จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 506-510

ตอนที่ 506-510

บทที่ 506 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (5)
  หากมิใช่เพราะเย่หยิงนางจะไม่ยอมมาเว้าวอนพิรี้พิไรกับเขาเช่นนี้อีก
  ”พี่เขยหยิงเอ๋อโดนทุบตี พรุ่งนี้หมิงเอ๋อก็จะโดนลากไปทิ้ง ท่านจะปล่อยให้พวกเขาโดนกระทำเช่นนี้หรือ ?” เย่ฮูหยินกัดฟัน “นางแพศยานั่น กล้าลบหลู่สำนักเวชโอสถของเรา หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
  นัยน์ตาของไป๋ฉางเฟิ่งเปล่งประกายแวววาว”โอ้…มีคนทำร้ายเย่หยิง กับ เย่หมิง ด้วยงั้นหรือ ? ผู้ใดกันที่กล้ากระทำเช่นนั้น ข้าอยากจะไปขอบใจเสียจริง ๆ”
  ”พี่เขย!”
  เย่ฮูหยินหน้าซีดพี่เขยหมายความเยี่ยงไร ? ท่านจะช่วยเหลือผู้อื่นกลั่นแกล้งครอบครัวของตนกระนั้นหรือ ท่านทำได้อย่างไร ?
  “แท้จริงมีบางอย่างที่ข้าต้องการเก็บไว้ให้หมิงเอ๋อ”นางกล่าวเยาะเย้ยพลางดึงจี้หยกออกมาจากสาบเสื้อ “นี่คือสิ่งที่พี่สาวของข้ามอบให้แก่ข้าก่อนนางจะสิ้นใจ”
  ไป๋ฉางเฟิ่งหรี่ตาลงประกายในแววตาเปลี่ยนไป ครั้นเห็นจี้หยกบนมือของเย่ฮูหยิน ม่านตาของเขาพลันบีบรัด
  ”ก่อนที่พี่สาวของข้าจะเสียชีวิตข้าบอกนางว่าเมื่อนางจากไปแล้ว ท่านอาจจะไม่ปฏิบัติต่อข้าเช่นคนในครอบครัวเดียวกัน ด้วยเหตุนี้นางจึงให้จี้หยกนี้แก่ข้า และวันใดที่ข้ามอบจี้หยกนี้ให้ท่าน ท่านสัญญาว่าจะทำทุกอย่างตามแต่ข้าจะร้องขอ !” เย่ฮูหยินเชิดคางขึ้น “เดิมที ข้าเพียงต้องการใช้จี้หยกนี้ขอร้องให้ท่านหาลูกสะใภ้ที่ดีให้แก่หมิงเอ๋อ ทว่าบัดนี้ข้าจำต้องตัดใจนำมันออกมาใช้ก่อน ”
  ในวันหน้าหลานสาวของนางจะต้องได้เป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิงแน่ ๆ นางจะต้องกลัวไปไยว่าหลานชายของนางจะไม่ได้แต่งงานกับภรรยาผู้สูงศักดิ์ ?
  เมื่อถึงวันนั้นสตรีทุกคนในโลกก็มีแต่จะยอมมาเป็นตัวเลือกให้หมิงเอ๋อสาว ๆ ทุกคนย่อมอยากจะแต่งงานกับเขา !
  ”พี่เขยหากท่านยังคิดถึงความผูกพันที่มีต่อพี่สาวข้า ท่านต้องยอมรับคำขอของข้า”
  ครั้นเย่ฮูหยินเห็นไป๋ฉางเฟิ่งเงียบไปนางก็รู้ว่า หลี่จิ้ง น่าที่จะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นนั้นใบหน้าของนางจึงปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ นางเชื่อว่าด้วยความรักที่ไป๋ฉางเฟิ่งมีต่อหลี่จิ้ง เขาจะต้องทำตามคำขอของนางอย่างแน่นอน
  “ได้”
  ไป๋ฉางเฟิ่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งในลำคอ
  จี้หยกนี้มีความหมายกับเขามากมันคือสัญลักษณ์แทนความรักระหว่างเขากับจิ้งเอ๋อ
  “พี่เขยท่านเห็นด้วยใช่หรือไม่ ?” เย่ฮูหยินกล่าวอย่างตื่นเต้น นางเต็มไปด้วยความดีใจ
  ริมฝีปากของไป๋ฉางเฟิ่งเหยียดออกเขายิ้มหยัน “เอาเป็นว่า หากสำนักเวชโอสถของเราไม่มีผู้สืบทอดรุ่นที่สาม ข้าก็จะทำตามคำขอของเจ้า”
  ความสุขบนใบหน้าของเย่ฮูหยินที่เคยมีมลายหายไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของไป๋ฉางเฟิ่งใบหน้าเหี่ยว ๆ ของนางแลดูหดหู่ “พี่เขย ท่านล้อข้าเล่นงั้นหรือ ? หากถึงเวลานั้น ท่านให้จั่นเผิงแต่งงานกับสตรีอื่น เรื่องทั้งหมดก็จบกันงั้นสิ”
  ”อ่า”ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ข้าไป๋ฉางเฟิ่งจะไม่บังคับบุตรชายของข้าให้แต่งงานกับสตรีที่เขาไม่ได้พึงใจ ข้าไม่มีวันบังคับเขา แม้ว่าเขาจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตก็ตามที ส่วนคำขอของเจ้า เหตุใดข้าจะไม่เห็นด้วยเล่า ? ไยเจ้าต้องคิดอะไรโง่ ๆ เช่นนั้น ? เจ้าจะบังคับข้าไป๋ฉางเฟิ่งให้ทำในสิ่งที่ข้าไม่ต้องการงั้นรึ ?”
  เย่ฮูหยินมองไป๋ฉางเฟิ่งที่ยามนี้กำลังมองมาที่นางด้วยแววตาเย็นยะเยือกร่างของนางสั่นสะท้าน นางยิ้มแห้ง ๆ “พี่เขยข้าหวังว่าท่านจะจดจำคำสัญญาที่ท่านให้ไว้กับข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”
  ”ทิ้งจี้หยกไว้แล้วไปได้”
  ไป๋ฉางเฟิ่งยิ้มรอยยิ้มของเขาเย็นชา เขาหลับตาลง ไม่ให้ความสนใจเย่ฮูหยินอีกต่อไป
  เย่ฮูหยินย่อมเข้าใจดีว่าไป๋ฉางเฟิ่งไม่สนใจนางแล้ว นางจึงวางจี้หยกลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินออกจากลานบ้านไปพร้อมรอยยิ้ม ที่แลดูตื่นเต้น
  ”เป็นองค์หญิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วไงวันหน้าหลานสาวของข้าก็จะได้เป็นคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถเช่นกัน ดูซิว่า เจ้าจะรังแกหลานสาวของข้ายังไงได้อีก !”
  มิใช่เป็นเพราะหลานสาวของนางไม่ได้เป็นคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถหรอกหรือ? หญิงสาวเหล่านั้นจึงกล้าทำร้ายหลานรักของนาง
  สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน!
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (5)***

บทที่ 507 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (6)
  ในลานอันเงียบสงบ
  ไป๋ฉางเฟิ่งลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เขามองตามทิศทางที่เย่ฮูหยินจากไปอย่างเย็นชา แววตาของเขาเย็นยะเยือก
  ”ท่านเจ้าสำนัก… ” ผู้คุ้มกันยืนนิ่งเงียบ เขาอยากจะกล่าวขึ้นตั้งหลายครั้งทว่าก็ฝืนอดกลั้นไว้
  ”ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการพูดอะไรหากนางปรารถนาเป็นบุตรสาวของจั่นเผิง ข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้นางจะไม่มีวันสมหวัง !”
  ไป๋ฉางเฟิ่งกำหมัดแน่นใบหน้าชราของเขาเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ย
  เช่นที่เขากล่าวก่อนหน้านี้เขาจะยอมรับเย่หยิงก็ต่อเมื่อสำนักเวชโอสถไร้ผู้สืบทอดรุ่นที่สาม
  น่าเสียดายที่เขามีหลานสาวแล้วเช่นนั้นคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อครู่ย่อมจะเป็นไปไม่ได้
  เพียงไม่นานหลังจากนั้น
  เสียงหัวเราะก็ก้องดังฝ่าอากาศขึ้นไป๋ฉางเฟิ่งขมวดคิ้วสีขาวที่อยู่บนใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น เขาแหงนมองบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
  ”ฮ่าฮ่าฮ่าไป๋ฉางเฟิ่ง พวกเราทั้งสองมาเยี่ยมเจ้า ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินดีต้อนรับพวกเราหรือไม่ ?”
  บนอากาศว่างเปล่าร่างสองร่างค่อยๆ เผยปรากฏ
  นั่นคือผู้อาวุโสสองคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขามาพร้อมด้วยท่าทางเฉยเมย
  หลังจากเห็นคนทั้งสองแล้วไป๋ฉางเฟิ่งก็แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เหตุใดพวกเจ้าถึงมากันแค่สองคนล่ะ ? ฉิวชู่หรงอยู่ที่ใด ?”
  ”…”
  เจิ้งฉีและเหรินอี้เงียบ
  พวกเขาจะกล้าตอบหรือ?
  จะให้บอกไป๋ฉางเฟิ่งว่าเนื่องจากเหรินอี้เผลอบอกที่อยู่ของไป๋หยานให้ตี้คังรับรู้ จากนั้นก็โบ้ยให้ฉิวชู่หรงกลายเป็นแพะรับบาป เช่นนั้นเขาเลยไม่กล้าให้ฉิวชู่หรงมาเผชิญหน้านางกระนั้นรึ ?
  เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ผู้ใดจะกล้าพูด !
  “เจ้าสามไม่ว่างเช่นนั้นจึงมีเรามาเพียงสองคน” เจิ้งฉีกล่าวใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ไป๋ฉางเฟิ่ง ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน ข้าสงสัยเหลือเกินว่า พวกเรามาสายเกินไปหรือไม่ ?”
  “ยังไม่สายหรอกพวกเจ้ามาได้เวลาพอดี หากแต่พวกเจ้าไม่สนใจที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาหรอกหรือ ? เหตุใดจึงส่งศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเข้าร่วมแทนล่ะปีนี้ ?”
  ”โอ้!” เจิ้งฉีเอ่ยตอบอย่างสบาย ๆ “เพราะศิษย์ที่ส่งมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้คือศิษย์รักของข้าไง”
  เพล้ง!
  ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเจิ้งฉีนิ้วมือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบของไป๋ฉางเฟิ่งพลันอ่อนส่งผลให้ถ้วยชาลื่นหล่นหลุดมือ และตกลงสู่พื้น
  ”ศิษย์ของเจ้าอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”
  เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจแววตาของเขาชัดเจนว่าตกตะลึง
  หลายปีที่ผ่านมาตาเฒ่าพวกนี้แอบรับศิษย์มาฝึกฝน ข่าวว่าศิษย์คนนี้เป็นอัจฉริยะที่มีค่าเยี่ยงสมบัติล้ำค่า พวกเขายอมปล่อยศิษย์รักมาเข้าร่วมงานชุมนุมในครานี้ด้วยงั้นหรือ ?
  เดี๋ยวนะ…
  จู่ๆ ไป๋ฉางเฟิ่งก็นึกถึงรายงานเมื่อสองวันก่อนขึ้นมาได้ รายงานที่ว่าเย่หยิงมีข้อพิพาทกับศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซ้ำนางยังต้องการขับไล่ศิษย์รายนั้นไปอีกด้วย
  หรือว่าศิษย์คนนั้นเป็นศิษย์รักของอาวุโสทั้งสาม?
  ”ลูกศิษย์ของเจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรหรือ?” ไป๋ฉางเฟิ่งเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มสง่างาม
  ”ลูกศิษย์ของข้า… ”
  เหรินอี้กำลังจะตอบคำทว่าเจิ้งฉีกลับปรามเขาไว้
  “เจ้าสำนักไป๋เจ้าเป็นคนดีและมีน้ำใจเสมอมิใช่หรือ ?” เขาหันไปทางไป๋ฉางเฟิ่งพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มุมปากของเขาขยับยกขึ้นอีกเล็กน้อย “เจ้ายังต้องการฉกตัวศิษย์รักข้าอีกงั้นหรือ ?”
  ไอ้สารเลวนี่กล้าสอบถามเกี่ยวกับที่มาของลูกศิษย์เขา นี่คงวางแผนร้ายคิดจะแอบฉกศิษย์รักของเขางั้นล่ะสิ ฝันไปเถอะ !
  ไป๋ฉางเฟิ่งหน้าตึงเขาเริ่มที่จะโกรธ “ผู้อาวุโสเจิ้งฉี นี่เจ้าหมายความเช่นไร ? ไยข้าจึงจะต้องฉกศิษย์ของเจ้าด้วย ? ข้าเป็นใครกัน ? ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า ข้าไม่สนใจศิษย์ของเจ้า ข้าเองก็มีหลานสาวซึ่งก็เป็นหมอปรุงยาที่ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์ของเจ้าเช่นกัน ! ”

บทที่ 508 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (7)
  ”เอ๋…บุตรสาวของเจ้าหายตัวไปนานแล้วนี่เช่นนั้นเจ้าจะมีหลานสาวได้ยังไง ?”
  เหรินอี้มองไป๋ฉางเฟิ่งพร้อมกับยิ้มเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าว
  ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าไป๋ฉางเฟิ่งจะไม่เคยฉกลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นของตน ทว่าศิษย์เหล่านั้นไม่มีค่าอะไรนัก เขาจึงไม่สนใจ หากแต่ถ้าตาแก่คนนี้ต้องการฉกลูกศิษย์ที่มีค่าคนนี้ไปล่ะก็ ต้องผ่านเขาไปก่อน !
  ปัง!
  ไป๋ฉางเฟิ่งฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืน “หลานของข้า บุตรชายของข้าก็ต้องเป็นคนค้นพบสิ ข้าขอบอกพวกเจ้าไว้ก่อนว่า ยาที่หลานสาวของข้าปรุงนั้นเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้บุตรชายของข้าเคยป่วยหนัก หมอปรุงยาที่ไหนก็ช่วยไม่ได้ หากแต่หลานสาวของข้าสามารถให้การรักษาบุตรชายของข้าได้ ! ”
  ครั้นกล่าวถึงประโยคสุดท้ายใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและปลาบปลื้ม
  ”เจ้าพูดถึงเพียงนี้ข้าเองก็อยากเห็นหลานสาวของเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าไม่เล่าประวัติของนางให้ข้าฟังบ้างเล่า ?”
  เจิ้งฉียิ้มอย่างเฉยเมยขณะเอ่ยถาม
  ”อยากรู้เรื่องราวหลานสาวของข้างั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ !” ไป๋ฉางเฟิ่งเชิดหน้าขึ้น “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าเคยฉกลูกศิษย์ของพวกเจ้ามาก็ตั้งมากมาย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าพวกเจ้าเองก็ต้องการฉกหลานสาวของข้าเช่นกัน อย่าคิดว่าจะได้รู้เรื่องของหลานสาวข้าเลย”
  ในวันนี้ตาเฒ่าทั้งสองต่างก็อวดลูกศิษย์ต่อหน้าเขา และเขาไม่ไม่มีวันยอมเสียหน้าแน่ ! เช่นนั้นเขาต้องโอ้อวดหลานสาวดักคอไว้ก่อน
  และเมื่อหยานเอ๋อมาเขาจะต้องเอาคืนไอ้เฒ่าทั้งสองอย่างสาสม ! เอาให้คนพวกนี้ไม่กล้าแสดงท่าทางอวดดีต่อหน้าเขาอีกเลย !
  ”ไป๋ฉางเฟิ่งเจ้าคิดมากไปแล้ว ข้ามีลูกศิษย์ที่ทรงพลังที่สุดอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะฉกคนของเจ้า” เจิ้งฉียิ้ม “เราเพียงอยากรู้ว่าหลานสาวของเจ้านั้นยอดเยี่ยม หรือเป็นศิษย์รักของเราที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่ากันแน่”
  ”ได้ตกลง ! ข้ามั่นใจในตัวหลานสาวข้า นางจะไม่มีวันแพ้ลูกศิษย์ของเจ้า”
  ถึงจะกล่าวไปเช่นนั้นทว่าความจริงแล้วในใจของไป๋ฉางเฟิ่งก็ไม่ได้สงบนัก
  เขาไม่ได้ไม่มั่นใจในตัวไป๋หยานหากแต่…เขาไม่ทราบหลานสาวของเขาจะมาถึงสำนักเวชโอสถเมื่อไหร่ ?
  และหากนางไม่ยอมรับเขาเป็นตาเล่านั่นจะมิเท่ากับเขาต้องอับอายพ่ายแพ้กระนั้นหรือ ?
  ไป๋ฉางเฟิ่งคิดฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเลยเถิดไปถึงนึกด่าว่าไป๋จั่นเผิง
  หากก่อนหน้านี้ไอ้ลูกเลวหาหลานสาวของเขาพบป่านนี้เขาคงได้กอดหลานสาวอย่างมีความสุขไปแล้ว ทั้งไม่ต้องทนเจ็บปวดกับความห่วงหาอาทรอยู่เช่นนี้
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหรินอี้หัวเราะร่า “เช่นนั้นเราไปยังสถานที่จัดงานกันเลย ข้ามั่นใจว่า ยามนี้ผู้ที่ทำคะแนนนำในงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้ต้องเป็นศิษย์ของข้า”
  ไป๋ฉางเฟิ่งขึ้นเสียงอย่างเคร่งเครียด”นั่นเป็นเพราะหลานสาวของข้ามิได้เข้าร่วมด้วย หาไม่แล้วจะมีผู้ใดสามารถเทียบเทียมหลานสาวของข้าได้เล่า”
  ”โม้ยังไงก็ไร้ประโยชน์ถึงเวลานั้นเจ้าจะได้เห็นพลังของลูกศิษย์ของข้าฮ่าฮ่าฮ่า !”
  เหรินอี้หัวเราะซ้ำแล้วซ้ำอีกในบรรดาเด็กรุ่นใหม่ในดินแดนนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะนางได้เป็นแน่
  ไป๋ฉางเฟิ่งมองอาวุโสเจิ้งฉีและน้องของเขาอย่างเย้ยหยันจากนั้นก็ไม่กล่าวคำใดอีก เอาไว้หยานเอ๋อจำปู่ของนางได้ซะก่อน วันหน้าเขาจะต้องทำให้ตาเฒ่าสองคนนี้เข้าใจว่าไม่มีผู้ใดเก่งไปกว่าหยานเอ๋อ
  หมอปรุงยาจากสำนักเวชโอสถของเขาต้องเจ๋งที่สุด!
  *****
  ในห้องที่สวยงามเย่หยิงกำลังนอนอยู่บนเตียง นางลืมตาขึ้นมองขื่อด้านบนอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของนางแดงก่ำ อีกทั้งบวมเป่งไม่ต่างกับหัวหมูแลดูน่ากลัว
  ”คุณหนู”
  สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้าประตูมาพร้อมด้วยน้ำร้อนนางมองใบหน้าที่น่าเกลียดของเย่หยิง พลางกระพริบตาเล็กน้อย
  ”เกิดอะไรขึ้นข้างนอกกระนั้นรึ?”
  น้ำเสียงของเย่หยิงแหบแห้งนางเอ่ยถามอย่างไร้อารมณ์
  “คุณหนู”สาวใช้กัดริมฝีปาก “เมื่อครู่มีคนพบจดหมายรักในห้องของนายน้อย … มันเป็นจดหมายรักจากท่าน”
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (7)***

บทที่ 509 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (8)
  ”จดหมายรักอะไรกัน?”
  เย่หยิงเอี้ยวหน้าไปมองด้วยทีท่าแข็งกระด้างพลางขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม
  การขมวดคิ้วทำให้บาดแผลของนางเขยื้อนนางเจ็บจนกระทั่งต้องอ้าปากสูดลมเย็น ๆ เข้าปาก เพื่อบรรเทา
  ”มันเป็นจดหมายรักที่ท่านมอบให้กับนายน้อยตอนนี้ทั่วทั้งสำนักเวชโอสถต่างร่ำลือกันว่า ท่านทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน”
  สาวใช้ก้มหน้าลงน้ำเสียงของนางแผ่วลงมาก
  ปัง!
  เย่หยิงกระแทกศีรษะของนางลงบนเตียงใบหน้าบวม ๆ ของนางแลดูดุดันขึ้น
  ”ข้าไปเขียนจดหมายรักถึงเย่หมิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? บ้าที่สุด นี่ต้องเป็นฝีมือของนางแพศยาไป๋หยานที่วางแผนใส่ร้ายข้า !”
  นางต้องการให้ร้ายไป๋หยานโดยใช้เรื่องมีความสัมพันธ์ลับกับเย่หมิง หากแต่นางไม่คาดคิดเลยว่า ไป๋หยานจะเดินแผนล่วงหน้านางหนึ่งก้าว ด้วยเหตุนี้แผนการของนางจึงไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก
  จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง พลันร่างอ้วน ๆ ก็วิ่งผ่านประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่กระวนกระวายของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น
  ”หยิงเอ๋อข่าวดี ข่าวดี เจ้าสำนักให้สัญญาแล้วว่าจะส่งเสริมเจ้าเป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิง !”
  เย่หยิงตัวแข็งทื่อเหมือนนางยังไม่อยากจะเชื่อ “จริงหรือ ?”
  ”แน่นอนที่สุด!” เย่ฮูหยินพยักหน้ายืนยัน
  ชั่วขณะนี้นั้นใบหน้าของเย่หยิงพลันแข็งค้าง บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องน่ายินดีนี้มาถึงโดยปัจจุบันทันด่วน ทำให้นางไม่อยากเชื่อไปครู่ใหญ่
  เจ้าสำนักตกลงแล้ว?
  เขายอมตกลงจริงๆ หรือ ?
  นับแต่นี้นางก็จะไม่ต้องเป็นคนนอกของสำนักเวชโอสถอีกต่อไปหากแต่จะเป็นคุณหนูของที่นี่แทน ?
  สีหน้าของเย่หยิงแลดูงงงันอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นนางก็หัวเราะเสียงดัง
  นางหัวเราะหัวเราะทั้งน้ำตา น้ำตาของนางไหลรินลงมาจากปลายหางตา
  ในวันหน้าฐานะของข้าก็จะเท่าเทียมกับเจ้า ! เจ้าจะใช้คุณสมบัติใดมาดูถูกข้า !
  ”เย่หยิงที่น่าสงสารของข้า”เย่ฮูหยินเดินไปยืนข้าง ๆ เย่หยิง พลางเอ่ยกล่าวด้วยความสงสาร “ในที่สุด ความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเจ้าก็ไม่เสียเปล่าเลยจริง ๆ ความพยายามของเจ้าเอาชนะใจของท่านเจ้าสำนักได้สำเร็จ เหตุที่เขาสัญญาว่าจะให้ไป๋จั่นเผิงยอมรับเจ้าในฐานะธิดาบุญธรรมนั่นก็เป็นเพราะความสามารถของเจ้า”
  ”จริงหรือ?”
  เย่หยิงเบิกตาโตนัยน์ตาที่สวยงามของนางสดใสขึ้นมาก นางมองเย่ฮูหยินตาไม่กระพริบ
  เจ้าสำนักยอมตกลงเพราะความพยายามตลอดเวลาที่ผ่านมาของนางงั้นรึ?
  เย่ฮูหยินกระพริบตาด้วยรู้สึกผิดนางพยักหน้าเล็กน้อย “จริงสิ เย่หยิงของข้าดีถึงเพียงนี้ เด็กสาวป่าเถื่อนคนนั้นจะมาเทียบกับเจ้าได้ยังไง ? ความสำเร็จต่าง ๆ ย่อมมาจากความพยายามของเจ้าเอง”
  เย่หยิงยิ้ม
  รอยยิ้มนี้กวาดความหมองมัวที่เคยมีให้มลายหายไปนัยน์ตาของนางสดใส อีกทั้งสว่างไสวเป็นประกาย
  ”ปรากฏว่าความเก่งกาจของข้าเข้าตาของท่านเจ้าสำนักจริงๆ … ในวันหน้าสำนักเวชโอสถนี้จะต้องตกเป็นของตระกูลเย่ของเรา !”
  ต้องขอบใจไป๋จั่นเผิงที่ให้โอกาสนาง
  หากมิใช่เพราะไป๋จั่นเผิงไม่ยอมแต่งงานมีภรรยามานานหลายปีบางที … นางอาจจะไม่มีโอกาสขึ้นมาถึงจุดนี้
  ”ท่านย่าวันนี้เป็นวันลงคะแนนในงานชุมนุมหมอปรุงยา ท่านช่วยพาข้าไปที่นั่นหน่อย ข้าอยากเห็น” เย่หยิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “ข้าอยากเห็นความล้มเหลวของหญิงผู้นั้น ข้าต้องทำให้นางมาคุกเข่าขอความเมตตาจากข้าให้ได้ ข้าจะคืนความอัปยศกลับไปให้นางทีละขั้น ๆ เฉกเช่นเดียวกับที่นางทำกับข้าในวันนั้น ! ”
  แล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?
  ในเมื่อข้าได้เป็นบุตรสาวของไป๋จั่นเผิงแล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก !
  เอ่อ…
  ยามนี้บนเตียงขนาดใหญ่ ไป๋หยานรับรู้ได้ถึงมือใหญ่ที่ไล้อยู่บนร่างของนาง นางยกมือขึ้นตบมือใหญ่ด้วยความรำคาญ “ออกไป อย่ามารบกวนข้า”
  กล่าวจบริมฝีปากของนางก็ถูกกัดเบา ๆ พลันลมหายใจที่คุ้นเคยก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของนาง ทำให้นางต้องลืมตาขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
  ”ตี้คังนี่ท่านคิดจะทำอะไร ?”
  รอยยิ้มของชายหนุ่มช่างน่าประทับใจโดยเฉพาะรอยยิ้มเล็ก ๆ ในดวงตาเรียวคม “แน่นอน ข้าต้องการ … เจ้า … ”
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (8)***

บทที่ 510 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (9)
  ไป๋หยานขมวดคิ้วแน่น”วันนี้ท่านไม่มีอะไรทำงั้นหรือ ?”
  บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดและอาการต่อต้านของนางจึงทำให้เขาหยุด เขายกมือขึ้นโอบกอดไป๋หยานไว้ในอ้อมแขนพลางกระซิบ “หยานเอ๋อ เจ้าโกรธข้าหรือ ? โกรธที่ข้าแอบทำอะไรลับหลังเจ้างั้นหรือ ? ”
  ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อนัยน์ตาของนางส่องประกายซับซ้อน “ตี้คัง ท่านให้เสี่ยวมี่สร้างพันธะสัญญากับข้าใช่หรือไม่ ?”
  “ใช่”ตี้คังยกยิ้ม “นี่คือสิ่งที่ท่านราชครูบอกข้ามา”
  “ท่านราชครูหรือ?”
  ไป๋หยานเม้มปากสนามรบที่อาบไปด้วยเลือดปรากฏขึ้นในใจของนาง ใบหน้าของนางซีดลงเล็กน้อย
  หากสนามรบที่นางเห็นคือชีวิตในอดีตชาติของนางนั่นจะเป็นข้อพิสูจน์ได้หรือไม่ว่า … นางเคยรู้จักตี้คังมาก่อน ?
  ”ตี้คังข้าต้องการรู้จักตัวตนที่แท้จริงของท่าน”
  นางรู้ว่าเขาเป็นราชาแห่งแดนอสูรจากปากของงูเขียวนางนั้นและยังคนอื่นอีก ทว่า…นอกเหนือจากนั้นนางก็ไม่รู้อะไรเลย
  ตอนนี้นางอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา และอยากรู้ว่า ระหว่างนางกับเขาเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ ?
  ”มีข่าวลือในแดนอสูรว่าชั่วชีวิตนี้ข้าสามารถมีภรรยาได้เพียงคนเดียว … ต้องรอเวลากว่านางจะปรากฏตัว และจากคำทำนายของแดนอสูร เจ้าก็คือภรรยาที่ถูกลิขิตของข้า”
  ไป๋หยานเม้นปากแน่นนางไม่กล่าวคำใด นางรอฟังตี้คังพูดต่อ
  ตี้คังกอดร่างของไป๋หยานกระชับแน่นขึ้น”นอกจากฐานะราชาแดนอสูรแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้อะไรเลย”
  ”ทำไมล่ะ?” ไป๋หยานลืมตามองชายหนุ่มหล่อเหลาไร้ที่ติผู้ซึ่งอยู่ชิดใกล้
  ”ข้าเองก็จำอะไรไม่ได้มากมายนัก”ตี้คังขมวดคิ้ว “ข้าจำได้เพียงว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนครั้งที่ข้าตื่นขึ้น ข้าก็อยู่ในวังของแดนอสูรแล้ว ท่านราชครูเรียกขานข้าว่าองค์ราชา นับแต่นั้นข้าก็รับตำแหน่งนี้มาโดยตลอด”
  ”เช่นนั้นเสี่ยวอวิ๋นล่ะ? นางเป็นน้องสาวของท่านมิใช่หรือ ?”
  ”เสี่ยวอวิ๋นเป็นน้องสาวของข้าการรับรู้ของสัตว์อสูรเกี่ยวกับสายเลือดนั้นชัดเจนมาก ข้าจึงจำเฉินเอ๋อได้ทันทีไง” เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำ “หากแต่ … เมื่อข้าพบนาง นางเป็นเพียงลูกสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่โดนผนึก ทั้ง … นางก็สูญเสียความทรงจำทั้งหมดด้วย”
  ไป๋หยานหลับตาลงเล็กน้อยดูเหมือนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับตี้คัง
  นานพอควรกว่านางจะลืมตาขึ้น “ข้าอยากพบท่านราชครู”
  บางทีท่านราชครูอาจจะรู้ทุกเรื่อง…
  ”ไยเจ้าจึงอยากพบเขา?” ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ “เขาไม่มีสิ่งใดให้น่าพบ เพียงพบข้าทุกวันก็พอแล้ว”
  นัยน์ตาของไป๋หยานหรี่ลงนางคว้าสาบเสื้อของเขา พลางข่มขู่พร้อมรอยยิ้ม “ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่ให้ข้าพบเขา ?”
  “เจ้าต้องการพบเขาเมื่อไหร่? ไว้ข้าจะจัดการให้”
  นี่มัน…
  เสี่ยวมี่วางแผนแสร้งหลับต่อแต่ครั้นได้ยินคำพูดที่โลเลไร้หลักการของตี้คัง มันก็อดไม่ได้ที่ลืมตาขึ้นมองพวกเขา
  หลังจากเห็นแววตาเขียวปั้ดของตี้คังมันก็ตัวสั่น มันแสร้งลงนอนราบกับพื้นหลับตาต่อ
  ข้าไม่ได้ยินอะไรเลยเชิญคุยกันต่อตามสบายเถอะ …
  ”หยานเอ๋อเจ้าจะติดตามข้ากลับแดนอสูรหรือไม่ ?”
  ตี้คังกวาดตาผ่านเสี่ยวมี่ไปมองไป๋หยาน ริมฝีปากแดงของเขาพลันยกโค้ง
  “อืม”ไป๋หยานลูบคาง “ข้าเองก็อยากขจัดข้อสงสัยบางอย่างในใจของข้าเช่นกัน”
  นางต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งที่นางเห็นในความฝันของนางนั้น… เป็นชีวิตในอดีตชาติของนางหรือไม่ ?
  ทันทีที่คำพูดของไป๋หยานจบลงริมฝีปากของนางก็ถูกชายหนุ่มปิดกั้น จูบอันอบอุ่นพลันสะท้านทั่วริมฝีปากสีแดงชาดของนาง
  เสียงของชายหนุ่มแหบพร่าทว่าก็เต็มไปด้วยเสน่ห์
  ”หยานเอ๋อข้ารอเวลานี้มานานมาก จากนี้ไปแดนอสูรจะมีเจ้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวของข้า”
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (9)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท