บทที่ 398 เส้นเลือดในสมองแตก
นายท่านไป๋กระอักเลือด เขาล้มลงไปนอนกับพื้น ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างถอยหนีด้วยความตกใจ ไป๋มู่หยางแทบไม่ได้มองเขาเลยด้วยซ้ำ เขามองแต่การพิจารณาคดีตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
ในไม่ช้าการพิจารณาคดีก็จบลง เจิ้งจู่เหวินและติงเสี่ยวเหลียนถูกตัดสินโทษประหารชีวิต หลังจากรู้ผลลัพธ์แล้วไป๋มู่หยางถึงได้เหลือบมองบิดาที่กำลังทรุดลงกับพื้น ดวงตาของเขาเหลือกขาว ไม่รู้ว่าเขายังอยู่หรือตายไปแล้ว ไป๋มู่หยางให้บ่าวรับใช้พาเขากลับจวน
หากเขาตายไปแบบนี้ดูจะง่ายสบายเกินไปสักหน่อย ไป๋มู่หยางอยากให้เขามีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้
หลังจากที่กลับไปยังจวนสกุลไป๋ ไป๋มู่หยางก็ขอให้หมอมาดูอาการของบิดาเขา นายท่านไป๋โกรธมากทำให้เส้นเลือดในสมองเแตก จนร่างกายเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก เขาพูดไม่ชัด แต่สมองยังคงแจ่มใสดี
ไป๋มู่หยางพอใจในผลลัพธ์นี้มาก
“ติง…ติง…เสี่ยว”
“พรุ่งนี้ติงเสี่ยวเหลียนจะโดนประหารชีวิต ท่านอยากไปดูไหม?” ไป๋มู่หยางถาม
“ไม่…ไม่…” เขาไม่อยากเห็นหญิงชั่วคนนั้นอีก
“ซวี่หยาง…” นายท่านไป๋พูดไม่ชัดนัก แต่พอจะเดาออก
บุตรชายของเขา เขาเลี้ยงดูมาหลายปีแล้ว เขาไม่อาจลืมไป๋ซวี่หยางได้
“ซวี่หยาง? ข้าไม่รู้ว่าเขาไปไหน?” ไป๋มู่หยางพูด ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่พบไป๋ซวี่หยางอีกเลย
“มู่หยาง” นายท่านไป๋ยกมือขึ้นพยายามที่จะคว้าไป๋มู่หยางไว้
ไป๋มู่หยางเป็นบุตรชายแท้ๆ ของเขา แต่ชายหนุ่มกลับเลี่ยงมือเขา มองอย่างเฉยเมยเฉย เพิ่งคิดเสียใจหรือ? สายไปแล้ว ไป๋มู่หยางหันหลังเดินจากไป เรี่ยวแรงของนายท่านไป๋หมดลง มือเขาร่วงตกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
…..
จวนโหวในตอนเย็น
ถังหลี่ยืนอยู่หน้าจวนโหว ไม่นานนักก็มีม้าควบมาหยุดที่ข้างหน้า ชายหนุ่มสูงหล่อเหลากระโดดลงจากม้า คนผู้นั้นคือเว่ยฉิง เขาส่งบังเหียนให้บ่าวรับใช้ แล้วจูงมือเล็กๆ ของภรราเดินเข้าจวนไปพร้อมกัน
เว่ยฉิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังทุกอย่าง
“เจิ้งจู่เหวินและติงเสี่ยวเหลียนก็ได้รับโทษที่พวกเขาสมควรได้รับแล้ว”
นี่คือตอนจบอย่างที่ควรจะเป็น ความชั่วร้ายถูกตอบแทนด้วยความชั่ว ความดีย่อมถูกตอบแทนด้วยความดี ไม่เหมือนนวนิยายต้นฉบับที่คนดีตายอย่างอนาถส่วนคนเลวอยู่อย่างมีความสุข
“ท่านฉลาดที่ให้เขาพาติงเสี่ยวเหลียนออกไป”
“เจิ้งจู่เหวินทำงานในกรมอาญามาหลายปี เขาคิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง เขามั่นใจมากเกินไป” เจิ้งจู่เหวินมีความมั่นใจ เขาคิดว่าตัวเองสับเปลี่ยนคนกับนางติงได้โดยไม่มีใครรู้ แต่ความเป็นจริงแล้วทุกอย่างอยู่ในสายตาของเว่ยฉิง
เมื่อเจิ้งจู่เหวินลดความระมัดระวังและแอบไปหานางติง ในตอนนั้นเองเว่ยฉิงก็นำข่าวนี้ไปบอกกับนางเถาภรรยาของเจิ้งจู่เหวิน เพื่อให้นางไปดักจับชู้คาหนังคาเขา หากปราศจากการหนุนหลังจากนางเถาและองค์หญิงใหญ่ เจิ้งจู่เหวินจะพังทลายในไม่ช้า ทุกอย่างอยู่ในการคำนวนของเว่ยฉิงตั้งแต่แรก
“ไม่ว่าอย่างไรสามีข้าก็เก่งที่สุด” ถังหลี่กล่าวชมเขา
เว่ยฉิงรู้สึกดีใจที่ภรรยาชมเขา ถ้าตอนนี้เว่ยฉิงมีหาง หางของเขาคงจะตั้งขึ้นฟ้าเลยที่เดียว ทั้งสองเดินจูงมือกันเข้าห้องนอน เว่ยฉิงล้างมือ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะไปทานมื้อเย็นด้วยกัน
นายท่านอู่และฮูหยินอู่ชอบความคึกคักที่จวนโหวจึงกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยมีนายท่านอู่ ฮูหยินอู่ อาหยู หลิวหลาน ถังหลี่ เว่ยฉิง และเด็กๆ ทั้งสี่คน จนเต็มโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
ซานเป่าเป็นที่รักใคร่ นางนั่งอยู่ระหว่างปู่กับย่า เด็กน้อยน่ารักแสนฉลาด นางคีบอาหารให้ปู่ของตัวเอง จากนั้นก็คีบให้กับฮูหยินอู่ ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนมีความสุขมาก อาหยูมองไปที่ซานเป่าด้วยสายตาอ่อนโยน
“น่ารักใช่ไหม เจ้าก็มีบ้างสิ” ฮูหยินอู่พูดด้วยรอยยิ้ม
อาหยูไม่ใช่เด็กแล้ว แม้ว่าตอนนี้ฮูหยินอู่จะมีหลานถึงสี่คน แต่นางก็หวังว่าอาหยูจะสร้างครอบครัวได้ในเร็ววัน นางได้เจอกับบุตรชายที่หายไป นางอยากเห็นเขาแต่งงานมีภรรยาและมีความสุข
“ท่านแม่ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน” อาหยูพูดด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เขายังเรียนอยู่ หลังจากถูกขังมาเป็นเวลากว่าสิบปีเพื่อทดลองยาทำให้ความรู้ของเขาว่างเปล่ามาก ถึงแม้บิดาจะหางานให้เขาได้อย่างสบาย แต่อาหยูไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ อายุเขามากขึ้นทุกวัน ดังนั้นเขาจะต้องพัฒนาตัวเองให้สมบูรณ์ส่วนเรื่องภรรยา…ไว้คราวหน้าแล้วกัน
หลิวหลานฟังพวกเขาคุยกันอย่างหูผึ่ง นางรู้สึกโล่งใจที่อาหยูยังไม่อยากแต่งงาน หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับเรือน
ถังหลี่และเว่ยฉิงเข้าห้องนอน ทั้งคู่ต่างเหนื่อยล้าพวกเขากระซิบคุยกันก่อนจะหลับไป
“สามี พรุ่งนี้วันหยุดเราไปหาพี่ใหญ่ดีไหม?” ถังหลี่กล่าว เว่ยฉิงพยักหน้ารับทันที
….
วันถัดไป
ถังหลี่และเว่ยฉิงไปที่จวนไป๋ เมื่อลุงฝูเห็นถังหลี่ก็รีบไปทักทายอย่างอารมณ์ดี คราวนี้นายน้อยของเขาได้รับการปกป้องจากคุณหนู เขาเป็นห่วงนายน้อยแต่ไม่สามารถทำอะไรให้นายน้อยได้
“คุณหนู…” ถังหลี่รู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร นางรีบขัดจังหวะขึ้นทันที
“ลุงฝูอย่าขอบคุณเลย เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลอย่างไรก็ครอบครัวเดียวกัน” ถังหลี่เอ่ย นางทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องคนในครอบครัว
นางเป็นคนไม่คิดมาก
ก่อนหน้าที่จะเข้ามาในนวนิยายเล่มนี้ ปลาหลี่ที่เป็นบริวารตัวน้อยของนางช่างซุกซนยิ่งนัก ถังหลี่จึงเข้มงวดกับเด็กๆมาก แต่ถึงแม้นางจะดุและเข้มงวด หากเด็กๆ ถูกรังแกขึ้นมา นางจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นปกป้อง ปลาหลี่น้อยพวกนี้เป็นคนของนางมีแต่นางเท่านั้นที่ดุได้!
ไม่นานนักไป๋มู่หยางก็เดินออกมา
วันนี้ชายหนุ่มอารมณ์ดีทำให้เขาดูเป็นบุรุษที่หล่อเหลาอ่อนโยน ไป๋มู่หยางวางแผนจะไปไหว้มารดาของเขาในวันนี้ ทำให้เว่ยฉิงและถังหลี่ติดสอยไปด้วย ทั้งสามไปถึงสุสานของนางกัว ในอดีตมู่หยางยังโกรธมารดาอยู่จึงมีแค่ลุงฝูที่มากราบไหว้นาง เขาไม่เคยมาที่นี่เลย นี่เป็นครั้งแรกของไป๋มู่หยาง เขาดึงวัชพืชออกจากหลุมศพแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดฝุ่นบนป้าย
“ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าเป็นบุตรอกตัญญู ไม่ได้มาหาท่านเสียหลายปี”
“ข้าเพิ่งรู้ว่า แท้จริงแล้วท่านไม่ได้ทอดทิ้งข้า แต่ถูกนางติงฆ่าตาย ตอนนี้นางถูกลงโทษ ความจริงได้เปิดเผยหมดแล้ว ท่านพักผ่อนอย่างสงบเถอะ”
“ข้ารู้ว่าท่านแม่อยากให้ตระกูลกัวดีขึ้น ไม่ต้องกังวลข้าจะจัดการทรัพย์สินที่ท่านทิ้งไว้ให้อย่างดี”
เขารู้ว่า คนที่มารดาของเขาไม่สามารถปล่อยไปได้คือเขาและสกุลกัว ในช่วงเวลาหลายปีมานี้สกุลกัวถูกสกุลไป๋ยึดครองอย่างสมบูรณ์ ลูกหลานคนในสกุลกัวเดือดร้อนย่ำแย่ไปตามๆ กัน เขาจะรวมทั้งสองตระกูลเข้าด้วยกันอีกครั้งและจัดการให้ดี ให้กลายเป็นกิจการที่ร่ำรวยที่สุดในต้าโจว!
ไป๋มู่หยางเช็ดป้ายหลุมศพจนสะอาด
“ตอนนี้ข้าอยู่ดีมีสุขแล้ว ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ข้ายังมีครอบครัวอีกด้วย วันนี้ข้าพาน้องสาวและน้องเขยมากราบไหว้ท่านแม่ด้วยกัน”
เขาหลับตาลงราวกับว่าแผ่นหินนั้นคืออ้อมแขนของมารดาที่เขาเคยพักพิงในตอนเป็นเด็ก มันอบอุ่นมากจนทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ถังหลี่พิงอ้อมแขนของสามีที่กอดนางไว้แน่น
เมื่อมองใบหน้าอารมณ์ดีของไป๋มู่หยาง ถังหลี่ก็ยิ้ม พี่ชายของนางเป็นคนดีที่เขาควรมีแต่ความสุขและมีเป้าหมายในการใช้ชีวิต
ถังหลี่และเว่ยฉิงเคารพสุสานของนางกัว หลังจากที่ไหว้เสร็จแล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับ
เมื่อกลับไปถึงจวน ก็พบว่าซานเป่ากำลังทะเลาะกับท่านอู่โหวอยู่ สาเหตุเป็นเพราะซานเป่าชอบศิลปะการต่อสู้มาก ดังนั้นอู่โหวเยว่จึงทำทุกอย่างเพื่อเฟ้นหาอาจารย์ที่ดีที่สุดให้กับนาง แต่กลับถูกซานเป่าตะเพิดไล่ไป