บทที่ 457 กำหนดยุทธศาสตร์ควบคุมน้ำ
หลังจากที่ซักถามแล้วจางตงพ่านมองไปที่สวี่จื่อเหวินเพื่อดูว่าจะมีความคิดเห็นที่ดีไปกว่าเขาได้อย่างไร?
“ข้าคิดว่าเราควรสร้างเขื่อนตรงนี้เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของแม่น้ำขอรับ”
“ใต้เท้าสวี่ ถ้าเราสร้างเขื่อนตรงนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านทั้งห้านี้?” จางตงพ่านชี้ไปยังหมู่บ้านทั้งห้า พร้อมกับพูดจาใส่อารมณ์
“ช่วยไม่ได้ที่ห้าหมู่บ้านนี้จะ..”
“ใต้เท้าสวี่ ท่านเป็นเจ้าเมืองเหอกู่แต่จะไม่สนใจความปลอดภัยของชาวบ้านได้อย่างไร?”
ใบหน้าของสวี่จื่อเหวินแดงก่ำจากสิ่งที่จางตงพ่านพูดออกไป เขาต้องการรักษาหมู่บ้านทั้งห้าไว้แต่ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย ในช่วงที่กำลังจนมุมเว่ยฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
“ทำตามที่เหล่าสวี่พูดเถอะ”
สวี่จื่อเหวินมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับเว่ยฉิงมากที่สุด การสร้างเขื่อนในตำแหน่งที่สวี่จื่อเหวินชี้ จะทำให้น้ำไหลไปยังที่รกร้างย่อมจะดีกว่าไหลท่วมหมู่บ้าน ดังนั้นการสร้างเขื่อนในตำแหน่งนั้นย่อมดีที่สุด
“ใต้เท้าอู่แล้วหมู่บ้านทั้งห้านี้…” จางตงพ่านพูดขึ้น
“ท่านมีวิธีรักษาหมู่บ้านทั้งหมดไว้ไหม?” เว่ยฉิงถาม
“อย่างที่ท่านพูด พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านพวกนี้จะกลายเป็นแอ่งรับน้ำก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่ทะเล”
จางตงพ่านไม่สามารถโต้แย้งได้เขาจึงได้แต่หุบปากของตนเอง
“คนของหมู่บ้านทั้งห้านี้ต้องย้ายออกไป จื่อเหวิน ท่านเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้” เว่ยฉิงพูดสวี่จื่อเหวินตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ขอรับใต้เท้า”
“เหล่าจาง” เว่ยฉิงพูด
“ท่านมีหน้าที่คัดเลือกช่างฝีมือภายในสามวันและต้องรับสมัครคนเพิ่มอีกสามพันคน” เว่ยฉิงพูดขึ้น
“ขอรับใต้เท้า”
เว่ยฉิงออกคำสั่งทีละคน จากนั้นพวกเขาจึงได้แยกย้ายกันไปทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย
ถังหลี่มองไปที่ชิวเยว่ที่ยืนรออยู่ด้านข้าง
“ครอบครัวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างหรือ?” ถังหลี่ถาม
ชิวเยว่คุกเข่าต่อหน้าถังหลี่
“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ ครอบครัวของบ่าวปลอดภัยทุกคนแล้ว” ดวงตาของชิวเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่อคืนวานนางได้เห็นกับตาว่าครอบครัวของนางสุขสบายดี ย่าของนางปลอดภัยเพราะใต้เท้าอู่ หากไม่ใช่เพราะเขา… นางไม่อยากจะคิดเลย
“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ” ถังหลี่กล่าว
ชิวเยว่ลุกขึ้นและจารึกความเมตตานี้ลงใจของตนเอาไว้ นางสาบานว่าจะตอบแทนถังหลี่ให้ได้แม้จะต้องเป็นวัวหรือม้าให้หญิงสาวก็ตาม
ถังหลี่เงยหน้าขึ้นเห็นเว่ยฉิงเดินเข้ามา เขาเดินตรงมาหาถังหลี่จุมพิตที่หน้าผากของนาง แต่เหมือนจะยังไม่พอใจ เขาจุมพิตที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางอีกด้วย
ชิวเยว่ก้มหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางแดงขึ้น ทูตจากราชสำนักผู้นี้ดูน่ากลัวมาก แต่เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าภรรยากลับกลายเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและรักใคร่นางมาก
“ฮูหยิน ข้าจะไปสร้างเขื่อน” เว่ยฉิงพูด
“อืม…ท่านระวังตัวด้วย” ถังหลี่กล่าว
หลังจากการเดินทางไปครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าจะกลับมาหานางได้เมื่อไหร่ ถังหลี่โอบแขนไว้ที่รอบเอวของสามีไว้ เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
“ไม่ต้องห่วง ข้าได้รับพรจากฮูหยินแล้ว”
หูของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที พวกเขาคลอเคลียกันอยู่สักพัก เว่ยฉิงจึงได้ปล่อยนางไป
“ฮูหยินข้าไปก่อนนะ”
“อืม”
เว่ยฉิงเดินไปที่ประตูก่อนจะหยุดเท้าและหันกลับไป
“ข้าจะไปแล้วจริงๆ นะ”
“ข้าจะรอการกลับมาของท่าน” ถังหลี่ยิ้ม
เว่ยฉิงมองภรรยาของเขาอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นจึงได้ออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว
ถังหลี่ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน นางไปที่ชุนเหมียนที่เคยเป็นสถานเริงรมย์แต่ตอนนี้กับอัดแน่นไปด้วยผู้ประสบภัย ตอนนี้พวกเขามีที่พักพิงไม่ต้องตากลมตากฝนอีกต่อไปทำให้ทุกคนอารมณ์ดีขึ้นมาก
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าทูตจากราชสำนักผู้นี้เป็นคนมีความสามารถ วันนั้นเขาเข้ามาเห็นใต้เท้าฉู่ร่ำสุราเคล้านารีเขาเข้าไปจัดการทันที”
“เจ้าเมืองฉู่รังแกประชาชนเขาปฏิบัติกับผู้คนราวกับสัตว์ การที่เขาถูกลงโทษเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว!”
“อีกอย่างฮูหยินของท่านทูตเป็นคนอนุญาตให้พวกเราย้ายมาที่นี่”
“ทั้งสองคนเป็นคนดีจริงๆ”
ถังหลี่ได้ฟังบทสนทนาเหล่านั้น นางยิ้มออกมา เดินตรงไปหาฟ่านเยว่ซี เห็นนางกำลังนึ่งข้าวอยู่ในครัว ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ทำไมถึงไม่ให้คนอื่นทำ?” ถังหลี่ถาม
“พวกเขามีงานล้นมือ ส่วนตัวข้าว่างงาน” ฟ่ายเยว่ซีเอ่ยตอบ ถังหลี่เดินไปหา
“ข้าทำเองเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
“ไม่ต้อง…”
“เชื่อฟังข้าเถอะ”
ฟ่านเยว่ซีลุกขึ้นมองไปยังถังหลี่
นางจุดไฟอย่างทะมัดทะแมง ทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ใครจะคิดว่าแท้จริงแล้วนางเป็นถึงฮูหยินของท่านทูต ถังหลี่เห็นนางมองตนเองจึงได้เอ่ยถามว่า
“เจ้ามองอะไรหรือ?”
“ข้าไม่เคยเห็นฮูหยินของขุนนางทำงานเช่นท่านเลย” ฟ่านเยว่ซีกล่าว ถังหลี่ไม่ได้ถือตัวแต่อย่างใด นางเรียบร้อยและอ่อนโยน
“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่รู้จักข้า” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบ แต่คนแบบถังหลี่นั้นหาได้ยากต่างหาก
“ถ้ามีท่านทูตและฮูหยินอยู่ที่นี่ เมืองเหอกู่คงรอดอย่างแน่นอน”
“สามีข้าและข้าจะทำให้ดีที่สุด” ถังหลี่พูด และมองไปยังฟ่านเยว่ซี
“เจ้าและพี่ชายก็ทำได้ดีมากเช่นกัน”
เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นแม้จะไม่มีกำลังคนมากนักแต่พวกเขาก็เต็มใจทำหน้าที่ของตนอย่างสุดกำลัง พวกเขาควรค่าแก่การชื่นชม
ฟ่ายเยว่ซีย้ายม้านั่งขนาดเล็กมานั่งลงข้างถังหลี่
“ท่านพ่อสอนเราไว้ตั้งแต่เด็กว่าต้องช่วยเหลือคน ที่จริงแล้วท่านพ่อของข้าเป็นเด็กกำพร้า เมื่อโตขึ้นพอจะมีเงินทอง เขาพูดว่าเมืองเหอกู่นับเป็นผู้มีพระคุณของเขาที่ทำให้กิจการขยับขยายได้ เขาไม่เคยลืมเลย”
ฟ่านเยว่ซีเล่าให้นางฟัง ถังหลี่เองก็ชื่นชมที่บิดาของสองพี่้น้องได้เลี้ยงดูให้พวกเขาเติบโตมาเป็นคนดีถึงเพียงนี้
“ในฤดูน้ำหลากเช่นนี้มณฑลเหอกู่นั้นเดือดร้อนเสมอ ถ้าโชคดีก็แค่น้ำท่วม หากโชคไม่ดีก็คือบ้านช่องจะหายไป หลังจากน้ำลดจึงกลับไปสร้างบ้านได้ใหม่อีกครั้ง ผู้คนในเมืองของเรายากจนมากและมีชีวิตที่ลำบากมาตลอด ความปรารถนาสูงสุดของพวกเขาคือการได้ใช้ชีวิตและทำงานหาเลี้ยงชีพโดยไม่มีภัยน้ำท่วม”
“ใต้เท้าซ่งเป็นคนดี ตอนนั้นใครๆ ก็คิดว่าเขาจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้”
ฟ่านเยว่ซีจำได้ว่าใต้เท้าซ่งเป็นคนที่เต็มไปด้วยความหวัง
“แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สวรรค์ช่างไม่มีตาสักนิด”
ถังหลี่รู้ว่าใต้เท้าซ่งเป็นคนมีความสามารถในการบริหารจัดการน้ำ น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปในเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อห้าปีก่อน แต่ก็ยังทิ้งผลงานเอาไว้มากมาย ความปรารถนาของเขาคือการเห็นประชาชนไม่เดือดร้อนจากอุทกภัยแต่น่าเสียดายที่เขาได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว
“ใต้เท้าทำงานหนักหลายปี แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายโดยคนแซ่ฉาง!” ฟ่านเยว่ซีกัดฟัน
“เขาทำอะไรหรือ?”
“หลังจากที่ใต้เท้าซ่งจากไป คนแซ่ฉางผู้นี้เข้ามาทำงานในส่วนของใต้เท้าซ่งทำให้น้ำท่วมหนักขึ้นกว่าเดิม” ฟ่านเยว่ซีพูดขึ้น
แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตจากน้ำท่วมในครั้งนั้นแต่เขาก็เป็นนับได้ว่าคนบาปในสายตาของชาวเมืองเหอกู่ ทุกคนต่างเกลียดชังเขา
ถังหลี่รู้สึกว่านามสกุลนี้ค่อนข้างคุ้นเคยมาก