บทที่ 425 การเผชิญหน้าของเซี่ยฟางเฟยและตันเหนียง
กู้หวนเนี่ยนยืนอยู่ที่ประตูและฟังเสียงตะโกนของเซี่ยฟางเฟยด้วยใบหน้าเรียบเฉย เมื่อเซี่ยฟางเฟยเข้าไปในรถม้า เสียงตะโกนจึงได้หายไป
“ใต้เท้ากู้…” เสียงเล็กๆ ดังขึ้น
กู้หวนเนี่ยนมองไปที่หญิงสาวข้างกาย นางสูงเพียงไหล่ของเขาเท่านั้น ใบหน้าของฝางเหมี่ยวหน้าแดงก่ำ
“ใต้เท้ากู้อย่าไปสนใจคำพูดของนางเลย ท่านตัดสินคดีนี้อย่างยุติธรรมและโปร่งใสแล้ว นางสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล” ฝางเหมี่ยวพูด
เซี่ยฟางเฟยถูกจับและสอบสวนโดยศาลต้าหลี่ทำให้ชื่อเสียงของนางโดนทำลาย ไม่ช้าเรื่องนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ถึงนางจะไม่โดนลงโทษตามกฎหมาย หากก็ใช่ว่านางจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นางกระตุ้นความหึงหวงของฆาตกร ไม่เช่นนั้นเขาจะอยากลงมือฆ่าเพื่อนของเขาได้อย่างไร นางกระทำเรื่องนี้ลงไปอย่างไม่คำนึงชื่อเสียงของตน จึงสมควรได้รับความอัปยศอดสูแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังเอ่ยวาจาลบหลู่ใต้เท้ากู้ เขาเป็นคนเข้มงวดจริงจัง คนเช่นนี้จะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายหรือ? ตอนที่นางได้ยินเซี่ยฟางเฟยตะโกนออกมา นางแทบอยากเอาผ้าไปยัดปากนางเสียจริงๆ
“อืม…” กู้กวนเนี่ยนรับคำ
“ใต้เท้ากู้ นี่ของท่านเจ้าค่ะ” ฝางเหมี่ยวส่งผ้าเช็ดหน้าในมือให้กับกู้หวนเนี่ยน เป็นผ้าเช็ดหน้าที่ส่งให้นางเช็ดมือในวันนั้น นางซักสะอาดดีแล้วจึงได้นำกลับมาคืนให้เขา กู้หวนเนี่ยนจ้องไปที่ผ้าเช็ดหน้า เขาเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่หยิบมันขึ้นมา
“โยนมันทิ้งไป”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินหันหลังจากไป ฝางเหมี่ยวยืนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนางได้สติจึงคิดออกว่า ใต้เท้ากู้เป็นคนสะอาด เขาไม่อยากได้ของที่นางใช้แล้วกลับคืน เขาทำเช่นนี้กับทุกคน ไม่ใช่แต่เฉพาะกับนาง ความรู้สึกน้อยใจถูกเก็บเอาไว้ นางกำลังคาดหวังอะไรอยู่
ฝางเหมี่ยวตบหน้าตัวเองยิ้มออกมาอย่างฝาดเฝื่อน
….
จวนสกุลเซี่ย
เมื่อเซี่ยฟางเฟยลงจากรถม้า นางเห็นนายท่านเซี่ยกำลังยืนอยู่ที่ประตู อารมณ์ที่คุกรุ่นของนางทำให้นางไม่ทันสังเกตุเห็นระลอกคลื่นของความสับสนในดวงตาของเซี่ยหรงอัน หญิงสาวรีบเข้าไปกอดบิดาไว้แน่น
“ท่านพ่อ เหตุใดไม่ไปรับข้าที่ศาลต้าหลี่” เซี่ยฟางเฟยต่อว่านายท่านเซี่ยทันที
“เหตุใดท่านจึงไม่ไปช่วยข้าก่อนหน้านี้ ในคุกของศาลต้าหลี่ทั้งมืดทั้งน่ากลัว กู้หวนเนี่ยนเอาแต่บังคับให้ข้าสารภาพ ไม่ยอมให้ข้าพักผ่อน เขาเค้นแต่ถามคำถามจากข้า”
ระหว่างที่พูดเซี่ยฟางเฟยก็ร้องไห้ไปด้วย
นายท่านเซี่ยยื่นมือไปลูบหลังของนางเบาๆ
“อย่ากลัวเลย หากเขารู้ว่าเจ้าบริสุทธิ์” เซี่ยหรงอันปลอบใจนาง เซี่ยฟางเฟยรีบผละออกจากเขาด้วยความโกรธ
“ท่านพ่อ ท่านต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทถวายฎีกาให้ปลดใต้เท้ากู้หวนเนี่ยน ข้าถึงจะยกโทษให้ท่าน” ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยเต็มไปด้วยโทสะ
“เจ้าไม่สามารถโทษใต้เท้ากู้ได้…”
“ท่านพ่อ ท่านแค่ตอบว่าจะช่วยหรือข้าไม่? ถ้าท่านไม่ทำตามที่ข้าขอร้อง ข้าจะไม่สนใจท่านอีกต่อไป!”
“เข้ามาคุยกันข้างในก่อนเถอะ”
น้ำเสียงของเซี่ยหรงอันดูแตกต่างออกไปจากก่อนหน้า แต่ด้วยความโมโหทำให้เซี่ยฟางเฟยไม่ทันได้สังเกต หากไม่ได้ทำลายกู้หวนเนี่ยนให้พังพินาศไป ความทุกข์ยากที่นางได้มาสองวันเต็มๆ ใครจะรับผิดชอบ
“ข้าง่วงมาก ข้าอยากอาบน้ำก่อน” นางพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทันที ความโกรธของเซี่ยฟางเฟยที่มีต่อศาลต้าหลี่จึงได้ถูกระบายที่สาวใช้ในระหว่างที่นางอาบน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จสาวใช้รีบเอ่ยออกก่อนที่นางจะได้ล้มตัวลงนอน
“คุณหนู นายท่านสั่งให้คุณหนูไปพบหลังอาบน้ำเสร็จเจ้าค่ะ”
“มีอะไรอีก? ข้าเหนื่อยมาก”
“นายท่านไม่ได้บอกเจ้าค่ะ”
เซี่ยฟางเฟยไปหาบิดาอย่างไม่เต็มใจ นางเดินไปหาบิดาที่นั่งอยู่ในห้องอย่างเย่อหยิ่ง พูดห้วนๆ ใส่เขา
“ท่านพ่อมีอะไรรีบคุยเถอะข้าง่วงมาก”
“ฟางเฟย เจ้าจำได้ไหมว่าในตอนเด็กมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง” นายท่านเซี่ยถาม
“ตอนเด็กเกิดอะไรขึ้นหรือ? ท่านพ่อ…หลังจากที่ข้าตกน้ำในครั้งนั้นข้าก็ลืมทุกอย่างไปแล้ว” เซี่ยฟางเฟยกล่าว
“สร้อยข้อมือของลูกอยู่ไหนหรือ?” นายท่านเซี่ยกล่าวต่อไป
“สร้อยข้อมือ?” เซี่ยฟางเฟยนึกออกทันที
“โอ้ สร้อยข้อมือน่าเกลียดนั่น ข้าโยนมันทิ้งไปแล้ว มันไม่เหมาะกับข้า”
เซี่ยฟางเฟยพูดพลางเขย่าข้อมือไปมา นางสวมสร้อยข้อมือที่เปล่งประกาย สวยงามกว่าสร้อยข้อมือที่บิดาเอ่ยถึงมากนัก
รสนิยมของเจ้าของร่างเดิมช่างไม่เอาไหน!
ดูสิ! นางสายตาดีมากกว่าหลายเท่านัก
นายท่านเซี่ยมีสีหน้าแย่ลง
“แต่สร้อยเส้นนั้นมารดาของเจ้าให้ไว้..”
“โอ…ท่านแม่หรือ? สายตาในการมองความงามของท่านไม่สู้ดีนัก”
เซี่ยฟางเฟยพูดอย่างเฉยเมยไม่ใส่ใจ และไม่รู้สึกผิดที่นางได้ทำหายไป
เซี่ยหรงอันขมวดคิ้ว สร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นของมารดานางทิ้งไว้ให้ เซี่ยฟางเฟยเป็นบุตรสาวที่มีความรักต่อมารดาอย่างลึกซึ้ง ต่อให้นางสูญเสียความทรงจำไปก็ไม่ควรดูหมิ่นมารดาเช่นนี้!
ยามที่ถังหลี่และตันเหนียงได้เข้ามาหาเขา บอกสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้กับเซี่ยหรงอัน เขาแทบไม่เชื่อเรื่องราวที่นางเล่าให้เขาฟัง ช่างเหลวไหลและเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องนี้ได้เพาะเมล็ดพันธุ์ความสงสัยเคลือบแคลงไว้ในหัวใจของเขา ทำให้หัวใจเริ่มสั่นคลอน รวมไปถึงท่าทางของเซี่ยฟางเฟยยิ่งทำให้เขาเชื่อมั่นมากขึ้น
“ให้พวกนางเข้ามา” เซี่ยหรงอันพูด ไม่นานนักประตูห้องเปิดออกมีคนสามคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
นางเซี่ย!
ดวงตาของเซี่ยฟางเฟยเบิกกว้าง..
ถังหลี่!
และอีกคนที่สวมผ้าคลุมหน้า เห็นปานน่าเกลียดบนหน้าผากที่ไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้ เซี่ยฟางเฟยจำได้ทันทีว่านางคือใคร หญิงอัปลักษณ์ผู้นั้น!
“ท่านพ่อเรียกพวกนางเข้ามาทำไม?” เซี่ยหรงอันไม่ได้ตอบคำถามนาง หากตันเหนียงกลับจ้องไปที่ฟางเฟยทันที
“สร้อยข้อมืออยู่ไหน?”
“หญิงอัปลักษณ์เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับข้า!” เซี่ยฟางเฟยพูดอย่างดูถูก
“ข้าถามว่าสร้อยข้อมืออยู่ไหน เจ้าโยนทิ้งไว้ที่ไหน” ตันเหนียงเริ่มเสียงดังขึ้น
สร้อยข้อมือเส้นนั้นมารดาของนางสวมใส่เอาไว้ตลอดเวลา ต่อมานางจึงได้มอบให้บุตรสาว ตันเหนียงหวงแหนสร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นอย่างมาก แต่ผู้หญิงคนนี้กลับโยนทิ้งไป!
“นี่เจ้ากล้าตะโกนใส่คุณหนูเซี่ยหรือ? มาจับมันออกไป!” เซี่ยฟางเฟยตะโกนเรียก แต่กลับไม่มีบ่าวรับใช้คนไหนเข้ามา
“ท่านพ่อ ท่านสั่งให้บ่าวมาจับพวกมันออกไป!” เซี่ยฟางเฟยตะโกนพูดกับบิดาอีกครั้ง แต่เซี่ยหรงอันนั้นกลับนิ่งเฉย ทำให้เซี่ยฟางเฟยรู้สึกตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก
บิดาของนางรักนางมากที่สุด เขาทำทุกอย่างที่ฟางเฟยขอ แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งเฉย เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
“เจ้าต่างหากที่ควรออกไป” ตันเหนียงเดินมาที่ด้านหน้าเซี่ยฟางเฟย
ตันเหนียงมีท่าทีที่สง่างาม ในขณะที่เซี่ยฟางเฟยเป็นคนเจ้าอารมณ์ เมื่อเปรียบเทียบกันเช่นนี้แล้ว ตันเหนียงดูเหมือนบุตรสาวของเขามากกว่า
“เพราะเจ้าไม่ใช่บุตรสาวของสกุลเซี่ย แต่เป็นข้าต่างหาก!”
ตันเหนียงพูดอย่างชัดเจน ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยถอดสีทันที!