บทที่ 409 จุดเริ่มต้นของเว่ยฉิงและตู้เย่
ในนวนิยายต้นฉบับเว่ยฉิงเป็นตัวร้ายของเรื่อง เขาคือผู้สำเร็จราชการแผ่นดินที่มีความทะเยอทะยาน มีอำนาจและกองทัพนับแสนอยู่ในมือ ส่วนตู้เย่นั้นภักดีต่อพระเอกของเรื่องอย่างจ้าวชู เขาคือแม่ทัพอันดับหนึ่งภายใต้สังกัดของจ้าวชู เขาเป็นคนกล้าหาญมาก ทั้งสองยืนอยู่คนละฟากฝั่งของอำนาจ หลายครั้งที่ผลการรบออกมาสูสีและยากที่จะตัดสินได้ว่าใครจะเป็นผู้แพ้ผู้ชนะ
เว่ยฉิงบุกโจมตีไปถึงเมืองหลวงเอาชนะตู้เย่ได้หลายครั้งติดต่อกัน ทว่าศึกภายในเมืองหลวงนั้นเขากลับพ่ายแพ้ให้แก่ตู้เย่ โดยถูกจ้าวชูจับได้ ถังหลี่จำฉากนี้ได้ดี หลังจากที่เว่ยฉิงถูกจับ ตู้เย่ไปเยี่ยมเข้าในห้องขังและดื่มสุราจอกสุดท้ายกับเขา
ทั้งคู่นั้นต่างแข็งแกร่ง เก่งกาจและนับถือซึ่งกันและกัน หากไม่ได้อยู่คนละฝั่งเขาอาจจะกลายเป็นสหายกันก็เป็นได้
โชคดีที่ตอนนี้ตู้เย่ไม่ได้ภักดีต่อจ้าวชู พวกเขาอาจจะกลายเป็นมิตรสหายกันก็เป็นได้
“สามี นี่คือตู้เย่อาจารย์ของซานเป่า” ถังหลี่มองไปทางตู้เย่
“คนผู้นี้คือสามีของข้า บิดาของซานเป่า แซ่อู่”
ตอนนี้เว่ยฉิงอยู่ในเมืองหลวงด้วยตัวตนของอู่อวี้ ชายหนุ่มมองไปที่ตู้เย่และสังเกตลมหายใจของเขา รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นทรงพลังมากจนไม่สามารถหยั่งรู้ฝีมือที่แท้จริงได้ เว่ยฉิงจึงระแวงอีกฝ่ายทันทีตามสัญชาตญาณ ตอนนี้ฮูหยินของเขาบอกว่าชายคนนี้คืออาจารย์ของซานเป่า ซึ่งหมายความว่านางย่อมรู้จักชายคนนี้ ทำให้เว่ยฉิงคลายความระแวงลงและคลี่ยิ้ม
“พี่ตู้”
ตู้เย่… เขารู้จักคนชื่อนี้ เมื่อหกปีก่อน ภรรยาของเขาเอ่ยชื่อนี้ให้เขาฟัง นางช่วยชีวิตเขาไว้ ฮูหยินของเขากล่าวว่าแม้ตู้เย่จะเป็นนักฆ่าแต่พื้นเพของเขาไม่ได้เลวร้าย เขาไม่ใช่คนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า หกปีต่อมาเว่ยฉิงมีองค์รักษ์เงาซุกซ่อนอยู่มากมาย และข่าวของการล่มสลายของซวนอิ่งก็มาถึงหูเว่ยฉิง
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ เสวี่ยนเซิงตู้เย่ นักฆ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ของซวนอิ่งจะกลายมาเป็นอาจารย์ของซานเป่า เรื่องนี้ช่างลึกลับจนไม่น่าเชื่อ แต่ตราบใดที่มีภรรยาของเขาไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เรื่องนี้อาจมีเหตุและผลของมัน ภรรยาของเขาคือปลาหลี่นำโชคลาภมาสู่ผู้คน
นับเป็นโชคดีของตู้เย่ที่ได้พบกับภรรยาของเขา และเป็นพรของซานเป่าที่จะได้มีอาจารย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ตู้เย่พยักหน้าให้เว่ยฉิง
“น้องอู่”
ถังหลี่และตู้เย่เข้าไปที่ห้องทำงานก่อนจะพูดคุยเรื่องราวทั้งหมด
“สามี ซวนอิ่งถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้เสวี่ยนเซิงตู้เย่ไม่มีอีกต่อไป ตอนนี้เขาคืออาจารย์ของซานเป่าเท่านั้น” ถังหลี่กล่าว
ไม่มีใครรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของเสวี่ยนเซิงตู้เย่ รู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น แต่แผ่นดินนี้ช่างกว้างใหญ่คนที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกันย่อมมีอยู่ถมไป เว่ยฉิงพยักหน้าให้ ภรรยาของเขาพูดถูกทุกอย่าง เขาสามารถเชื่อนางได้เพราะเครือข่ายข่าวกรองที่นางมี
“ซานเป่าซนมาก ลำบากพี่ตู้แล้ว”
“นางซนขนาดนั้นหรือ” ตู้เย่ยิ้ม เขาจะควบคุมเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้จริงหรือ?
เขาตั้งใจจะฝึกฝนเด็กหญิงคนนี้ให้เป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ นี่คือเป้าหมายของเขา เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วจึงมีหมอคนหนึ่งเข้ามา ก่อนหน้านี้ถังหลี่สั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามหมอมา เพื่อรักษาตู้เย่ แต่มือของเขาหักนานเกินไปหมอไม่สามารถหาทางรักษาได้ เขาแค่จ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดเท่านั้น
หลังจากที่หมอออกไป ถังหลี่และเว่ยฉิงต่างขมวดคิ้วมองไปที่ตู้เย่
“เสียหายเพียงข้างเดียว ข้ายังมีมืออีกข้าง” ตู้เย่ไม่สนใจมากนัก ในการต่อสู้ครั้งนั้นมีคนเสียชีวิตมากมาย
“หากหมอซูกลับมา จะต้องมีวิธีรักษาแน่นอน” ถังหลี่กล่าว
“ข้าจะตามหมอคนอื่นมารักษาท่านไปก่อน อย่างน้อยก็รอเวลาก่อนที่หมอซูจะกลับมา” เว่ยฉิงเสริม
ตู้เย่รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงใยของทั้งสองคน รอยยิ้มที่ไม่แยแสของเขาก่อนหน้านี้จึงหายไป เมื่อก่อนนี้ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน เขาก็ไม่รู้สึกอะไรแม้ว่าดาบจะปักเข้าที่หน้าอกของเขา
ตอนนี้เมื่อมีคนห่วงใยและทำท่าราวกับว่า การที่มือเขาหักไปข้างหนึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากนัก ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ มีความอบอุ่นบางอย่างพาดผ่านหัวใจของเขา
“เอาล่ะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไปกินข้าวก่อน” ถังหลี่กล่าว
ในมื้อนี้มีคนเพิ่มบนโต๊ะอาหารอีกหนึ่งคน ซานเป่านั่งข้างตู้เย่ นายท่านอู่นั่งอีกข้างหนึ่งของซานเป่า สมองที่ชาญฉลาดของซานเป่าเริ่มทำงานทันที เมื่ออาหารวางบนโต๊ะนางรีบคีบใส่ในชามของท่านปู่ ทำให้เขามีความสุขมาก
ในตอนกลางคืนตู้เย่นอนลงบนเตียง เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังฝันไป เขาไม่ใช่คนเร่ร่อนอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะมีบ้านและชีวิตที่ดีขึ้นจริงๆ
เขาหลับตาลง ที่มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ ประดับอยู่
ในอีกห้องหนึ่ง ถังหลี่และเว่ยฉิงนอนไม่หลับ หลังจากมื้อเย็นจบลงพวกเขาได้รับจดหมายจากหมอซู ที่มาพร้อมกับจดหมายของเซียวซานหลาง
ทั้งสองคนอ่านจดหมายของหมอซูก่อนเพราะสิ่งที่อยู่ในจดหมายเป็นเรื่องที่พวกเขากังวลมากที่สุด นั่นคือสุขภาพของเซียวซานหลาง หมอซูกล่าวในจดหมายว่าสุขภาพของท่านลุงดีขึ้นมาก อีกครึ่งปีเท่านั้นร่างกายคงจะกลับมาเป็นปกติ
ตอนนี้หมอซูกำลังหาวิธีรักษาขาของเซียวซานหลางอยู่ โดยหวังว่าจะรักษาได้ ถึงจะมีปัญหามากแต่หมอซูยังไม่ลดความมุ่งมั่น แม้ตอนนี้อาจจะยังทำไม่สำเร็จ แต่เมื่อทั้งคู่ได้อ่านจดหมายก็รู้สึกดีใจมาก
“เยี่ยม ท่านลุงจะหายป่วยแล้ว” เว่ยฉิงกล่าว
นี่คือสิ่งที่เว่ยฉิงใส่ใจมากที่สุด เขาหวังว่าท่านลุงสามของเขาจะหายและอยู่เห็นเขากอบกู้ตระกูลเซียวขึ้นมาได้อีกครั้ง ถังหลี่เองก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน
“ครั้งต่อไปที่ได้เจอกัน ข้าอาจจะเห็นท่านลุงยืนขึ้นก็ได้” เมื่อจินตนาการถึงภาพเหล่านั้น ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เซียวซานหลางเคยเป็นถึงแม่ทัพที่ดุร้ายในสนามรบ แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่คนพิการที่นั่งอยู่ในรถเข็นเท่านั้น
หากขาของเขาดีขึ้นคงจะดีมาก
เว่ยฉิงอุ้มถังหลี่ขึ้นนั่งที่ตักและจูบนางอย่างเสน่หา
“ข้าขอบคุณเจ้ามาก” เรื่องดีๆ เกิดขึ้นเพราะภรรยาของเขา
เว่ยฉิงได้แต่ถอนหายใจว่าเป็นพรที่เขาทำมาหลายชั่วอายุคนจึงได้ทำให้เขามาพบเจอนาง
ทั้งสองคนอ่านจดหมายจากเซียวซานหลางด้วยกัน
“ตัวหนังสือของท่านลุงดูมีพลังมากกว่าเดือนที่แล้ว” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงของท่านลุงสามสังเกตได้จากลายมือของเขา
จดหมายจากเซียวซานหลางไม่ได้มีอะไรมากกว่าแสดงความห่วงใยที่มีต่อพวกเขา
เว่ยฉิงอ่านจดหมายถึงสองสามครั้ง
“ท่านลุงยังไม่เคยเห็นเด็กๆ เลย”
สักวันหนึ่งหลังจากเรื่องราวทั้งหลายได้คลี่คลายลง ตระกูลเซียวได้รับการกอบกู้เป็นเช่นเดิม เว่ยฉิงจะไม่ต้องอาศัยตัวตนของคนอื่นอีกต่อไป พวกเขาจะได้อยู่ด้วยเหมือนครอบครัวอย่างเปิดเผย นั่นคงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก
เว่ยฉิงมองภรรยา เขารู้ว่านางคิดอะไร
“จะต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน”
ถังหลี่เอียงศีรษะลงซบที่อ้อมอกของสามี
“ใช่…ต้องมีวันนั้น”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีนั้น ยากแก่การที่จะสืบสวนในเร็ววัน เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายปีผ่านมาแล้ว หากเป็นตระกูลหวังจริงๆ จ้าวชูก็นับเป็นคู่ต่อสู้ที่มีพลังในการยึดครองบัลลังก์มากที่สุด ทั้งเขายังเป็นพระเอกของนิยายเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเขา
หากมีผู้อื่น…
หนทางข้างหน้าลำบากและเต็มไปด้วยอันตราย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เมฆหมอกจะจางหายไป
เว่ยฉิงยังเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของภรรยาเขา เขาคิดจะทำให้นางมีความสุข
“ภรรยา เรานอนกันเถอะ” ถังหลี่พยักหน้า
เว่ยฉิงกอดนางไว้ในวงแขน เผาจดหมายทั้งสองฉบับทิ้ง เป่าเทียนให้ดับจากนั้นจึงได้ควานหาริมฝีปากของถังหลี่ท่ามกลางความมืดยามราตรี