บทที่ 454 เว่ยฉิงตรวจสอบน้ำท่วม
ทั้งสองนอนอยู่บนเตียง ถังหลี่ยังไม่รู้สึกง่วง นางเท้าคางมองเว่ยฉิงสามีของนางที่ตอนนี้เหมือนจะหล่อเหลามากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาคมชัดและมีความสงบนิ่งมากขึ้น คิ้วทั้งสองข้างของเว่ยฉิงขมวดแน่น ทำให้ถังหลี่เป็นห่วง หญิงสาวยื่นมือออกไปลูบระหว่างคิ้วทั้งสองข้างนั้น เว่ยฉิงคว้ามือของนางไว้แล้วดึงเข้าไปในอ้อมกอด จนหน้าผากของพวกเขาแนบชิดกัน
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีหรือ?”
“แย่กว่าที่คิดไว้”
“มันจะดีขึ้น”
“อืม”
ดวงตาของภรรยาเขาช่างเปล่งประกายสดใส ทำให้ปัญหาในหัวใจถูกปัดเป่าไป เขาดึงนางเข้ามากอดลูบหลังของถังหลี่เบาๆ
“นอนเถอะ”
…….
วันถัดมา
เว่ยฉิงตื่นแต่เช้า อาบน้ำแล้วคว้าซาลาเปากินไปสองลูก ทำท่าจะออกไปข้างนอก
“ใต้เท้าขอรับ” สวี่จื่อเหวินมารอตั้งแต่เช้าตรู่
เว่ยฉิงมองดูเขา ชายผู้นี้ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะ ใบหน้าดูซีดเซียวแต่เขากลับอารมณ์ดี
“ใต้เท้ากำลังจะไป..”
“ข้าจะไปเยี่ยมหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม” เว่ยฉิงบอกเขาง่ายๆ
“ข้าขอนำทางไปให้ขอรับ”
“แต่อาการบาดเจ็บของท่าน…” เว่ยฉิงมองหน้าผากของเขาแต่สวี่จื่อเหวินไม่ได้สนใจ
“ไม่ใช่ปัญหาขอรับ”
สวี่จื่อเหวินเป็นคนนำทางเว่ยฉิง โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมน้ำ ช่างฝีมือพร้อมกับองค์รักษ์เงาทั้งสองคนไปยังหมู่บ้าน
ถนนที่ไปหมู่บ้านดูสกปรกมากกว่าในเมืองมากนัก
หลังจากพวกเขาเดินทางมาครึ่งวัน สวี่จื่อเหวินก็พาขึ้นไปยังภูเขาสูงใหญ่
“ใต้เท้า ที่นี่คือตำแหน่งที่ดีที่สุด ในการดูสถานการณ์น้ำท่วมที่หมู่บ้านด้านล่างขอรับ” สวี่จื่อเหวินกล่าว
“ตรงนั้นเดิมคือหมู่บ้านเหอกู่” เว่ยฉิงมองไปยังทิศทางที่เขาชี้ ตอนนี้หมู่บ้านเหอกู่จมอยู่ใต้น้ำไม่มีแม้แต่หลังคาโผล่มาให้เห็น
“จากนั้นก็มีหมู่บ้านช่างกู่ เซี่ยกู่ ที่อยู่ถัดไปจากบ้านเหอกู่ขอรับ”
สวีจื่อเหวินกล่าว เว่ยฉิงมองไปรอบๆ มีซากปรักหักพังของทั้งสองหมู่บ้านมองเห็นอยู่ไกลๆ
“ตอนนี้ระดับน้ำกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ หมู่บ้านที่จะตกอยู่ในอันตรายเป็นอันดับถัดไปคือหมู่บ้านเฉินเจียขอรับ” สวี่จื่อเหวินพูดอีกครั้ง
เว่ยฉิงเห็นว่าหมู่บ้านนั้นอยู่บนที่สูง แต่บางแห่งก็ถูกน้ำท่วมไปแล้ว
“ตอนนี้ทุกอย่างที่สามารถขนย้ายได้ถูกย้ายไปหมดแล้วขอรับ มีเหลืออยู่บางส่วนเท่านั้น..”
“เฮ้อ..” สวี่จื่อเหวินถอนหายใจ
เรื่องสำคัญคือที่พักอาศัย จะทำอย่างไรหากฝนไม่หยุดตกหรือน้ำไม่ยอมลด? อันตรายจากน้ำจะมาตอนไหนไม่มีใครรู้
“ใต้เท้าสวี่คิดว่าเรื่องอะไรเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้” เว่ยฉิงถาม
“ขั้นแรกต้องดูความปลอดภัยและอพยพทุกคนออกจากพื้นที่ก่อน จากนั้นต้องควบคุมน้ำให้ได้ขอรับ”
เว่ยฉิงมองไปยังเจ้าหน้าที่ควบคุมน้ำและช่างฝีมือ
“เจ้าคิดอย่างไร?”
“ใต้เท้า การแก้ปัญหามีอยู่สองวิธีคือหนึ่งทำเขื่อนปิดกั้นน้ำและการขุดลอก แต่ตอนนี้น้ำใกล้เข้ามามากแล้ว ข้าคิดว่าการขุดลอกนั้นออกจะสายเกินไปเสียแล้ว เราจึงควรทำทางเขื่อนปิดกั้นน้ำก่อนขอรับ” เจ้าหน้าที่ในการควบคุมน้ำบอก
“จะปิดกั้นตรงไหน?” เว่ยฉิงถาม
“ข้าเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก อาจจะต้องใช้เวลาสองสามวันขอรับ” เขาตอบ
“ใต้เท้าดูนั่น” เว่ยฉิงหันหน้าไปมอง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ภาพที่เขาเห็นคือมวลน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวกรากลงมา
“น้ำป่าจากภูเขา!” สวี่จื่อเหวินร้อง
“หมู่บ้านเฉินเจียกำลังจะถูกซัดแน่ ข้าต้องรีบไปแจ้งให้พวกเขาหนีโดยเร็ว!” สวี่จื่อเหวินลงเขาอย่างกระวนกระวาย
“ข้าจะไปด้วย” เว่ยฉิงกล่าว เว่ยฉิงรีบลงจากภูเขาอย่างรวดเร็ว
…..
ที่ศาลาว่าการ
ไม่นานหลังจากที่เว่ยฉิงลุกออกไป ถังหลี่ก็ตื่นนอนเช่นกัน มื้อเช้าของถังหลี่นั้นมีหลากหลาย มีทั้งโจ๊ก เครื่องเคียงและขนมอบ
“ใต้เท้าอู่กินอะไรเป็นอาหารเช้าหรือ?” ถังหลี่ถาม
“ใต้เท้า…ใต้เท้ากินซาลาเปาไปสองลูกเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้รีบพูดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับอาหารที่ต้องเตรียมไว้ให้ใต้เท้าฉู่แล้ว อาหารเช้าของใต้เท้าอู่และฮูหยินเรียกได้ว่าเรียบง่าย แตกต่างจากเจ้านายคนก่อนของเขามาก ทูตจากราชสำนักได้รับการแต่งตั้งจากองค์ฮ่องเต้แต่เขาไม่ถือตัวเลย
“ข้ากินได้ทุกอย่างเหมือนที่ใต้เท้าอู่กิน ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษให้ข้าหรอก” ถังหลี่กล่าว
“เจ้าค่ะฮูหยิน” สาวใช้รับคำ
“เจ้ามาจากไหนหรือ?”
“บ่าวมาจากหมู่บ้านเฉินเจียเจ้าค่ะ” ชิวเยว่พูดขึ้นในตอนที่พูดดวงตาของนางก็เป็นสีแดง
“หมู่บ้านเฉินเจียหรือ?” ถังหลี่จำได้ หมู่บ้านแห่งนั้นอยู่ใกล้กับหมู่บ้านที่ประสบอุทกภัย ไม่น่าแปลกใจที่นางจะเศร้าแบบนี้ อาจจะเพราะเป็นห่วงครอบครัวของตนก็เป็นไปได้
เมื่อต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติแล้ว มนุษย์นั้นอ่อนแอมากเกินไป พวกเขาทำได้แต่เพียงใช้กำลังที่มีอยู่น้อยนิดบรรเทาความทุกข์ยากให้น้อยลงเท่านั้น
ถังหลี่คิดถึงสองพี่น้องสกุลฟ่านที่แจกโจ๊กที่อยู่ริมถนน
“ไปเดินเล่นกับข้าหน่อยเถอะ” ถังหลี่เอ่ยชวน
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
ทั้งสองเดินออกจากศาลาว่าการ ที่ด้านนอกนั้นฝนได้หยุดตกแล้ว ชิวเยว่มองท้องฟ้าและอธิษฐาน สวรรค์ ขออย่าให้ฝนตกอีกเลย!
เมื่อนางรู้สึกตัวก็เห็นถังหลี่กำลังรออยู่ นางจึงรีบตามไปทันที
“เจ้ารู้จักพี่สองสกุลฟ่านที่แจกจ่ายอาหารให้หรือไม่?”
“ข้ารู้แต่ว่านายท่านฟ่านและแม่นางฟ่านเป็นคนดีมาก” ชิวเยว่กล่าว
สกุลฟ่านเป็นสกุลใหญ่ในเมืองเหอกู่ นายท่านฟ่านเป็นคนใจดีและใจกว้าง
“แต่ใต้เท้าฉู่ไม่ชอบพวกเขาเจ้าค่ะ” ชิวเยว่พูด
“ในตอนแรกเจ้าเมืองฉู่อยากจะแต่งงานกับแม่นางฟ่าน แต่นางปฏิเสธ”
ใครๆ ก็รู้ว่าหากแม่นางฟ่านได้แต่งงานกับใต้เท้าฉู่ ชีวิตของนางคงได้ดิ่งลงเหวเป็นแน่ โชคดีที่นางหลุดรอดไปได้
“หลังจากนั้นเจ้าเมืองก็เพ่งเล็งสกุลฟ่าน แต่นายท่านฟ่านส่งเงินให้กับเจ้าเมืองฉู่เป็นจำนวนมากทุกปี เขาจึงปล่อยสกุลฟ่านไป” ชิวเยว่กล่าว
คิดถูกแล้วจริงๆ
ชายแซ่ฉู่ที่สามีของนางบั่นคอไปนั้นเป็นขุนนางที่ชั่วร้ายจริงๆ
ทั้งสองคนเดินไปทางทิศเหนือของเมืองจากนั้นฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ชิวเยว่รีบกางร่มเพื่อบังสายฝนให้กับถังหลี่ แต่เพราะลมที่กระโชกแรงจนร่มเกือบปลิวทำให้นางไม่สามารถถือร่มให้นิ่งได้ ที่ชายเสื้อของถังหลี่จึงเปียกฝนมากขึ้น หญิงสาวหน้าซีดด้วยความตกใจ
“…ฮู…ฮูหยิน”
หากบ่าวรับใช้ทำเรื่องที่ผิดพลาดขึ้นมา พวกนางจะต้องถูกเฆี่ยนจนตายอย่างแน่นอน แต่ถังหลี่ไม่ได้มีท่าทีโมโหนางเลย
“ไม่เป็นไร ข้าถือร่มเอง”
ฮูหยินไม่ตำหนินาง ชิวเยว่รีบถอยหลังไปสองก้าวทันที นางไม่กล้าแม้แต่จะอยู่ใต้ร่มคันเดียวกับถังหลี่ แต่ทว่าถังหลี่กำด้ามร่มเอาไว้แล้วถอยหลังไปสองก้าวเพื่อบังฝนให้แก่นาง
“ฮูหยินเจ้าคะ…”
“ร่มคันนี้ใหญ่พอสำหรับคนสองคน รีบไปเถอะ” ถังหลี่กล่าว
“ฮูหยินบ่าวเป็นสาวใช้ ไม่ต้องมีร่มก็ได้เจ้าค่ะ”
“นี่เจ้าจะไม่ฟังข้าหรือ?” ถังหลี่ถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ชิวเย่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินตัวสั่นตามถังหลี่ไป นางพยายามห่อตัวให้เหมือนลูกบอลเล็กๆ ใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุด เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้านายจะกางร่มให้บ่าวรับใช้เช่นนาง แต่ฮูหยินที่มาจากเมืองหลวงผู้นี้แตกต่างออกไป ดีจริงๆ