บทที่ 435 กู้หวนเนี่ยนริษยา
สายตาที่เย็นชาของกู้หวนเนี่ยนสบเข้ากับผู้ติดตามของเขา ทำให้เขาถึงกับหุบปากลงทันที โดยแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“กลับไปที่ศาลต้าหลี่”
กู้หวนเนี่ยนกลับไปที่ศาลต้าหลี่ ระหว่างทางเขาหวนคิดถึงฝางเหมี่ยวอยู่ในใจ วันนี้นางดูแปลกไปอย่างผิดสังเกต ก่อนหน้านี้ยามที่นางเห็นเขา ฝางเหมี่ยวจะยิ้มให้เขาอย่างสดใสแต่วันนี้นางไม่แม้แต่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ หรือจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้? เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวาน กู้หวนเนี่ยนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก เขาหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ของตนเอง
เมื่อเดินเข้าไปยังห้องทำงาน เขาหันไปสั่งผู้ติดตามว่า
“ไปถามดูสิว่าบันทึกชันสูตรศพของวันนี้ได้ส่งมาเรียบร้อยหรือยัง? เอามาให้ข้าดู”
บันทึกชันสูตรศพจะถูกรวบรวมโดยฝางเหมี่ยวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น มาส่งบันทึกชันสูตรศพหรือ?
ทุกครั้งจะเป็นฝางเหมี่ยวมาส่งเองเสมอ
กู้หวนเนี่ยนขยับตัวให้ตรงขึ้น เขาลูบรอยพับบนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างไม่รู้ตัว
“เข้ามา”
ประตูถูกผลักให้เปิดออก เมื่อเห็นว่าเป็นใคร กู้หวนเนี่ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้
ไม่ใช่ฝางเหมี่ยว แต่เป็นคนรับใช้ของเขาเอง
“นายท่าน ท่านไม่ได้อยากพบข้าหรอกหรือ?”
กู้หวนเนี่ยนไม่ตอบหากสายตาเขากลับพูดแทน ‘ใช่’
ผู้ติดตาม “…………………..”
“เสี่ยวอู่จั้วกลับบ้านไปแล้วขอรับ” กู้หวนเนี่ยนไม่ตอบอะไร ผู้ติดตามยื่นมือส่งบันทึกชันสูตรศพให้เขา
กู้หวนเนี่ยนมองแล้วได้แต่เหม่อลอย
………………..
เมื่อฝางเหมี่ยวกลับมาถึงบ้านก็โดนมารดาลากเข้าห้องไป
“ท่านแม่ ทำไมต้องทำตัวลึกกลับเช่นนี้?” ฝางเหมี่ยวถามอย่างงุนงง
“เหมี่ยวเหมี่ยว แม่ไปถามเรื่องหลี่คง…ช่างไม้ผู้นั้นมาแล้ว เขาเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี เขาตั้งใจเรียนรู้ทำงานหนัก เจ้านายชื่นชมเขามากเลยทีเดียว ตอนนี้เขาทำงานเก็บเงินหาค่าสินสอดอยู่ เดือนหนึ่งหาได้หลายตำลึงแล้ว หน้าตาเขาหล่อเหลา ดูไว้ใจได้กว่าคนขายเนื้อครั้งก่อนอีก”
“บิดาเขาเป็นคนซื่อสัตย์เสียแต่มารดาของเขาออกจะใจร้อนอยู่บ้าง…” นี่เป็นความไม่พอใจอย่างเดียวของนางฝาง มีแม่สามีจู้จี้เรื่องมาก ลูกสะใภ้จะลำบากใจ แต่จะมีแม่สามีที่ไหนกันที่ไม่จู้จี้เรื่องมาก?
หากหลี่คงรักบุตรสาวของนางด้วยใจจริง นางก็จะไม่ต้องทนทุกข์มากนัก หลังจากนั้นลูกสะใภ้จะกลายเป็นแม่สามี ชีวิตจะง่ายขึ้นไปเอง ไม่มีใครที่ดีพร้อม นางย่อมพอใจลูกเขยอย่างหลี่คงมาก
“ไม่ว่าอย่างไร ช่างไม้คนนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดี” นางฝางพูดด้วยรอยยิ้ม ฝางเหมี่ยวไม่อยากได้ยินที่มารดาพูด นางตัดบทว่า
“ท่านแม่ข้าจะไปอาบน้ำก่อน”
“ไปเถอะมีน้ำร้อนแล้ว แม่จะยกเข้าไปให้เอง” นางฝางคิดอย่างมีความสุข นางเดินไปเอาน้ำร้อนให้บุตรสาว
สำหรับฝางเหมี่ยวแล้ว นางไม่ได้คิดถึงหลี่คงเลยสักนิด นางคิดถึงแต่กู้หวนเนี่ยนเท่านั้น เมื่อคืนนางนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดวกไปวนมา เมื่อเขาไม่ได้มีความสนใจในตัวนาง ฝางเหมี่ยวย่อมต้องปล่อยเขาไป ไม่อาจจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้
แต่วันนี้นางได้พบเจอกับเขาอีกครั้ง แม้ว่าจะควบคุมกิริยาอาการไม่ยอมเหลือบแลหรือแม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับเขา แต่หัวใจของนางกลับเต้นแรงไม่หยุด ฝางเหมี่ยวโกรธตนเองหรือเกิน นางอยากจะลืมเขา อยากเอาชนะใจตนเองให้ได้ หากไม่มีกิจธุระที่จำเป็นนางย่อมไม่อยากจะพบเจอเขาอีกเลย
หลังจากเวลาผ่านไปไม่ช้าก็เร็วนางย่อมทำใจได้อย่างแน่นอน
แต่ฝางเหมี่ยวไม่ได้คาดคิดว่าวันรุ่งขึ้นนางจะโดนเรียกไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อจัดเรียงบันทึกคดี
ทุกครั้งบันทึกคดีของศาลต้าหลี่จะถูกตรวจสอบและคัดแยก ซึ่งกู้หวนเนี่ยนเป็นคนตั้งกฎขึ้นมา บันทึกคดีรวมไปถึงบันทึกการชันสูตรศพ ฝางเหมี่ยวมีหน้าที่คอยตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ การคัดแยกบันทึกมีประโยชน์อย่างมากในการค้นหาคดีที่ไม่ยุติธธรม เป็นเท็จหรือตัดสินคดีผิดพลาด เป็นต้น ฝางเหมี่ยวอยู่ในห้องเก็บบันทึก นางนั่งอ่านเอกสารอย่างละเอียดถี่ถ้วน
กู้หวนเนี่ยนกำลังอ่านหนังสืออย่างใจลอย เขาวางหนังสือลงจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน
“ใต้เท้าจะไปห้องเก็บบันทึกคดีหรือขอรับ เสี่ยวอู่จั้วทำงานอยู่ในห้องนั้น” ผู้ติดตามคนสนิทของเขาเอ่ยขึ้นมา เขารู้ว่าใต้เท้ากู้มีความเป็นห่วงอู่จั้วผู้นั้น กู้หวนเนี่ยนตัวแข็งทื่อ ในที่สุดเขาก็นั่งลง
“ใต้เท้า ข้าคิดว่าท่านอยากจะไปพบนาง” คนสนิทเขายังพูดไม่เลิก กู้หวนเนี่ยนจ้องเขาเขม็ง
ผู้ติดตาม “……………….”
เขาทำอะไรผิดอีกแล้วหรือ?
“เจ้าว่างหรือ?” กู้หวนเนี่ยนถามเขา
“ดูเหมือนข้าจะไม่มีอะไรทำ…” ผู้ติดตามเขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“ถ้าว่างนักก็ไปทำความสะอาดที่สนามด้านนอกสักครั้ง…ไม่สิ! ครั้งเดียวคงไม่พอสักสิบครั้งท่าจะดี!” กู้หวนเนี่ยนพูดหน้าตาเฉย ผู้ติดตามเขาเบิกตากว้าง
สิบครั้ง! นี่มิต้องทำถึงกลางคืนเลยหรือ? เขาทำอะไรให้ใต้เท้าโกรธกันแน่
“ยังไม่ไปอีกหรือ?” กู้หวนเนี่ยนพูดอย่างเย็นชา ผู้ติดตามขนลุกทั้งตัวเมื่อเห็นใต้เท้ากู้จ้องเขาเช่นนั้น เขารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
กู้หวนเนี่ยนยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างกระวนกระวาย
ตอนบ่ายเขาวางหนังสือเดินไปยังห้องเก็บบันทึกคดี ในนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่หลายคน
“ใต้เท้ากู้!” เมื่อทุกคนเห็นเขาต่างพากันทำความเคารพส่งเสียงทักทาย กู้หวนเนี่ยนเห็นฝางเหมี่ยวนั่งอยู่ที่มุมห้อง นางทำท่าดูบันทึกอย่างจริงจังราวกับว่าไม่เห็นเขาเข้ามา
แววตาเขาสับสน เขาเดินไปหานางอย่างไม่รู้ตัว
ฝางเหมี่ยวช่างตัวเล็กเสียจริงๆ กู้หวนเนี่ยนดูจะเห็นความงามของหญิงสาวผู้นี้ หลังจากที่เขาได้เห็นนางแต่งกายอย่างประณีตในห้องส่วนตัวที่ร้านอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้มีชาดแต่งแต้มที่ใบหน้า นางก็ยังดูสวยงามเปล่งประกาย หลังจากที่จ้องฝางเหมี่ยวสักพักหูเขาก็แดงขึ้นมา เมื่อฝางเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นหลังจากอ่านบันทึกจบ นางจึงได้รู้ว่าใครบางคนยืนอยู่ข้างหลัง
ใต้เท้ากู้มองไปทางอื่น ไม่ได้มองฝางเหมี่ยว เมื่อเห็นเขาไม่ได้มองตนเอง นางจึงก้มลงอ่านบันทึกต่อ ไม่ได้เอ่ยทักทายเขา กู้หวนเนี่ยนจึงได้แต่เดินไปรอบๆ แล้วออกไปข้างนอก
เย็นวันนั้น
ฝางเหมี่ยวอ่านบันทึกเล่มสุดท้ายจบ นางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย อ่านบันทึกคดีชันสูตรศพกว่าสองร้อยคดีในครึ่งปีเล่นเอาแทบหมดแรง
โชคดีที่ไม่พบปัญหาใดๆ ทั้งพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของคดีมีหลักฐาน ส่วนคดีที่เป็นเท็จหรือตัดสินผิดพลาดนั้นมีน้อยมาก ถ้ามีคนทำผิดไม่กี่คน เท่ากับว่าการทำงานของตนนั้นมีความหมาย
ฝางเหมี่ยวจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย ก่อนที่จะร่ำลาคนอื่นๆ แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
หิวข้าว…กลับบ้านไปกินข้าวที่แม่หุงเอาไว้ดีกว่า! ฝางเหมี่ยวเดินออกจากศาลต้าหลี่อย่างมีความสุข เห็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปียืนรออยู่ที่ประตู เขากำลังมองไปรอบๆ พอเห็นฝางเหมี่ยวดวงตาเขาเป็นประกายขึ้นมา
“แม่นาง ข้าบังเอิญผ่านมา…เลยมาเจอแม่นางเข้าพอดี” เขาอึกอัก ไม่อยากจะโกหก
ฝางเหมี่ยวจำเขาได้ เขาคือหลี่คงช่างไม้ที่มารดาชื่นชอบนั่นเอง
…………….