เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 458 ผู้มีพรสวรรค์ในการควบคุมน้ำ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 458 ผู้มีพรสวรรค์ในการควบคุมน้ำ

ศาลาว่าการ

“อะไรนะ? ทูตจากราชสำนักประหารหลานชายข้า?” เจ้าคณะมณฑลหลู่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

“ขอรับใต้เท้า”

คนที่มารายงานคือบ่าวรับใช้ของใต้เท้าฉู่ที่แอบเดินทางออกมาจากเมืองเหอกู่ ภายในสองวัน

“ไร้เหตุผล! ไร้เหตุผลสิ้นดี!” หลู่จวิ้นโฉ่วโกรธจนแทบกระอักเลือด เขาไม่คิดเลยว่าทูตจากราชสำนักผู้นั้นจะอำมหิตโหดร้ายถึงเพียงนี้ แม้ว่าหลานชายของเขาจะไม่ได้เป็นคนดิบดีมากนักแต่เขาก็ไม่ได้มีความผิดอะไร! นี่เป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบหรือไม่!

โธ่…หลานชายผู้น่าสงสารของเขา…

ไม่ได้การ…เขาจะต้องล้างแค้นให้หลานชายให้ได้! รังสีอำมหิตสาดส่องในแววตาของหลู่จวิ้นโฉ่ว

“ถ้าครั้งนี้เขาไม่สามารถควบคุมบริหารจัดการน้ำได้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ขนาดเหล่าซ่งผู้นั้นยังทำไม่ได้เลย”

เมื่อถึงตอนนั้นหากเขาจัดการไม่ได้ ใต้เท้าอู่จะต้องสิ้นชื่ออย่างแน่นอน เขาเพียงแต่ ‘รอ’ เท่านั้น

หลู่จวิ้นโฉ่วเรียกคนสนิทสองคนไปที่เหอกู่เพื่อรอเวลาที่จะสร้างปัญหาให้ทูตจากราชสำนักผู้นั้น

….

หลังจากนั้นไม่กี่วัน

ฝนยังคงตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ถังหลี่ไม่ได้พบกับสามีของนางมาเป็นเวลาห้าวันเต็มๆ แล้ว นางไม่รู้เลยว่าการก่อสร้างเขื่อนไปถึงไหนแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วสามีของนางก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอย่างใต้เท้าซ่ง ถังหลี่ไม่มีทางเลือกจึงวิ่งไปที่ชุนเหมียนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกวัน และในทุกๆ วันก็มีผู้ประสบภัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ยอดพุ่งไปถึงสี่พันคนแล้ว

ถังหลี่มาที่ชุนเหมียนเป่ยหยวน นางพบกับสวี่จื่อเหวินและเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านก่อสร้าง พวกเขากำลังมองหาผู้ประสบภัยที่แข็งแรงเพื่อไปช่วยสร้างเขื่อน

“ใต้เท้า ข้าขอสมัครไปขอรับ”

“สวรรค์ ข้าขอไปช่วยด้วย”

“นายท่าน ข้าไปด้วย!”

ในครั้งนี้มีผู้อาสาถึงสามร้อยคนโดยมีช่างฝีมือเป็นคนดูแลรับผิดชอบการลงทะเบียน ถังหลี่เดินเข้าไปหาสวี่จื่อเหวิน

“ใต้เท้าสวี่”

“ฮูหยินอู่” เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาทักทายด้วยความเคารพทันที

“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ถังหลี่ถาม

“ใต้เท้าอู่สบายดีขอรับ” สวี่จื่อเหวินพูด

ในการสร้างเขื่อนครั้งนี้ มีการขนหินก้อนใหญ่ที่หลายคนไม่สามารถยกได้ มีเพียงใต้เท้าอู่คนเดียวเท่านั้นที่ยกหินหนักๆ ได้ ทำให้เกิดขวัญกำลังใจขึ้นกับบรรดาแรงงานเหล่านั้น สวี่จื่อเหวินเป็นพวกบัณฑิต เขาไม่ได้มีพละกำลังมาก เขาจึงทำงานตรงส่วนอื่นเพื่อช่วยเหลือใต้เท้า บ่อยครั้งที่เห็นใต้เท้าอู่เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน เบ้าตาเขาเป็นสีแดงขึ้นมา แต่เขาไม่อาจพูดเรื่องนี้ออกไปให้ฮูหยินเป็นกังวลได้

“กำลังพลไม่พอหรือ?”

“ขอรับ ฝนตกหนักตลอดเวลาทำให้แรงงานหลายคนล้มป่วยลงขอรับ”

สวี่จื่อเหวินพูดขึ้น

ถังหลี่รู้ดีว่าสามีของนางจะต้องทำงานกลางสายฝนเช่นกัน นางเม้มริมฝีปากแน่นนัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด

“ชิวเยว่” ถังหลี่เรียกสาวใช้

ชิวเยว่ส่งถุงผ้าให้กับสวี่จื่อเหวินทันที

“ใต้เท้าสวี่ นี่เป็นขนมที่ข้าทำเอง รบกวนฝากให้สามีข้าด้วยเถอะ” ถังหลี่พูด ของที่นางทำเองย่อมแตกต่างออกไป

“ขอรับ ข้าจะส่งให้ใต้เท้าเอง”

“ใต้เท้าสวี่ ท่านระวังตัวด้วย”

“ขอบคุณฮูหยิน” เขารู้สึกยินดีมากที่ได้ช่วยเหลือถังหลี่ แม้จะเป็นเพียงแค่ส่งขนมเล็กๆ น้อยๆ ให้สามีของนาง

สวี่จื่อเหวินมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เขาจึงต้องรีบออกจากเมืองเหอกู่อย่างรวดเร็ว เขารีบไปที่สถานที่ก่อสร้าง ทันใดนั้นเขาก็เห็นเว่ยฉิงกำลังทำงานอยู่ท่ามกลางสายฝน ในตอนที่เขาพักเหนื่อย สวี่จื่อเหวินจึงเดินเข้าไปหา

“ใต้เท้า ข้ากลับมาจากเมืองแล้วได้กำลังคนเพิ่มมาอีกสามร้อยคน อีกไม่นานเหล่าจางจะพาพวกเขามาที่นี่”

ผมของเว่ยฉิงเปียกน้ำมีน้ำไหลลงมาตามกรอบหน้าของเขา ชายหนุ่มไม่ใส่เสื้อทำให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและบาดแผลทั้งเก่าและใหม่มากมาย

“ท่านได้เจอภรรยาของข้าหรือไม่”

“เจอขอรับ” สวี่จื่อเหวินยื่นถุงผ้าให้เว่ยฉิง

“ฮูหยินฝากข้ามาให้กับท่าน เป็นขนมที่นางทำขึ้นมาเอง”

เว่ยฉิงรีบหยิบถุงผ้าไปเปิดออกเห็นว่าด้านในเป็นขนมรูปร่างต่างๆ เขานึกภาพออกว่าในตอนที่ทำขนมเหล่านี้ภรรยาของเขามีท่าทางเช่นไร

นางคงค่อยบรรจงปั้นทีละนิดๆ ด้วยท่าทางที่จริงจัง แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาแตกต่างจากที่นางจินตนาการเอาไว้นางคงทำท่าหงุดหงิดอย่างชวนเอ็นดู

เว่ยฉิงทำงาน เขาไม่กลัวเหนื่อย แต่ปัญหาอย่างเดียวของเขาก็คือ เขาคิดถึงภรรยามาก

เขาจ้องมองขนมอบ หยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นส่งให้สวี่จื่อเหริน แม้เขาจะรู้สึกปลื้มใจแต่ก็โบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่ได้ขอรับ ฮูหยินทำให้ท่าน ข้าไม่กล้ารับ”

“ข้าจะถามว่าเจ้าเห็นเป็นรูปอะไร?”

สวี่จื่อเหวิน “………………”

“คืออะไรหรือขอรับ ข้าน้อยตาไม่มีแวว”

“นี่คือหมู” เว่ยฉิงพูด สวี่จื่อเหวินมองขนมหน้าตาแปลกๆ

“…ฮูหยินช่างมีฝีมือจริงๆ”

“อืม” มุมปากของเว่ยฉิงยกขึ้นสูงทันที

เว่ยฉิงกัดขนมเข้าไป รสชาติดีมาก ขนมชิ้นนี้เหมือนกับยาเพิ่มพลัง กินเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายของเขารู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมา

“ภรรยาของข้าจะปั้นขนมแบบนี้ให้ ยามที่นางอยากทำขนมให้ข้าเท่านั้น” เว่ยฉิงโอ้อวด

“ต่อให้ข้าบอกนางว่าอย่าได้ลำบากทำเลย นางก็ไม่เชื่อฟัง ดูสิ! อันนี้เป็นรูปหัวใจ”

สวี่จื่อเหริน “…………”

แม้เขาจะไม่ได้กินขนมสักชิ้นแต่พลอยอิ่มใจไปกับใต้เท้าอู่ด้วย เว่ยฉิงกินขนมจนหมด จากนั้นจึงยืนขึ้นดูเขื่อนที่กำลังก่อสร้างอยู่ หากจะพูดถึงการควบคมบริหารจัดการน้ำแล้ว เขาและเจ้าหน้าที่ที่มาด้วยกันไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจเหนือไปกว่าคนทั่วไปมากนัก เขาจึงจำเป็นต้องอาศัยแรงกายของทุกๆ คนเพื่้อที่จะสร้างเขื่อนขึ้นมา ช่วงเวลาห้าวันที่ผ่านมานี้ เขาประสบปัญหามากมายที่ยังแก้ไขไม่ได้

“ข้ารู้สึกเหมือนเป็นคนตาบอดเมื่อต้องควบคุมปริมาณน้ำเช่นนี้” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา สวี่จื่อเหวินพยักหน้าเห็นด้วย

“คงจะดี หากใต้เท้าซ่งยังอยู่…”

ห้าปีที่ผ่านมามาตรการควบคุมน้ำของใต้เท้าซ่งดีมาก เพียงแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนักเพราะเจ้าคณะมณฑลหลู่และเจ้าเมืองฉู่ขัดแข้งขัดขาเขา ต่อให้ทุ่มแรงกายเป็นสองเท่าก็ได้ผลแค่เพียงส่วนเดียวเท่านั้น

หากใต้เท้าซ่งยังอยู่และมีทูตจากราชสำนักอย่างใต้เท้าอู่อยู่ด้วยแล้ว เขาคงไม่ต้องกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในมณฑลอี้โจวอีกต่อไป สวี่จื่อเหวินถอนหายใจเบาๆ เว่ยฉิงไม่ได้พูดอะไร แม้แต่ผู้วิเศษยังไม่สามารถควบคุมน้ำได้ ชายหนุ่มเดินฝ่าฝนลงมือทำงานอีกครั้ง

…..

ชุนเหมียนเป่ยหยวน

“พี่ชาย พวกเราเหลือเงินอีกเท่าไหร่หรือ?” ฟ่านเยว่ซีถาม

ตอนนี้ในศูนย์พักพิงมีผู้ประสบภัยมากกว่าห้าพันคน อาหารสำหรับคนทั้งหมดนี้เป็นปัญหาให้ แม้ว่าราชสำนักจะส่งทูตมาช่วยเหลือ แต่คลังเก็บข้าวเพียงแห่งเดียวไม่สามารถบรรเทาทุกข์ทั้งหมดได้ คงอยู่ได้ไม่เกินอีกสองสามวันเท่านั้น

“เหลือไม่กี่ร้อยตำลึง คงอยู่ได้ไม่กี่วัน” ฟ่านหยวนเว่ยกล่าว น้องสาวของเขาขมวดคิ้วทันที

อีกไม่กี่วัน…ทุกคนจะเอาอะไรกิน?

หากยังควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมไม่ได้ จำนวนผู้ประสบภัยเหล่านี้ก็จะเพิ่มมากขึ้น ถังหลี่เดินมาหาพวกเขายื่นถุงเงินให้

“นี่คือเงินห้าพันตำลึง” ถังหลี่กล่าว

“ฮูหยินนี่…” หญิงสาวประหลาดใจมาก

“ข้านำเงินมาเพราะคิดว่าจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมอยู่แล้ว พวกเจ้าเก็บเอาไว้ใช้เถอะ” ถังหลี่อธิบาย

ฟ่านเยว่ซีรับเอาไว้ มองถังหลี่พลางพยักหน้า หากมีเงินจำนวนนี้ก็จะช่วยผู้ประสบภัยได้นานขึ้น

เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกแล้วถังหลี่จึงออกจากชุนเหมียนเป่ยหยวนเพื่อเดินทางกลับไปที่ศาลาว่าการ นางเดินอยู่บนถนนกับชิวเยว่แต่แล้วกลับเห็นคนผู้หนึ่งนอนนิ่งอยู่ที่กลางถนนไม่รู้เป็นตายอย่างไร

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท