จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 471-475

ตอนที่ 471-475

บทที่ 471 : นักแสดงเจ้าบทบาท (2)
  ”ท่านอา!”
  ”เฉินเอ๋อ!”
  ทันใดนั้นทั้งสองก็กอดกันร่ำไห้
  ฉากนี้เศร้ามากๆ หากผู้ใดได้เห็นผู้นั้นจะต้องน้ำตาคลอ
  ร่างของเย่หยิงสั่นเทานางมองคนทั้งสองร่ำไห้คร่ำครวญด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
  โชคดีที่คนอื่นๆ ในสำนักเวชโอสถยังมาไม่ถึง นางยังมีเวลาแก้ไขปัญหานี้ หากเรื่องนี้ได้ยินไปถึงหูของคนในสำนักแล้วล่ะก็ แม้ว่านางจะไม่ได้ทำจริง ๆ พวกเขาก็ย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน !
  ”ลุงหลิง!” แววตาของเย่หยิงเย็นยะเยือก
  ครั้นได้ยินเสียงโกรธๆ ของเย่หยิง เย่หลิงก็ก้าวออกไปข้างหน้าทันที เขาชี้ดาบยาวไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินและโม่หลี่ชางผู้ซึ่งยามนี้กำลังโอบกอดกันร้องไห้
  ”บอกทุกคนในที่นี้เดี๋ยวนี้ว่าพวกเจ้ากุเรื่องทั้งหมดขึ้นมา หาไม่ข้าจะสังหารพวกเจ้าซะ !”
  ”ลุงหลิง!”
  เย่หยิงกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด
  เย่หลิงนี่เป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอนางเพียงขอให้เขาลากคนทั้งสองออกไป มิได้ใช้ให้เขาขู่คนพวกนี้ในที่สาธารณะเสียหน่อย
  ทำเช่นนี้เท่ากับยิ่งตอกย้ำว่านางเป็นจริงเช่นที่พวกเขาว่ากันสิ ?
  และก็เป็นจริงหมอปรุงยาพากันขมวดคิ้ว เมื่อพวกเขาเห็นเจตนาสังหารอันแรงกล้าของเย่หลิง
  ”แม่นางเย่หยิงแม้ว่าเจ้าจะเป็นญาติของท่านเจ้าสำนักเวชโอสถ แต่ทว่าท่านเจ้าสำนักเวชโอสถนั้นเป็นคนโปร่งใส และยุติธรรมมาโดยตลอด ข้าเกรงว่าคงไม่เป็นการดีสำหรับเจ้าที่จะทำลายชื่อเสียงของสำนักเวชโอสถนี้”
  ”นี่สำนักเวชโอสถสอนให้ใช้กำลังรังแกผู้อื่นแล้วหรือ? เช่นนั้นเมื่องานชุมนุมหมอปรุงยาเริ่มขึ้น ข้าจะถามเจ้าสำนักไป๋ว่าให้ศิษย์ของเขารังแกผู้บริสุทธิ์งั้นหรือ ?”
  ”อา-หลานคู่นี้ร้องไห้ได้น่าสงสารอะไรเช่นนี้ ? ข้าจะร้องไห้ตามแล้ว ขนาดเห็นเช่นนี้ เย่หยิงก็ยังจะให้คนรังแกพวกเขาอีก … ”
  สตรีผู้หนึ่งกล่าวตบท้าย
  เหตุเพราะสตรีส่วนมากมักจะมีความเป็นเพศแม่สูงทั้งความรักแบบแม่ก็มักจะพุ่งปรี๊ดออกมา ยิ่งได้มาเห็นอาหลานทั้งสองเช่นนี้
  เด็กหนุ่มและเด็กน้อยที่ทั้งเฉลียวฉลาดทั้งอ่อนไหว ผู้ใดจะสามารถรอดพ้นจากฤทธิ์น้ำตาของคนทั้งสองได้
  ”ท่านป้าท่านลุง”ไป๋เสี่ยวเฉินยืนขึ้นพร้อมดวงตาที่มีหยาดน้ำไหลริน “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักเวชโอสถ ข้าหวังว่าพวกท่านจะไม่ตำหนิสำนักเวชโอสถ เฉินเอ๋อมาที่นี่เพื่อพบเย่หยิง ทั้งหวังว่านางจะปล่อยครอบครัวของเรา”
  ”ช่างเป็นเด็กที่มีเหตุมีผลนัก”
  สตรีผู้นั้นร้องอุทานข้าไม่รู้ว่าหญิงประเภทใดกันที่ยอดเยี่ยมพอจะสามารถสอนเด็กให้มีเหตุผลได้ถึงเพียงนี้
  ”เด็กน้อยไม่ต้องกังวล พวกเราอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราจะไม่ปล่อยให้ครอบครัวของเจ้าต้องพรากจากกัน ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวที่นี่ ก็แสดงว่าครอบครัวของเจ้าคือหนึ่งในผู้เข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาด้วยใช่หรือไม่ ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
  ”หม่ามี้ของข้าเป็นหมอปรุงยาที่เก่งที่สุดในโลก”
  ฝูงชนที่อยู่ณ ที่นั้นไม่ได้รู้สึกหมั่นไส้เขาเลยที่เขากล่าววาจาโอ้อวดเช่นนี้
  พวกเขาคิดเพียงว่าในความคิดของเด็ก แม่มักเก่งที่สุดเสมอ เช่นนั้นคำกล่าวของเด็กจึงไม่ผิด
  ในทางตรงกันข้ามพวกเขากลับยิ่งรู้สึกดีที่เด็กชายตัวน้อยปกป้องมารดาของตน
  ”แม่นางเย่หยิง”หญิงสาวผู้หนึ่งหันมาเผชิญหน้ากับเย่หยิงด้วยสีหน้าถมึงทึง “วันนี้หมอปรุงยาต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ ทว่าเจ้ากลับสร้างความอับอายขายหน้าให้กับวงศ์ตระกูล เจ้าไม่กลัวที่จะถูกคว่ำบาตรจากคนนับพันหรอกหรือ ?”
  ”ฮึ่ม!”
  ใบหน้าของเย่หยิงเปลี่ยนไปนางตะโกนออกมาว่า “ลุงหลิง เราไปกันเถอะ !”
  ในวันหน้าไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องชำระบัญชีกับสองคนนี้ !
  ”ขอรับคุณหนู”
  เย่หลิงจ้องมองเสี่ยวเฉินและโม่หลี่ชางก่อนจะไล่ตามเย่หยิงไป
  ครั้นเห็นเย่หยิงเดินจากไปมุมปากของไป๋เสี่ยวเฉินก็ยกโค้งขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ทว่าก็เพียงแว่บเดียว จากนั้นเขาก็โบกมืออำลาฝูงชน
  ***จบบทนักแสดงเจ้าบทบาท (2)***

บทที่ 472 : นักแสดงเจ้าบทบาท (3)
  ”ลาก่อนท่านลุงท่านป้าขอบคุณอีกครั้งที่พวกท่านให้การช่วยเหลือเฉินเอ๋อ หากเฉินเอ๋อกับครอบครัวรอดพ้นจากเงื้อมมือมารได้ พวกเราจะต้องตอบแทนความช่วยเหลือในวันนี้อย่างแน่นอน”
  ภายหลังจากที่ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวจบเขาก็หันไปทางโม่หลี่ชางพลางขยิบตาให้ จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวมี่ที่ยังตกตะลึงอยู่ขึ้นมา
  ”กลับกันเถอะป่านนี้หม่ามี้คงจะตามหาเราแล้ว”
  ใบหน้าของเสี่ยวมี่ดูเซ็งๆ มันไม่มีท่าทีจะกลับ กระทั่งไป๋เสี่ยวเฉินต้องลากมันกลับ
  *****
  “เมื่อครู่ข้าแสดงเป็นไงบ้างเฉินเอ๋อ ?” ใบหน้าขาว ๆ ของโม่หลี่ชางเปื้อนยิ้ม นัยน์ตาของเขาสว่างสดใสราวกับดวงดาว ขณะมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความคาดหวัง
  ไป๋เสี่ยวเฉินลูบคาง”อืม… อาโม่แสดงได้ดีมาก ! ครั้งนี้ต่อให้เย่หยิงกระโดดลงแม่น้ำแยงซีเกียงก็ไม่สามารถล้างคาวได้แน่”
  ผู้ใดใช้ให้หญิงสารเลวคนนั้นกล้าวางแผนใส่ร้ายหม่ามี้ข้าละ!
  ”นายน้อย”เสี่ยวมี่หาวอย่างเกียจคร้าน “เมื่อครู่ ท่านใส่อะไรไว้ในสาบเสื้อของเย่หยิง ?”
  “อ้อ! นั่นคือสิ่งที่ป๊ะป๋าวายร้ายมอบให้ข้า ก่อนที่ข้ากับหม่ามี้จะเดินทางมา ป๊ะป๋าบอกว่าให้ซ่อนนิ้วหยกไว้ในสาบเสื้อของหม่ามี้ จากนั้นป๊ะป๋าวายร้ายจะมาจัดการต่อเอง”
  ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินออกจะโกรธๆ เขาไม่รู้ว่าป๊ะป๋ามัวไปทำอะไรอยู่ ? ไยวันนี้ถึงไม่มาให้เห็นเลย ?
  ”เอ่อ…”
  เสี่ยวมี่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งให้เอามาซ่อนไว้ที่นายหญิง แล้วนิ้วหยกคือสิ่งใด ? เขาตั้งใจทำอะไรกันแน่ ?
  เหมือนจะรู้ข้อสงสัยในใจของเสี่ยวมี่ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดคางขึ้น พลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าเองก็ต้องการรู้จุดประสงค์ของป๊ะป๋าเหมือนกัน เจ้าไม่คิดหรือว่า ทำไมวันนี้ข้าจึงเจาะจงมาสร้างปัญหาให้กับเย่หยิง ? เมื่อหญิงคนนั้นต้องการวางแผนใส่ร้ายหม่ามี้ข้า ข้าก็แค่ยืมดาบนั้นคืนสนองนาง ! ”
  ”นายน้อยผู้ใดสอนคำกล่าวนั้นกับท่าน ?”
  เสี่ยวมี่หาวอย่างเกียจคร้านในอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉินมันพูดอย่างเบื่อหน่าย
  ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาไป๋เสี่ยวเฉินก็เอ็ดให้ว่า “เสี่ยวมี่ เจ้าโง่ เจ้าคิดว่าทุกคนจะโง่เหมือนเจ้างั้นหรือ ? หม่ามี้มักพูดเสมอว่าเฉินเอ๋อเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุด ข้าไม่จำเป็นต้องมีคนสอน ทุกอย่างสามารถหาอ่านได้จากในตำรา”
  ”แล้วท่านก็แค่เอานิ้วหยกใส่ไว้ในเสื้อนางงั้นรึ?” ดวงตาของเสี่ยวมี่เต็มไปด้วยความสงสัย
  “ไม่อย่างแน่นอน”ไป๋เสี่ยวเฉินหยิบจดหมายจากแขนของเขาออกมา จากนั้นก็ส่งไปให้เสี่ยวมี่ “เจ้าหาวิธีเอามันไปหย่อนไว้ในห้องของเย่หมิงได้ไหม ?”
  ”นี่คืออะไร?”
  เสี่ยวมี่หยิบจดหมายไปอ่านเพียงเนื้อหาข้างต้น มันก็เกือบจะทิ้งจดหมายนั่นแล้ว
  ”พี่ชายที่รักของข้า…ไยเนื้อหาในจดหมายถึงได้น่าขยะแขยงเช่นนี้ล่ะ?”
  “ก็เพราะมีใครบางคนมาซ่อนของบางอย่างในห้องของหม่ามี้แต่ป๊ะป๋าวายร้ายก็ให้คนมาจัดการอย่างเรียบร้อย ข้าไม่ได้บอกป๊ะป๋าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายรักที่ข้าเขียนถึงเย่หมิงโดยเลียนแบบลายมือของเย่หยิง”
  หากเขาบอกป๊ะป๋าวายร้ายแน่นอนว่าป๊ะป๋าจะสังหารคนเหล่านั้นให้ตายดับในทันที !
  แต่สำหรับเขา…
  ก่อนที่จะให้คนเหล่านั้นได้ตายโดยไร้ซึ่งดินกลบฝังคนเหล่านั้นจะต้องถูกทำลายจนย่อยยับเสียก่อน !
  ”ท่านคิดวิธีการร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไรนายน้อย” เสี่ยวมี่เงยหน้าขึ้นมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความประหลาดใจ
  “แน่นอนว่าข้าเรียนรู้จากตำรา” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวพลางตบหัวของเสี่ยวมี่ “เช่นนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นเรื่องที่ดี ทุกอย่างล้วนอยู่ในตำรา และข้าก็แค่จดจำมา”
  ”เอาล่ะนายน้อย ข้าจะไปจัดการให้ ท่านกลับไปหานายหญิงก่อน”
  เสี่ยวมี่คว้าจดหมายจากมือของไป๋เสี่ยวเฉินจากนั้นก็รีบรุดไปข้างหน้า เพียงพริบตามันก็หายลับไปจากสายตาของไป๋เสี่ยวเฉิน
  ***จบบทนักแสดงเจ้าบทบาท (3)***

บทที่ 473 : นักแสดงเจ้าบทบาท (4)
  ”อาโม่”ไป๋เสี่ยวเฉินมองตามร่างเสี่ยวมี่ที่จากไป ก่อนจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา “เฉินเอ๋อ ชอบท่านมากเลย”
  ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลันโม่หลี่ชางพลันตกตะลึง เขารู้สึกภาคภูมิใจกับถ้อยคำของเด็กน้อย “จริงหรือ ?”
  ”จริงๆ ” ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ขณะจ้องมองโม่หลี่ชาง “เฉินเอ๋อ อยากมีอาอีกสักคนมาตลอด เช่นนั้นอาโม่ก็เป็นอาของเฉินเอ๋อจริง ๆ เลยได้ไหม ?”
  เมื่อเห็นนัยน์ตาอันชุ่มฉ่ำแวววาวของเจ้าซาลาเปาน้อยสมองของโม่หลี่ชางพลันว่างเปล่า เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้าหงึก ๆ “ได้สิ ข้าจะเป็นอาของเจ้า”
  ”ท่านอาเฉินเอ๋อชอบท่านมาก ๆ”
  ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเบิกบานรอยยิ้มของเขาสดใส ศีรษะเล็ก ๆ ของเขาซบอยู่กับแขนของโม่หลี่ชาง พลันแววตาเจ้าเล่ห์ของสุนัขจิ้งจอกก็ส่องประกายสว่างไสว
  อาโม่จะกลายเป็นอาหมายถึงเป็นน้องชายของหม่ามี้ ภายหน้าคงไม่สร้างปัญหาให้กับป๊ะป๋าวายร้าย
  ทั้งยังทำให้หม่ามี้กลับไปแดนอสูรพร้อมป๊ะป๋าวายร้ายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
  ”ตายละ!”
  โม่หลี่ชางนึกอะไรบางอย่างออกเขาตบหัวตนเองพร้อมอุทาน
  ”ท่านอาท่านเสียใจหรือ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินทำปากจู๋ พร้อมกับทำท่าเสียใจ
  ”เปล่าข้าลืมคิดถึงเจ้าลูกหมู”
  *****
  บนทางเดินไม่ไกลกันนักลูกหมูสีชมพูตัวน้อยกำลังร้องไห้ไม่รู้ว่ามันไปได้ผ้าเช็ดหน้ามาจากที่ใด ? มันเช็ดน้ำตาป้อย ๆ
  ในช่วงเวลาที่มันกำลังแสดงละครอยู่นั้นฝูงชนที่อยู่โดยรอบเริ่มกระจายตัวแล้ว จึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเจ้าหมูน้อยนัก
  หมูน้อยพยายามพัฒนาการแสดงของมันขึ้นทว่าครั้นมันเงยหน้าขึ้นก็พบว่าฝูงชนสลายตัวแล้ว บริเวณทางเดินยามนี้ว่างเปล่า
  มันกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
  เฮ้! แล้วผู้คนล่ะ ? ผู้คนหายไปที่ใดหมด ? นี่มันยังแสดงได้ไม่ดีพอใช่มั้ย ?
  นี่ๆ อย่าเพิ่งไปกันสิ !
  เออใช่…
  นายข้าล่ะ?
  ดวงตาของลูกหมูสีชมพูแลดูงงงันมันมองไปที่ทางเดินว่าง ๆ ข้างหลัง ยามนี้มันยืนอยู่เพียงลำพังใต้ต้นเมเปิ้ล มันไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากบอกตัวเองให้ยอมรับความจริงว่าถูกทอดทิ้ง
  *****
  ช่วงขณะเดียวกันนี้ครั้นนึกถึงหมูน้อยขึ้นมาได้ โม่หลี่ชางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากพลางเอ่ยว่า “เฉินเอ๋อ รอข้าที่นี่นะ อย่าเพิ่งไปที่ใด ข้าจะกลับไปหาเจ้าหมูน้อยก่อน”
  เวรกรรมจริงๆ เขาลืมสัตว์เลี้ยงของเขาได้ไง !
  หมูน้อยนั่นก็แสนจะขี้อายในสถานที่แปลก ๆ เช่นนี้มันจะต้องหวาดกลัวมากเป็นแน่ !
  ”ได้”
  ”ไป๋เสี่ยวเฉินรีบพยักหน้า”ท่านอา ไปเถอะไม่ต้องห่วงข้า
  ”เช่นนั้นข้าไปล่ะ”
  โม่หลี่ชางลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินก่อนจะหมุนตัวกลับวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับเหาะ
  ก่อนหน้านี้เสี่ยวมี่ก็ทิ้งเขาไป มาตอนนี้โม่หลี่ชางก็ยังไปหาหมูน้อยอีก ไป๋เสี่ยวเฉินเตะก้อนหินที่อยู่บนถนนเล่นอย่างเบื่อ ๆ
  ”เฉินเอ๋อใช่ไหมนี่?”
  จู่ๆ เสียงแห่งความปิติยินดี และตื่นเต้นก็ดังมาจากข้างหลัง
  ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปมองอย่างสงสัยทันใดนั้นเองเขาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเปี่ยมไปด้วยความสุข
  ”ท่านตาไป๋?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
  ครั้งก่อนไป๋จั่นเผิงเคยพบกับไป๋เสี่ยวเฉินตอนที่เขาไปรักษาตัวที่บ้านของไป๋หยานขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินเองก็มีความรู้สึกดีต่อท่านตาผู้หล่อเหลาคนนี้
  ทว่า…
  ไป๋เสี่ยวเฉินเพิ่งนึกถึงวีรกรรมที่เขาชำระบัญชีกับเย่หยิงขึ้นมาได้แล้วตอนนี้เขายังได้พบกับบิดาของเย่หยิงอีก เท้าของเขาเผลอก้าวถอยหลังอย่างละอาย
  ”ท่านตาไป๋ได้เวลาที่เฉินเอ๋อจะต้องกลับไปหาหม่ามี้แล้ว”
  ในหัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินไม่มีผู้ใดสามารถเทียบไป๋หยานได้เช่นนั้นหลังจากชำระบัญชีกับเย่หยิงแล้ว เขาจึงไม่นึกละอายแก่ใจ ทว่ายามนี้เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับไป๋จั่นเผิงเช่นไรดี ?
  ***จบบทนักแสดงเจ้าบทบาท (4)***

บทที่ 474 : การชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (1)
  ครั้นไป๋จั่นเผิงแลเห็นท่าทางของไป๋เสี่ยวเฉินที่ดูเหมือนจะต้องการผละหนีจากเขาหัวใจของไป๋จั่นเผิงพลันแตกสลายราวกับถูกคมมีดกรีดแทง
  “เสี่ยวเฉินเจ้าไม่ต้องการพบข้างั้นหรือ ?”
  “ไม่ไม่ใช่” ไป๋เสี่ยวเฉินรีบปฏิเสธ เมื่อเห็นสีหน้าโศกเศร้าของไป๋จั่นเผิง “เฉินเอ๋อยังชอบท่านตาไป๋เหมือนเดิม”
  ”เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงต้องรีบหนีจากไปทันทีที่เห็นข้าเล่า?”
  ”ข้า…” ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไปนาน ที่สุดก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้น “ไม่ต้องกังวล ท่านตา เฉินเอ๋อไม่ไปไหนแล้ว”
  นัยน์ตาของไป๋จั่นเผิงเปิดกว้างขึ้นเมื่อเขาคิดได้ว่าเด็กน้อยที่อยู่เบื้องหน้าเป็นหลานชายของเขา หัวใจของเขาก็เริ่มพลุ่งพล่าน นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองเด็กน้อย
  ยิ่งมองก็ยิ่งรักข้าอยากจะพาเขาเข้าสำนัก และจะไม่ปล่อยให้เขาไปไหนอีก
  “เฉินเอ๋อมารดาของเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ ?” ไป๋จั่นเผิงเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
  ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ “หม่ามี้กำลังเข้าร่วมงานชุมนุม ท่านตาไป๋อยากพบหม่ามี้ของข้าหรือ ?”
  ก่อนที่ไป๋หยานจะมาที่นี่ไป๋จั่นเผิงเองก็อยากจะพบไป๋หยานอยู่ก่อนแล้ว
  ครั้นได้ยินว่านางอยู่ในงานชุมนุมดูเหมือนว่ามือเท้าของเขาจะเริ่มเย็น ความคิดมากมายย้อนกลับมาอย่างช้า ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด
  หากเขารีบไปพบนางแล้วบอกนางว่า เขาเป็นลุงของนาง จะกลายเป็นว่าเขาทำให้นางตื่นกลัวหรือไม่ แล้วจะทำอย่างไรหากนางเห็นเขาเป็นคนอื่น ?
  ไม่มีทาง!
  เขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้มาทำลายสัมพันธภาพดีๆ ระหว่างเขากับนางได้ เขาต้องหาวิธีที่จะพิสูจน์ตัวตนของนางกับบิดาของเขา
  เพื่อหลีกเลี่ยงการติฉินนินทาของคนในสำนักเวชโอสถ
  ”เอ่อ…” ไป๋จั่นเผิงเปลี่ยนใจ เขามองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างประหม่า “เฉินเอ๋อ ตาขอถามเจ้าหน่อย หากมารดาของเจ้ามีตาอีกคน นางจะยอมรับเขาได้หรือไม่ ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตที่ไร้เดียงสาของเขา”ถ้าหากตาคนนั้นชอบเฉินเอ๋อ หม่ามี้ก็ต้องชอบเขา”
  ”…”
  ไป๋จั่นเผิงพูดอะไรไม่ออกเลย
  คำตอบนี้ตรงมาก
  ”เสี่ยวเฉินหากตาคนนี้ชอบเจ้า แล้วหม่ามี้ของเจ้าล่ะ … ”
  ”ก็ถ้าเขาชอบเฉินเอ๋อแม้ว่าหม่ามี้จะไม่ยอมรับเขา เฉินเอ๋อก็จะช่วยเอง หากพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นท่านตาของเฉินเอ๋อ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินกัดนิ้วตนเองพลางมองไปที่ไป๋จั่นเผิงอย่างสงสัย “ท่านตาไป๋ รู้หรือว่าตาทวดของเฉินเอ๋ออยู่ที่ไหน ? แล้วท่านยายล่ะ ? ใครจะช่วยตามหานางกัน ? … ”
  ”ตามีวิธี”ไป๋จั่นเผิงกระพริบตาเบา ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะยิ้มอย่างสดใส “หากเฉินเอ๋อสามารถหาสิ่งของจากมารดาของเจ้ามาให้ตาได้ ขอเพียงผมสักเส้นเดียวเท่านั้น ตาจะหาท่านตาทวดให้เจ้า … ”
  แม้ว่าไป๋จั่นเผิงจะสามารถรับไป๋หยานได้ทว่าไป๋ฉางเฟิ่งนั้นไม่เพียงแต่จะยอมรับนางได้ ทั้งยังจะมอบสำนักเวชโอสถให้นางอีกด้วย
  ด้วยเหตุนี้เขาจำต้องห้ามบิดาของเขาไว้ก่อน !
  ไม่ใช่แค่ยอมรับว่าเป็นญาติในสายเลือดเท่านั้นทว่าพวกเขาต้องหาวิธีพิสูจน์ให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  ”งั้นหรือ?”
  นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันสว่างไสวขึ้น”ท่านตาไป๋สามารถหาครอบครัวของหม่ามี้พบได้จริงหรือ ?”
  ”ข้าจะลองดูนอกจากนี้นี่เป็นความลับระหว่างเราสองคน อย่าบอกมารดาของเจ้าก่อนล่ะ”
  ไป๋จั่นเผิงลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินแววตาของเขาทอประกายอ่อนโยน
  ”ตกลง”ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง เขากัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันไปหาไป๋จั่นเผิง “ท่านตาไป๋ หากเฉินเอ๋อบอกว่า ลูกสาวของท่านถูกรังแก ท่านจะเกลียดคนที่รังแกนางมั้ย ?”
  ***จบบทการชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (1)***

บทที่ 475 : การชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (2)
  ลูกสาว?
  ไป๋จั่นเผิงตกตะลึงเขาไม่มีแม้แต่ภรรยา เช่นนั้นลูกสาวของเขาจะมาจากที่ใด ?
  แต่…
  หากเขามีลูกสาวสักคนที่เก่งพอๆ กับไป๋หยาน ก็ไม่ต่างจากมีสมบัติล้ำค่าในมือ เขาจะปล่อยให้นางถูกรังแกได้อย่างไร ?
  “เสี่ยวเฉินเหตุใดเจ้าจึงถามข้าเช่นนี้ ? ลูกสาวข้า ข้าจะปล่อยให้นางถูกรังแกได้อย่างไร ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินก้มหน้าลงพลางถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
  เขาชอบท่านตาไป๋มากหากแต่สักวันท่านตาไป๋จะต้องเกลียดเขาเป็นแน่
  ”มีอะไรหรือ?” ไป๋จั่นเผิงขมวดคิ้ว ขณะลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อย “เกิดอะไรขึ้น ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินกัดนิ้วมือของตนพลางเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของเขาสว่างไสวราวกับดวงดารา
  ”ท่านตาไป๋เฉินเอ๋อรักหม่ามี้มาก ไม่ว่าเฉินเอ๋อทำอะไรลงไป เฉินเอ๋อจะไม่เสียใจ และเฉินเอ๋อจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายหม่ามี้” ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดริมฝีปากขึ้น ท่าทางรั้น ๆ ของเขายิ่งดูยิ่งน่ารัก “ดังนั้น แม้ว่าเฉินเอ๋อจะชอบท่านตาไป๋ แต่ก็ไม่มีใครเทียบหม่ามี้ของเฉินเอ๋อได้”
  ”เสี่ยวเฉิน?” ไป๋จั่นเผิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัวเล็ก
  ”ท่านตาไป๋ขอบคุณที่ท่านตั้งใจจะช่วยตามหาญาติให้กับหม่ามี้ ตอนนี้ยังไม่สายนัก เฉินเอ๋อต้องไปหาหม่ามี้ก่อน ท่านตาไป๋ไว้เราค่อยพบกันใหม่”
  ครั้งนี้ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ให้โอกาสไป๋จั่นเผิงได้ทัดทานเขาโบกมือลา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงภาพร่างเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ไกลห่างออกไปเรื่อย ๆ
  ”เด็กน้อยคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องใด? ข้าไม่เข้าใจคำพูดเขาเลย” ไป๋จั่นเผิงเกาหัว พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นเองเขาก็ตบหน้าผากผาง “จบกัน ข้าลืมพาหลานชายตัวน้อยไปพบกับบิดาของข้า หากท่านพ่อรู้เรื่องนี้ เข้า เขาคงจะไม่ละเว้นข้าเป็นแน่ … ”
  สวรรค์รู้ดีว่าวันนี้ไป๋ฉางเฟิ่งเพิ่งพูดถึงไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน ตอนนี้เขาได้พบกับไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว แต่กลับไม่ได้พาไปพบไป๋ฉางเฟิ่ง
  หากบิดาของเขารู้เขาจะไม่ตายได้ไง ?
  ทันทีที่ไป๋จั่นเผิงกล่าวจบร่างของอาวุโสกู่พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา แววตาของอาวุโสกู่เต็มไปด้วยความเคารพ เขาไม่เคยนึกถึงสตรีที่เขาพบพร้อมกับนายน้อยในอาณาจักรหลิวฮั่วนั่นเลย
  ทั้งไม่คิดเลยว่านางจะเป็นบุตรสาวของคุณหนูใหญ่!
  “นายน้อยท่านต้องการให้ข้าพาแม่นางไป๋กับลูกมากระนั้นหรือ ?”
  ไป๋จั่นเผิงพึมพำ”งานชุมนุมหมอปรุงยากำลังจะเริ่มขึ้นแล้วใช่หรือไม่ ?”
  ”ขอรับ”
  ”หยานเอ๋อมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยายามนี้ข้าไม่อาจรบกวนนาง ทว่าข้าก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก”
  ปากของชายชราบิดเบี้ยว
  ท่านไม่รีบนั่นเป็นเพราะท่านเคยพบแม่นางไป๋กับลูกแล้ว ทว่าเจ้าสำนักสิกำลังเจียนคลั่งแล้ว
  ”นายน้อยแล้ว… ”
  ”เมื่อข้าได้หลักฐานว่าหยานเอ๋อเป็นหลานสาวของข้าข้าจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่านางคือคนของสำนักเวชโอสถของเรา ทั้งนางจะเป็นสตรีที่มีเกียรติสูงที่สุดในโลก !”
  ไป๋จั่นเผิงเลิกคิ้วใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาปรากฏรอยยิ้ม
  เขาต้องการทำให้คนทั้งโลกไม่กล้าดูถูกไม่กล้าเยาะเย้ยนางอีกต่อไป !
  นอกจากนี้เขายังต้องการให้ผู้ที่ทอดทิ้งนางต้องเสียใจไปตลอดชีวิต !
  “นายน้อย”ชายชรากล่าวอย่างสงบ “เมื่อครู่ ข้าได้ยินผู้คนกล่าวขานกันว่า เย่หยิงไปแย่งชิงสามีของผู้อื่น ไม่เพียงเท่านั้น นางยังไม่ยอมละเว้นบุตรชายของคนผู้นั้นอีกด้วย ! หากมิใช่เป็นเพราะความฉลาดเฉลียวของเด็กน้อยที่วิ่งไปหาเย่หยิง เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้วล่ะก็ ข้าเกรงว่า เราคงไม่รู้ว่านางกระทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้น”
  เด็กน้อยฉลาดเฉลียว?
  ไป๋จั่นเผิงตกตะลึงทันใดนั้นเองเขาก็หวนนึกถึงสิ่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินเพิ่งพูด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เด็กน้อยที่เจ้าพูดถึงอายุประมาณเท่าไหร่ ?”
  ***จบบทการชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (2)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท