บทที่ 449 สามี ข้าจะไปกับท่าน
นี่เป็นเป้าหมายของเขา ตอนนี้เขาเป็นรองเจ้ากรมอาญา หลายคนไม่พอใจแค่ตำแหน่งนี้ แต่การที่จะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปอีกต้องใช้เวลาอีกสี่หรือห้าปีเป็นอย่างน้อย
แม้จะมีคนบอกว่าอย่าได้รีบร้อนนัก แต่เว่ยฉิงก็ไม่อาจรอได้ถึงเพียงนั้น
เขาต้องการนั่งในตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อตรวจสอบเรื่องราวในอดีตของตระกูลเซียว
“สามี ท่านมีเป้าหมายมากกว่านี้ใช่ไหม?”
เว่ยฉิงยิ้ม กอดถังหลี่เอาไว้ในวงแขน นางตัวเล็กมากเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ภรรยา แต่ก่อนอี้โจวอยู่ที่ไหน?” เว่ยฉิงถามขึ้นมา
“เหลียงโจว!”
“ในตอนนั้นกองทัพสกุลเซียวต่อสู้กับต้าฉีในเหลียงโจว พวกเขาพ่ายแพ้จนทำให้เกิดข้อหาร่วมมือกับศัตรูทรยศต่อแคว้น”
“สามีท่านอยากใช้โอกาสนี้ตรวจสอบเรื่องราวของสกุลเซียวในครั้งนั้นหรือ?”
ถังหลี่ถาม เว่ยฉิงพยักหน้าตอบรับ
เว่ยฉิงไม่มีบันทึกของสกุลเซียวที่ร่วมมือกับศัตรูในครั้งนั้น เขาส่งคนเข้าไปค้นหายังศาลต้าหลี่หรือแม้กระทั่งแผนกสอบสวนกลางแต่ก็ไม่เจอบันทึกใดๆทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าโดนทำลายไปแล้วหรือว่าจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดที่ไหน เขาจึงไม่มีรายชื่อของขุนนางที่เกี่ยวข้องในคดีนั้นเลย
ตอนนี้เขาได้แต่ส่งคนไปจับตาความเคลื่อนไหวของจ้าวชูและหวังกู้เฟยเท่านั้น
สองคนนี้มีอำนาจมาก พวกเขามีปรมาจารย์ที่มีฝีมืออยู่ข้างกายทำให้องครักษ์ลับของเขาไม่อาจจะติดตามได้ตลอด
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เว่ยฉิงต้องการหาข่าว
เจ้าเมืองเหลียงโจวรับราชการอยู่ที่นั่นมานานหลายสิบปี เขาอาจรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็เป็นได้ หรือไม่ในจวนของเจ้าเมืองอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้
เว่ยฉิงตั้งใจจะไปที่นั่นอยู่แล้ว ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี
“แต่…สามี อุทกภัยช่างไร้ความปราณี …” ถังหลี่รู้ดีว่าสามีของนางไม่ใช่คนกลัวตาย เขามีความดื้อรั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาเป็นวายร้ายผู้หญิงใหญ่ในหนังสือ เขาจะขี้ขลาดได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าจะเสี่ยงตายอย่างไร้สาระ หรือเอาแต่เลียเลือดที่ปลายมีดอย่างกระหายเท่านั้น
แต่ตอนนี้เขามีภรรยาและมีลูกๆ แล้ว อย่างน้อยเขาต้องคิดถึงผู้ที่อยู่ข้างหลังด้วยไม่ใช่จะเอาแต่ดื้อรั้น ถังหลี่เข้าใจธรรมชาติของสามีนางเป็นอย่างดี
แต่ยังอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
เว่ยฉิงเห็นสีหน้าที่กังวลของถังหลี่ เขาก้มลงจูบนาง
“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
ถังหลี่ยื่นมือไปกอดที่เอวของเขา แนบใบหน้าเข้าที่หน้าอก ไม่พูดอะไรออกมา เว่ยฉิงลูบผมของภรรยา เขามีภรรยาที่ดีขนาดนี้เขาจะยอมตายได้อย่างไร? ถังหลี่กอดเขาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงผละออกแล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า
“สามี ท่านจะไปเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้เช้า ยิ่งออกเดินทางได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น”
ออกเดินทางแต่เช้าตรู่
ถังหลี่ตัดสินใจ
“สามี ข้าจะไปกับท่านด้วย”
เนื้อหาบางส่วนในนวนิยายเข้ามาในความคิดของถังหลี่อีกครั้ง
น้ำท่วมในครั้งนี้ เป็นอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดในแคว้นอี้โจว สิบหกอำเภอต้องจมอยู่ใต้น้ำ สูญเสียชีวิตนับไม่ถ้วน ผู้รอดชีวิตต้องพลัดถิ่นฐาน
หากตัดสินใจที่จะไปก็ต้องแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้คนในครั้งนี้ให้ได้
เว่ยฉิงไม่ตอบ ภรรยาของเขาต้องการจะแบ่งปันทุกข์สุขกับเขา แม้จะรู้สึกประทับใจแต่มันอันตรายเกินไป เขาไม่อยากให้ภรรยาของเขาเสี่ยง
“สามี ข้าคือปลาหลี่ ข้าสามารถเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดีได้”
ถังหลี่พูดขึ้น “ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้า”
“สามี…ข้าทนความลำบากได้ ตราบใดที่ได้อยู่เคียงข้างท่าน”
“ท่านย่อมรู้นิสัยของข้าดี” นัยน์ตาของถังหลี่ฉายแววดื้อรั้น
พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน เข้าใจกันและฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการมาด้วยกัน มีความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งเว่ยฉิงก็รู้ว่าหากภรรยาเขาตัดสินใจไปแล้วยากที่จะเปลี่ยนใจนาง
ในที่สุดเขาก็พยักหน้า ถังหลี่ยิ้มหวานจุมพิตเขาที่แก้ม
“เอาล่ะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ข้าจะไปบอกท่านผู้เฒ่าโหวและฮูหยินพร้อมกับเด็กๆ ถึงเรื่องนี้”
ในระหว่างอาหารค่ำมีผู้คนล้อมรอบ ท่านผู้เฒ่าอู่ ฮูหยินอู่ อาหยู หลิวหลาน เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี่ย เว่ยจื่ออี้ ส่วนซานเป่าและตู้เย่อยู่ในค่ายทหาร
เมื่อเว่ยฉิงเล่าถึงสาเหตุที่พวกเขาสองสามีภรรยาต้องไปจัดการเรื่องน้ำท่วมที่อี้โจว รอยยิ้มของทุกคนจึงหายไป
“พวกเจ้าต้องไปด้วยหรือ? ไม่ไปได้หรือไม่?” ฮูหยินอู่พูดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยิน
“เป็นราชโองการของฝ่าบาท จะฝ่าฝืนได้หรือ?”
ฮูหยินอู่จึงไม่ถามต่อ นางแค่ซักไซ้ถังหลี่เท่านั้น
เนื่องจากพวกเขาจะไปแต่เช้าจึงได้พากันไปยังจวนสกุลกู้เพื่อพบกับมารดาและพี่ชายของนาง
สกุลกู้จุดเทียนในห้องอย่างสว่างไสว
กู้หวนเนี่ยนรู้เรื่องที่เว่ยฉิงต้องไปอี้โจวอยู่แล้ว หากเขาไม่คิดว่าน้องสาวเขาจะตามไปด้วย เขามองถังหลี่อย่างเป็นห่วง
กู้หวนจิ่นกลับพูดโพล่งออกมา “ไม่เป็นไร ข้าจะไปด้วย”
ถังหลี่มองเขา “พี่สาม พี่รู้วิธีแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมหรือ?”
กู้หวนจิ่นตกตะลึง
เขาเป็นเพียงแค่คนสำรวยเท่านั้น ในชีวิตไม่เคยทำงานหนักแต่อย่างใด ทั้งยังไม่ค่อยฉลาดนัก
“ข้า…ข้าพอจะช่วยแบกก้อนหินได้” กู้หวนจิ่นพูดขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
ฮูหยินกู้ปรายตามองบุตรชายปรามเขาเบาๆ
“อย่าสร้างปัญหา” กู้หวนจิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากหุบปาก
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้ากับเว่ยฉิงจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
คนเป็นมารดาจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร
ฮูหยินกู้มองบุตรสาวและบุตรเขย จากนั้นจึงได้สบตากับเว่ยฉิง
“อาฉิงเจ้าต้องพาลูกสาวข้ากลับมาอย่างปลอดภัยนะ”
“ท่านแม่อย่ากังวลเลยขอรับ” เว่ยฉิงรับคำอย่างจริงจัง
“งานแต่งงานพี่ชายเจ้าจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า พวกเจ้าทั้งสองคนต้องกลับมาร่วมงานแต่งงานของพวกเขาให้ได้นะ”
“ข้าจะกลับมาให้ทันเจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าเป็นแม่สื่อให้พวกเขาจะไม่กลับมาได้อย่างไร?” ถังหลี่มั่นใจ ฮูหยินกู้มีเรื่องอยากกำชับบุตรสาวอย่างมากมาย แต่พวกเขาต้องออกเดินทางกันแต่เช้า หลังจากนั้นคงไม่ได้นอนหลับได้อย่างสบายนัก ฮูหยินกู้รักนางมาก แม้จะอยากพูดคุยกับบุตรสาวมากเพียงใดก็อยากให้ถังหลี่ได้นอนหลับให้เต็มตื่น นางจึงได้แต่กล้ำกลืนเอาไว้
“เอาล่ะ ดึกมากแล้วรีบกลับไปจวนอู่โหวเถอะ อาบน้ำแล้วจะได้รีบเข้านอน”
“ท่านแม่ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”
ฮูหยินกู้โบกมือไล่
“เจ้ากลับไปกันเถอะ แม่ก็ง่วงนอนแล้วเหมือนกัน”
ถังหลี่และเว่ยฉิงจึงได้กลับไป
กู้หวนเนี่ยนและกู้หวนจิ่นลุกไปส่งพวกเขา ฮูหยินกู้ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน นางเดินไปที่ประตูมองแผ่นหลังของบุตรสาวลับหายไป
ความกังวลบนใบหน้าฉายอยู่อย่างชัดเจน แม่นมจ้าวนำเสื้อมาใส่ให้นาง
“ฮูหยิน คุณหนูและท่านเขยเป็นคนมีดวงชะตาเป็นมงคล พวกเขาจะปลอดภัยเจ้าค่ะ”
“อีกสองวันข้าจะทำบุญที่วัดกานเฉวียน”
ฮูหยินกู้เอ่ยขึ้นมา นางอยากไปขอพรให้บุตรสาวและบุตรเขยกลับมาอย่างปลอดภัย
“บ่าวจะรีบไปเตรียมของให้เจ้าค่ะ” จ้าวมามาตอบรับ
เมื่อสองสามีภรรยากลับมาถึงบ้าน พวกเขาพบเด็กทั้งสามคนยืนรออยู่ที่หน้าประตู
สวี่เจวี่ย เว่ยจื่ออั๋งและเว่ยจื่ออี้ ยืนเรียงแถวหน้ากระดานรอพวกเขาอยู่
ถังหลี่เห็นเข้าก็ตกใจ
“ทำไมพวกเจ้ายังไม่นอนกันอีก”
เด็กทั้งสามไม่ตอบ เว่ยจื่ออี้เดินมากอดถังหลี่ไว้แน่น
…….