไม่ตื่นตระหนกใด ๆ ! ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของนางล้ำลึกกว่าที่คิด
ครานี้ข้าอาจจะเจอคู่ต่อสู้ตัวจริงแล้วก็เป็นได้!
”แม่นาง”เย่หยิงสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะทำใจให้สงบ “รักแท้มิใช่การครอบครอง ทว่าควรจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ที่เรารัก ข้าอยู่ในสำนักเวชโอสถ เจ้าน่าจะรู้ดีว่า หากเจ้าปล่อยมือจากเขา ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าสำหรับเขา ”
ไป๋หยานหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อเจ้าต้องการเขา ไยต้องขอข้าหลีกทางให้ ทั้งที่แท้จริงแล้วเจ้าควรจะคุยกับเขาด้วยตนเอง เผื่อว่าเขาจะสนใจเจ้า เหตุใดต้องมาหาข้าด้วยเล่า ?”
“หากเป็นเช่นนั้นเขาจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นชายชั่วที่ทอดทิ้งภรรยาและลูกของตนหรอกหรือ ?” เย่หยิงขมวดคิ้ว นางเต็มไปด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง “ข้าจะปล่อยให้เขาต้องถูกตราหน้าว่าเป็นชายชั่วได้เยี่ยงไร ?
ไป๋หยานลูบหลังของไป๋เสี่ยวเฉินเพื่อช่วยบรรเทาอารมณ์หงุดหงิดของเขา
”เช่นนั้นเจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ?” ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นพลางยิ้ม ทว่าแววตาของนางกลับเย็นชา
”มีสิ”เย่หยิงกล่าวพร้อมประกายแสงแวววาวในดวงตา พลางยิ้มน้อย ๆ “แม่นางไป๋ ข้าเชื่อว่า เจ้ารักสามีของเจ้ามาก ทั้งเจ้าก็เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อเขาใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานไม่ได้กล่าวคำใดนางนิ่งเงียบรอประโยคต่อไปของเย่หยิง
เย่หยิงหยุดพูดไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวต่อว่า”ข้ามีพี่ชายที่แก่กว่าเจ้าเพียงไม่กี่ปี หากเจ้าเต็มใจเสียสละเพื่อสามีของเจ้า ข้าสามารถพาเจ้าไปพบพี่ชายของข้าได้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็แต่งงานกับเขาซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ดี”
ไป๋หยานยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ นัยน์ตาคู่นั้นของนางมีรอยยิ้มลึกล้ำ
”เจ้าหมายถึงให้ข้าคบชู้กับพี่ชายของเจ้า จากนั้นทุกคนในโลกก็จะได้เห็นอกเห็นใจอ๋องคัง ทว่าข้าก็จะกลายเป็นหญิงแพศยาที่ทุกคนต่างสาปแช่งกระนั้นหรือ ? และเมื่อถึงเวลานั้น ทันทีที่เจ้าปรากฏกายขึ้น โลกก็จะสรรเสริญความดีงามของเจ้า แม้ว่าเจ้าจะขโมยลูกของข้า และบิดาของเขา เจ้าก็ยังคงจะได้รับการยกย่องจากทุกคนกระนั้นสิ ?”
***จบบทเจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (1)***
บทที่ 463 : เจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (2
ถ้อยคำของไป๋หยานชัดเจนตรงประเด็นและนั่นก็จะเป็นเจตนาที่แท้จริงของเย่หยิง
เย่หยิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแม้นางจะตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นจริง ทว่าเมื่อต้องฟังจากปากของหญิงผู้นี้ นางจะรับได้อย่างไร ?
ทว่านั่นมิใช่สิ่งที่นางต้องการกระทำกับคนทั้งสองหรอกหรือ?
คนหนึ่งแต่งงานกับนางก็จะได้ขึ้นครองสำนักส่วนอีกคนแต่งงานกับพี่ชายของนางก็จะได้ขยับฐานะ
เพียงแต่ไป๋หยานต้องแบกรับความอัปยศสักหน่อยก็เท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่จะได้รับเสียงก่นด่าเหล่านั้นจะมีความหมายใด ? หญิงผู้นี้ควรจะขอบคุณนางเสียด้วยซ้ำ กลับไม่สำนักบุญคุณอีก
”แม่นาง… ”
สีหน้าของเย่หยิงเคร่งขรึมลงนางกำลังจะอ้าปากพูด ทว่าเสียงหัวเราะเย็น ๆ ของไป๋หยานก็ดังขึ้นอีกครั้ง
”เย่หยิงความคิดของเจ้าดีมาก เจ้าหลอกใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อตนเอง โชคไม่ดีเลยที่คนอย่างไป๋หยานมิใช่คนที่จะให้ผู้อื่นหลอกใช้ประโยชน์ได้ง่าย ๆ !”
”แม่นาง!” ใบหน้าของเย่หยิงเย็นชา ข้าไม่คาดหวังว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ สามีของเจ้าดูคนผิดจริง ๆ หากเป็นข้า ข้าคงต้องยอมรับหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา ! เจ้าจะบอกว่าเจ้ารักเขาได้อย่างไรในเมื่อเจ้าไม่ยอมเสียสละ ?
”งั้นหรือ?” ไป๋หยานเชิดริมฝีปากขึ้น “หากเขาอยากให้เจ้าช่วยจริง ๆ ล่ะก็ แท้จริงก็มิใช่เรื่องยากเลย เพียงเจ้าออกไปจากที่นี่ เจรจากับเขาดี ๆ ทว่าที่เจ้าต้องมาหาข้าที่นี่ นั่นเป็นเพราะเจ้าคิดหลอกตนเองว่าเขาต้องการเจ้าใช่หรือไม่ล่ะ ?”
สีหน้าของเย่หยิงเขียวคล้ำสายตาเย็นชาของนางจ้องมองไป๋หยาน “เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ !”
ไป๋หยานค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเย่หยิงอย่างแช่มช้า แรงกดดันจากนางเย็นชา นัยน์ตาสีดำขลับของนางเย็นยะเยือก
”ข้าเห็นแก่ไป๋จั่นเผิงจึงสุภาพกับเจ้ามากแล้ว หาไม่เจ้าคงไม่อาจ แม้แต่จะก้าวเข้ามาในห้องของข้าได้ ! นอกจากนี้ข้าขอบอกอะไรเจ้า !”
ไป๋หยานหยุดมองใบหน้าเขียวคล้ำของเย่หยิงด้วยอาการเยาะเย้ย”อันดับแรก หากคนผู้นั้นไม่คุ้มค่าพอ ข้าก็คงไม่โง่พอที่จะเสียสละเพื่อคนผู้นั้น เหตุใดสตรีต้องเสียสละตนเองเพียงเพื่ออนาคตของชายสักคนหนึ่งด้วยล่ะ ? ”
แน่นอนว่าสิ่งที่พิสูจน์ได้ก็คือผู้ชายไม่คู่ควรต่อการเสียสละของนางเฉกเช่นเดียวกับบิดาผู้ให้กำเนิดนางในประเทศจีน !
”สองคนของข้า ข้าไม่มีวันยกให้ใครไม่ว่าหน้าไหน ! คนที่ข้าเลือก เขาจะไม่ทรยศข้า ! และข้าก็จะไม่ทรยศเขา !”
”ประการที่สามสัตว์เลี้ยงของข้าเพิ่งใช้ถ้วยนี้ดื่มน้ำ ทว่าสัตว์เลี้ยงของข้ารักสะอาดมาก ลมหายใจของเจ้าจะทำให้ถ้วยแปดเปื้อน ข้าจึงทำลายมันเสีย”
เพื่อพิสูจน์ถ้อยคำของไป๋หยานเสี่ยวมี่ก็ร้องเมี้ยวพลางมองเย่หยิงด้วยสายตารังเกียจ
”เจ้า… โอหังนัก !”
เย่หยิงสุดจะทนได้อีกต่อไปยามนี้ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก นางจ้องไป๋หยาน พร้อมกับตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
ลมหายใจของนางไม่สม่ำเสมอใบหน้าของนางซีดลง “เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยา เชื่อหรือไม่ว่าข้ามีวิธีมากมายที่จะทำให้เจ้าไม่ได้เข้าร่วมงานนี้”
”เอาสิข้าจะรอชม”
ไป๋หยานยิ้มพลางเอนหลังพิงเสา น้ำเสียงของนางไม่แสดงท่าทีใด ๆ ราวกับว่านางไม่ใส่ใจถ้อยคำของเย่หยิงเลย
”เฮอะ!” เย่หยิงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ นางกำหมัดแน่น กระทั่งมือเป็นสีชมพู “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ! นอกจากนี้ผู้ชายของเจ้า ข้าก็จะต้องได้ ! ”
นางจ้องมองไป๋หยานด้วยสายตาเย็นชาพลางตะโกนลั่นก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง
”ช้าก่อน”
ขณะที่เย่หยิงกำลังจะจากไปนั้นเสียงของไป๋หยานก็ดังมาจากข้างหลัง
ริมฝีปากของเย่หยิงค่อยๆ เผยยิ้ม นางหันกลับไปมองช้าๆ “ยังไง เสียใจแล้วใช่หรือไม่… ? ”
ก่อนที่คำพูดจะจบลงเท้าข้างหนึ่งก็ถีบนางลอยละลิ่วออกจากห้อง
นัยน์ตาของเย่หยิงเบิกกว้างร่างของนางลอยละล่องอยู่กลางอากาศ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะมองใบหน้าที่ค่อย ๆ ห่างนางออกไปเรื่อย ๆ
***จบบทเจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (2)***
บทที่ 464 : เจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (3)
เจ้า… เจ้ากล้าดียังไง ?
ยามนี้ยังอยู่ในดินแดนของสำนักเวชโอสถหญิงผู้นี้กล้าทำกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร
ลอยล่องอยู่เป็นเวลานานก่อนที่ร่างของเย่หยิงจะตกลงจากฟ้า ร่วงลงท่ามกลางฝูงชน
นัยน์ตาของนางยังคงเบิกกว้างไม่รู้เป็นเพราะนางกำลังจะตกจากฟ้า หรือเป็นเพราะนางตกตะลึงกับการกระทำของไป๋หยาน
*****
ภายในโรงเตี๊ยม
ไป๋หยานกระแทกประตูปิดอย่างแรงพลันคนอื่น ๆ ในที่นั้นก็กลับมารู้ตัว
”ข้าไม่ได้เตะใครมานานมากแล้วมันเยี่ยมมากเลย !”
นางอดกลั้นอยู่นานแล้วการกระทำเมื่อครู่นี้เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ !
”หม่ามี้เหตุใดท่านไม่ให้ข้าร่วมวงด้วยล่ะ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินอึดอัดมาก
หม่ามี้ได้ระบายอารมณ์แล้วแต่เขาล่ะ ?
ไป๋หยานจูบหน้าผากของไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมกับยิ้ม
“เพราะเฉินเอ๋อลูกรักของแม่ยังบริสุทธิ์มากแม่จึงต้องรักษาเจ้าไว้ไม่ให้แปดเปื้อน”
หลังจากคิดแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “หม่ามี้พูดถูก ต่อไปหม่ามี้ก็ไม่ต้องสนใจหญิงคนนั้นแล้ว ให้ป๊ะป๋าวายร้ายแก้ปัญหาด้วยตัวเองบ้าง”
“อืม…ต่อไปให้บิดาของเจ้าแก้ปัญหาด้วยตนเองแล้วกัน”
ไป๋หยานอารมณ์ดีกระทั่งพูดออกมาว่าบิดาของเจ้า นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางอดไม่ได้ที่จะจูบไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้ง
ไป๋เสี่ยวเฉินซบอยู่ในอ้อมอกของไป๋หยานนัยน์ตากลมโตกระพริบและสว่างไสวราวกับดวงดารา
เขาควรบอกป๊ะป๋าวายร้ายหรือไม่นะว่าตอนนี้หม่ามี้ยอมรับว่าป๊ะป๋าเป็นผู้ชายของนางแล้ว ?
หากป๊ะป๋าวายร้ายได้รู้เขาคงจะมีความสุขน่าดู
*****
บนถนน…ฝูงชนต่างเข้ามารุมล้อมรอบ ๆ ร่างของเย่หยิงที่ร่วงหล่นจากฟ้า
ที่สุดเมื่อเย่หยิงกลับมารู้สึกตัว นางก็เห็นฝูงชนรายล้อมรอบตัวนาง นางหน้าแดง และรีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบหลบเลี่ยงหลีกหนี ปล่อยให้ฝูงชนงวยงงว่าเกิดอะไรขึ้น
ภายในสำนักเวชโอสถ
เย่หยิงเดินก้มหน้างุดๆ นางชนเข้ากับร่าง ๆ หนึ่ง
ครั้นคนที่อยู่เบื้องหน้าแลเห็นหญิงสาวในสภาพที่น่าอนาถก็อุทานออกมาว่า”เย่หยิง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ ?”
”ท่านย่า!” ใบหน้าของเย่หยิงเปลี่ยนเป็นสีแดง นางกล่าวด้วยความโกรธ “ท่านคิดว่า สภาพของข้าตอนนี้ยังน่าขายหน้าไม่พออีกหรือไร ? ท่านถึงยังต้องการให้คนอื่นมาดูสภาพน่าสังเวชของหลานสาวตัวเองอีก”
”เอ่อ… ” “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงตกใจที่เห็นสภาพของเจ้า บอกข้ามาสิว่าผู้ใดกล้าทำกับเจ้าเช่นนี้ ?”
เย่หยิงทำปากจู๋”ข้าตกหลุมรักชายที่มีภรรยาแล้ว แล้วภรรยาของชายผู้นั้นก็เป็นผู้ทุบตีข้า”
ไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดเย่ฮูหยินถึงกับยืนงงนิ่งอยู่กับที่
หลานสาวที่ยอดเยี่ยมของนางไปต้องใจชายที่มีภรรยาแล้วกระนั้นรึ ?
”ท่านย่าอย่าคิดเช่นนั้น ชายผู้นั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ !” เย่หยิงรีบดึงเย่ฮูหยินไปที่มุมห้อง เพื่อหลบสายตาผู้คน นัยน์ตาของนางส่องประกายขณะกระซิบกระซาบ “นอกจากนี้ เขายังไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลย ทว่าสำหรับข้าแล้ว ชายผู้นี้มีความรับผิดชอบมาก เขาไม่ยอมทอดทิ้งภรรยาและบุตรชายของตน ขณะที่ภรรยาของเขานั้นโหดร้ายเหลือเกิน นางทุบตี้ข้า … ”
“ข้าไม่กล้าพอที่จะต่อสู้กลับ! ท่านย่าไปพบเจ้าสำนักกัน ไปบอกเขาว่า หากเขาไม่ยอมให้ไป๋จันเผิงรับข้าเป็นธิดาบุญธรรม เขาก็ต้องเตรียมจัดงานแต่งงานให้ข้า !”
นัยน์ตาของเย่หยิงเต็มไปด้วยประกายเจ้าเล่ห์หากเจ้าสำนักออกหน้าจัดการเรื่องนี้ พวกเขาจะกล้าต่อต้านกระนั้นรึ ?
เย่ฮูหยินรู้สึกผิดเล็กน้อย”ทว่าเจ้าสำนักเข้มงวดมาก เขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
”ไม่มีทาง!” เย่หยิงกัดริมฝีปาก “ท่านย่า เจ้าสำนักคือพี่เขยของท่าน ! เหตุใดเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้ข้าไม่ได้ ทั้งหญิงผู้นั้นก็โหดร้ายมาก นางไม่สมควรได้คนดี ๆ เช่นนั้น !”
***จบบทเจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (3)***
บทที่ 465 : เจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (4)
เย่ฮูหยินมีสีหน้าเหี้ยมขณะกล่าวว่า”ได้…ข้าจะไปหาเขาตอนนี้เลย ! เพื่อเห็นแก่หลีจิ้ง เขาจะต้องช่วยพวกเรา !”
ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยญาติตนเองหากแต่กลับไปช่วยคนนอก ? พี่เขยไม่ควรจะสับสน
น่าเสียดาย…
ครั้งนี้เย่ฮูหยินต้องการพบไป๋ฉางเฟิ่งทว่าไป๋ฉางเฟิ่งกลับไม่อยากพบหน้านาง เช่นนั้นนางจึงถูกผู้คุ้มกันสำนักรั้งไว้ให้อยู่แต่เพียงนอกสำนัก
พวกเขาปล่อยให้นางร้องห่มร้องไห้อยู่นอกสำนักโดยไม่มีผู้ใดหวั่นไหวไปกับนางเลย
ภายในห้องหนังสือ
ไป๋ฉางเฟิ่งนวดขมับที่กำลังปวดพร้อมกับถอนหายใจ”คนพวกนี้ไม่ยอมวางมือเลย เจ้าเองก็บอกไปแล้วว่า เจ้าไม่สามารถรับเย่หยิงเป็นบุตรสาวของเจ้า นางก็ยังไม่ยอมเลิกวุ่นวายกับตระกูลไป๋ของเราสักที”
ไป๋จั่นเผิงยิ้ม”ท่านพ่อ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจพวกเขา เพราะแม้ว่าท่านจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับท่านแม่ ทว่าก็ไม่ควรต้องเป็นทุกข์ใจเพราะท่านแม่”
”เผิงเอ๋อเรื่องที่ข้าขอให้เจ้าตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว ? นางจะมาที่นี่เมื่อไหร่ ?”
ถ้อยคำของไป๋ฉางเฟิ่งเครียดเคร่งเขามองไป๋จั่นเผิง
ไป๋จั่นเผิงย่อมรู้ว่าเรื่องที่บิดาของเขาพูดถึงนั้นเกี่ยวข้องกับไป๋หยาน
”คนที่ข้าส่งไปส่งจดหมายมาบอกว่า เมื่อไม่นานมานี้หยานเอ๋อออกมาจากอาณาจักรหลิวฮั่ว ไม่แน่ว่าหยานเอ๋อจะเป็นบุตรสาวของหนิงเอ๋อหรือไม่ ? ทว่าข้าเคยไปสืบเรื่องนี้ที่บ้านสกุลหลานแล้ว แม้ว่าหลานเยี่ยจะรู้จักหนิงเอ๋อ ทว่าคนในตระกูลหลานกลับไม่เคยได้พบหนิงเอ๋อเลย หากแต่พวกเขาก็เคยได้ยินหลานเยี่ยพูดถึงนาง”
ไป๋จั่นเผิงสูดลมหายใจเข้าลึกพลางกล่าวต่อว่า “เช่นนั้น หากจะให้ข้าสรุป ข้าก็คิดว่าหยานเอ๋อน่าที่จะเป็นหลานสาวของข้า”
สายสัมพันธ์ไม่สามารถทำลายได้!
นับแต่เห็นไป๋หยานครั้งแรกเขาก็รู้สึกอบอุ่น ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องการใกล้ชิดนางอย่างไม่รู้ตัว
จะเป็นไปได้อย่างไรหากมิใช่ความผูกพันทางสายเลือด ? ตอนนี้ ชื่อของมารดาหยานเอ๋อได้รับการยืนยันเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นนางจะต้องเป็นหลานสาวของเขาแน่ ๆ
ปัง!
ถ้วยน้ำชาของไป๋ฉางเฟิ่งกลิ้งหล่นจากมือก่อนจะแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ
บางทีอาจเป็นเพราะเขาได้รับคำตอบที่เขาต้องการแล้วน้ำตาของเขาจึงไหลรินลงมาอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
”จิ้งเอ๋อวิญญาณของเจ้าที่อยู่บนสรวงสวรรค์ต้องเป็นผู้ส่งหลานสาวมาให้ข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะอวยพรให้หนิงเอ๋อยังมีชีวิตอยู่ด้วย !”
นางเป็นหลานสาวของเขาในที่สุด เขาก็มีทายาทรุ่นที่สามของสำนักเวชโอสถแล้ว !
ชั่วขณะนั้นน้ำเสียงของไป๋ฉางเฟิ่งพลันสั่นสะท้าน เขาต้องการหยิบถ้วยอีกใบขึ้นมาดื่มน้ำ เพื่อลดความรู้สึกตื่นตกใจ อย่างไรก็ตามเขาพบว่ามือของเขาสั่นมาก สั่นกระทั่งไม่สามารถถือถ้วยได้
”เผิงเอ๋อเมื่อไหร่ที่ข้าจะได้พบหยานเอ๋อ ? นางจะชอบตาคนนี้หรือไม่ ? ที่เจ้าบอกว่าหยานเอ๋อมีลูกแล้ว บุตรชายของนางจะชอบข้าหรือไม่ ? อย่างไรก็ตาม กว่าข้าจะได้รู้ว่านางมีตัวตนก็ใช้เวลาตั้งหลายปี … ”
ยามนี้ไป๋ฉางเฟิ่งไม่ต่างจากเด็กคนหนึ่งที่ป้อนคำถามวนไปเวียนมาอย่างไม่สบายใจ
”ท่านพ่อหยานเอ๋อเป็นเด็กดี ทั้งบุตรชายของนางก็น่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่มีทางเกลียดท่านแน่”
แล้วก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าหนิงเอ๋อมีบุตรสาว
“นั่นนับเป็นการดี”ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวด้วยความโล่งใจ เขาลูบฝ่ามือจากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปเดินมา “ไม่…ข้าต้องเตรียมของขวัญวันแรกพบระหว่างหลานสาวและเหลนของข้า เจ้าคิดว่าข้าควรมอบคลังยาให้แก่นางหรือมอบสำนักเวชโอสถให้นางไปเลยดี”
”นางไม่ได้ขาดสมุนไพรปรุงยาเช่นนั้นท่านพ่อควรมอบสำนักให้นางเลยจะดีกว่า” นัยน์ตาของไป๋จั่นเผิงเป็นประกาย
ด้วยวิธีนี้สำนักเวชโอสถก็จะไม่ตกเป็นภาระของเขาอีกสืบไป และเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็สามารถออกไปตามหาหนิงเอ๋อได้อย่างสบายใจ
***จบบทเจ้าควรตัดใจเพื่อเขา (4)***