เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 443 องค์หญิงใหญ่ต้องการเกี่ยวดองกับสกุลกู้

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 443 องค์หญิงใหญ่ต้องการเกี่ยวดองกับสกุลกู้

วันถัดมาที่จวนสกุลกู้

“ฮูหยินกู้ องค์หญิงใหญ่เสด็จมาเยือนเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินที่บ่าวรับใช้รายงาน ฮูหยินกู้รู้สึกประหลาดใจ นางไม่เคยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับองค์หญิงใหญ่มาก่อน เหตุใดวันนี้องค์หญิงใหญ่จึงมาที่จวนกู้ได้ อย่างไรก็ตามนางเป็น พระเชษฐภคินีของฮ่องเต้ จำต้องต้อนรับขับสู้

“ตามข้ามา” ฮูหยินกู้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นางรีบไปที่ประตูเพื่อต้อนรับองค์หญิงใหญ่ด้วยตัวเอง

“ฮูหยินกู้ ไม่ได้พบกันเสียนาน” องค์หญิงใหญ่แย้มสรวล

“หม่อมฉันคิดถึงองค์หญิงใหญ่เหลือเกินเพคะ” ฮูหยินกู้ตอบด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าอย่าเอาแต่อยู่ที่จวนสิ ออกมาเที่ยวเล่นเสียบ้าง ที่วังของข้ามีสระบัวขนาดใหญ่กำลังบานเต็มสระทีเดียว วันหลังมาชมดูเป็นเพื่อนข้าเถอะ”

เมื่อองค์หญิงใหญ่เอ่ยชวน ฮูหยินกู้จึงตอบรับอย่างมีมารยาท ทั้งสองเข้าไปยังห้องรับรองเพื่อพูดคุยกัน

องค์หญิงใหญ่มาพร้อมกับนางกำนัลและบ่าวรับใช้กลุ่มใหญ่ พวกเขายืนรออยู่นอกโถงรับรอง องค์หญิงใช้สายพระเนตรส่งสัญญาณให้นางกำนัลและบ่าวรับใช้ยกกล่องของขวัญเข้ามาโดยพร้อมเพรียงกัน

“องค์หญิงใหญ่เพคะ…นี่คือ?”

“เมื่อวานนี้ ข้าต้องขอบคุณบุตรชายของท่านที่ได้ช่วยชีวิตบุตรสาวของข้า ชิงเฉิงไว้ได้ ไม่เช่นนั้นนางคงตกอยู่ในอันตราย หัวอกคนเป็นมารดาเช่นข้าคงโศกเศร้าทุกข์ใจเป็นอย่างมาก นี่จึงถือเป็นคำขอบคุณจากข้า” องค์หญิงใหญ่กล่าว

“หามิได้เพคะ” ฮูหยินกู้พูดขึ้น

“เจ้ารับเอาไว้เถิด ไม่เช่นนั้นข้าคงจะเสียน้ำใจมาก”

เมื่อองค์หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ ฮูหยินกู้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากรับกล่องของขวัญเหล่านั้นเอาไว้

“คุณหนูชิงเฉิงสบายดีหรือไม่เพคะ?” ฮูหยินกู้ไต่ถามถาม

“ไม่เป็นไรแล้ว ข้าเองก็กังวล…แต่วันนี้อาการนางดีขึ้นมาก ฮูหยินกู้ ความจริงที่ข้ามาวันนี้เพราะมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะปรึกษาฮูหยิน” องค์หญิงใหญ่เกริ่นนำ

“ตรัสมาเถิดเพคะ”

“ในตอนที่บุตรชายของท่านช่วยชิงเฉิงขึ้นจากน้ำเมื่อวานนี้ทั้งสอง…แนบชิดกันมาก…”

“องค์หญิงเพคะ บุตรชายของหม่อมฉันเพียงช่วยชีวิตคนเท่านั้นเขาไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยเพคะ” ฮูหยินกู้รีบอธิบาย

“ฮูหยินกู้อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้จะตำหนิคุณชายกู้ แต่ที่ข้าจะตั้งใจพูดเรื่องนี้ก็เป็นเพราะข้าจำได้ว่าคุณชายกู้อายุได้ยี่สิบแปดปีแล้ว ส่วนชิงเฉิงของข้าอายุสิบหกปี พวกเขาทั้งสองคนถึงวัยออกเรือนแล้ว …” องค์หญิงใหญ่ไม่เอ่ยต่อ แต่ฮูหยินกู้เข้าใจทันที นางต้องการเกี่ยวดองกับสกุลกู้

“องค์หญิงใหญ่ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก ในฐานะสตรี หม่อมฉันไม่สามารถตัดสินใจได้ คงต้องขอให้แม่ทัพกู้เป็นคนตัดสินใจเพคะ”

“ฮูหยินกู้ ข้าเพียงแต่เสนอแนะเท่านั้น ฮูหยินและท่านแม่ทัพกู้คงต้องหารือปรึกษากันก่อนตัดสินใจ”

“ขอบพระทัยในความกรุณาเพคะ”

ทั้งสองพูดคุยตามมารยาทกันอีกสองสามคำก่อนที่องค์หญิงใหญ่จะเสด็จกลับไป

ฮูหยินกู้ขมวดคิ้วทันที ถึงแม้ฮูหยินกู้จะอยากให้บุตรชายแต่งงานกับครอบครัวที่ดี แต่วังขององค์หญิงใหญ่ซับซ้อนเกินไป นางเป็นพระเชษฐภคินีที่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้มาก สกุลกู้มีอำนาจล้นมือ หากได้เกี่ยวดองกับองค์หญิงใหญ่ อาจจะทำให้ฝ่าบาทเกิดระแวงสงสัยขุ่นเคืองพระทัยได้ นางรีบเขียนจดหมายหาสามีทันที เพราะกู้หวนเนี่ยนยังอยู่ทำงานอยู่ที่ศาลต้าหลี่ นางไม่รู้จะปรึกษาใคร

“ฮูหยิน ให้คนไปเชิญคุณหนูมาปรึกษาดีหรือไม่เจ้าคะ?” แม่นมจ้าวพูดขึ้น ฮูหยินกู้ฉุกคิดขึ้นมาได้ บุตรสาวเป็นคนฉลาด อาจจะให้คำปรึกษาที่ดีกับนางก็เป็นได้

“ไปเชิญคุณหนูมาที”

…..

ถังหลี่รีบไปที่จวนแม่ทัพทันทีหลังจากได้จดหมายของมารดา เมื่อไปถึงนางรีบไปหาฮูหยินกู้ทันที เห็นมารดากำลังยืนรออยู่ที่ประตูเรือนกำลังขมวดคิ้วสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?” ถังหลี่รีบถามทันที

“ลูกแม่… องค์หญิงใหญ่เสด็จมาที่นี่”

“เหตุใดจึงได้เสด็จมาเจ้าคะ?”

“นางอยากจะเกี่ยวดองกับสกุลกู้” ฮูหยินกู้กล่าว

“พี่ใหญ่กับจ้าวชิงเฉิง?” ถังหลี่ตกใจ

“ใช่”

ถังหลี่ขมวดคิ้ว เมื่อวานนี้พี่ชายของนางได้ช่วยชีวิตของจ้าวชิงเฉิงไว้ได้โดยบังเอิญ ทำให้ถังหลี่รู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าทิศทางของโครงเรื่องในตอนนี้นางจะจับคู่ให้กู้หวนเนี่ยนและฝางเหมี่ยว แต่จ้าวชิงเฉิงก็ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตของพี่ชายนาง จ้าวชิงเฉิงผู้นี้ไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีเลย

“ท่านแม่ ท่านคิดอย่างไรเจ้าคะ” ถังหลี่ถาม

“สกุลกู้มีอำนาจมาก หากเกี่ยวดองกับองค์หญิงใหญ่อีก แม่เกรงว่าฝ่าบาทอาจจะไม่ทรงโปรด รังแต่จะทำให้ขุ่นเคือง น้ำพระทัยของฝ่าบาทไม่อาจคาดเดาได้”

ถ้าฮ่องเต้ทรงมีพระราชดำริว่าการเกี่ยวดองกับสกุลกู้เป็นเรื่องที่สมควร แต่ถ้าเป็นตรงกันข้ามจะเกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงกับสกุลกู้ได้

“ท่านแม่ เข้าไปคุยในห้องเถิด”

สองแม่ลูกเข้าไปในห้องปิดประตูหน้าต่างสนิทอย่างแน่นหนา

“องค์หญิงใหญ่รับบุตรบุญธรรมหลายคน อีกทั้งมีเกี่ยวดองกับขุนนางมากมาย นางมีความทะเยอทะยานอย่างเห็นได้ชัด” ถังหลี่ตั้งข้อสังเกตขึ้นมา

ทุกคนรู้เรื่องนี้ดีแต่ไม่มีใครกล้าพูด ในตอนนั้นฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ได้เพราะมีอำนาจขององค์หญิงใหญ่หนุนหลัง ความสัมพันธ์ระหว่างสองพระองค์แน่นแฟ้น จะหาผู้ใดกล้าพูดให้ร้ายองค์หญิงใหญ่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ฮ่องเต้พิโรธเท่านั้น ซ้ำยังทำให้องค์หญิงใหญ่ไม่พอพระทัย นับว่ารนหาที่ตาย

อย่างไรก็ตามหากสกุลกู้เกี่ยวดองกับองค์หญิงใหญ่ ฮ่องเต้จะต้องตั้งข้อสังเกตเกิดระแวงสกุลกู้ขึ้นในพระทัย ดังเช่นในนิยายต้นฉบับ นำมาซึ่งภยันอันตรายแก่สกุลกู้

“ถ้าเช่นนั้นแล้วจะให้มีงานมงคลเกิดขึ้นไม่ได้” ถังหลี่กล่าว ฮูหยินกู้เห็นด้วยกับบุตรสาวนาง

“เมื่อหวนเนี่ยนกลับมา แม่จะถามความคิดของเขา หากเขาไม่ตกลงแม่จะหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธ”

ถังหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่มารดาของนางเคารพการตัดสินใจของพี่ใหญ่ กู้หวนเนี่ยนชอบพอกับฝางเหมี่ยว เขาย่อมไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้อย่างแน่นอน

…..

เดิมทีถังหลี่คิดว่าสกุลกู้คงปฏิเสธงานแต่งงานไป แต่ไม่คิดเลยว่าองค์หญิงใหญ่นั้นต้องการที่จะดองกับสกุลกู้จริงๆ เมื่อนางออกจากจวนแม่ทัพก็เริ่มได้ยินเสียงซุบซิบ

“เมื่อวานซืนข้าเห็นชายหญิงสองคนกอดกันตัวเปียกปอนทั้งคู่เลย ก่อนที่ผู้ชายจะเอาผ้ามาคลุมนางไว้ …”

“ใกล้ชิดกันกลางวันแสกๆ”

“ผู้ชายคนนั้นคือคุณชายใหญ่สกุลกู้ และคุณหนูจ้าวชิงเฉิงบุตรสาวขององค์หญิงใหญ่ เมื่อวานคุณหนูจ้าวตกลงไปในแม่น้ำคุณชายกู้ช่วยนางเอาไว้ได้”

“คุณหนูจ้าวถูกเห็นร่างกายเช่นนี้แล้ว นางจะแต่งงานได้อย่างไร”

“คุณชายกู้เป็นคนซื่อตรง ข้าคิดว่าเขาต้องรับผิดชอบแน่ๆ”

“ใช่แล้ว แต่งงานกันไปเถอะ ในเมื่อทั้งสองก็ยังไม่มีใครแต่งงาน เช่นนี้ย่อมดีแก่ทุกฝ่าย”

“ฝ่ายหนึ่งก็จวนแม่ทัพ อีกฝ่ายเป็นองค์หญิงใหญ่ ช่างเหมาะสมเสียจริง”

ถังหลี่ใช้เวลาเดินทางกว่าชั่วยามเดินจากจวนสกุลกู้ไปยังจวนอู่โหว ตลอดทั้งเส้นทางได้ยินเรื่องราวเช่นนี้เต็มสองหู ข่าวอื้อฉาวแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วไปทั่วเมืองหลวงเช่นนี้ คล้ายกับยามที่เซี่ยฟางเฟยเรียกร้องให้เว่ยฉิงรับผิดชอบนาง

ถังหลี่รู้สึกขบขันอยู่บ้าง

ในนวนิยายต้นฉบับ ไม่มีรายละเอียดเรื่องพี่ชายของนางและจ้าวชิงเฉิงเขียนเอาไว้มากนัก แต่ในความเป็นจริงจ้าวชิงเฉิงเจ็บปวดที่ต้องแต่งงานกับกู้หวนเนี่ยน

กู้หวนเนี่ยนมีใจกุศลช่วยคนแต่กลับตกเป็นที่ครหา หากจะปฏิเสธไปก็นับว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก

ถังหลี่ขมวดคิ้วยุ่ง หากปล่อยให้ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไป ผลเสียคงตกอยู่กับพี่ชายของนาง นางต้องไปหากู้หวนเนี่ยน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท