เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 461 เว่ยฉิงสนับสนุนฉางหยู

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 461 เว่ยฉิงสนับสนุนฉางหยู

เว่ยฉิงมองฉางหยูเห็นชายหนู่มหน้าตาดีผู้หนึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าถังหลี่พาชายผู้นี้มาหาเขาทำไม?

“ฮูหยิน” เว่ยฉิงสับสน

“คุณชายฉางรู้วิธีการควบคุมน้ำ” ถังหลี่พูด

สายตาหลายคู่ที่มองมาทำให้นางรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง

“เว่ยฉิง ปล่อยข้าก่อน” ถังหลี่พูดเบาๆ

เว่ยฉิงจึงได้วางนางลงแต่เขายังคงโอบรอบเอวของนางไว้

“คุณชายฉางเป็นผู้มีพรสวรรค์มาก เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมน้ำ”

ถังหลี่เอ่ยชมอีกครั้ง จนทำให้ฉางหยูแทบลอยขึ้นฟ้า ความจริงแล้วฉางหยูรู้สึกละอายใจเมื่อพูดถึงตัวเอง เขาเป็นคนสกุลฉางเป็นน้องชายของฉางเหยียน พวกเขาเรียนรู้กลยุทธ์การควบคุมน้ำจากใต้เท้าซ่ง พวกเขาอยู่กับใต้เท้าซ่งมาถึงห้าปี

ห้าปีก่อนใต้เท้าซ่งเสียชีวิต

พี่ชายของเขาก็ได้รับสืบทอดวิชามาจากใต้เท้าซ่ง ตัวเขาไม่เห็นด้วยกับมาตรการควบคุมน้ำของพี่ชาย เขาเคยคัดค้าน แต่พี่ชายของเขาก็เอาแต่ใจและกีดกันเขาออกจากทีมควบคุมอุทกภัย

เขาเห็นด้วยกับวิธีการใต้เท้าซ่งมาตลอด แต่ใต้เท้าซ่งก็เป็นเพียงแค่ปุถุชนทั่วไป แผนกลยุทธ์ควบคุมน้ำของเขาจึงมีช่องโหว่และไม่สมบูรณ์

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉางหยูจึงได้เดินทางไปทุกพื้นที่ในมณฑลอี้โจวเพื่อปรับปรุงวิธีการ แม้ว่าในตอนนี้จะสมบูรณ์แบบแล้ว แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมา จนกระทั่งได้ยินคำชมจากฮูหยินอู่ผู้นี้

“ฮูหยินกล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ”

ฉางหยูรีบพูดขึ้น

เว่ยฉิงรู้ว่าภรรยาของเขาไม่ใช่คนที่จะพูดจาเหลวไหลเกินจริง นางเป็นคนตรงไปตรงมา ฉางหยูผู้นี้น่าจะมีความสามารถจริงๆ

“คุณชายฉางมาช่วยข้าได้ทันเวลาพอดี” เว่ยฉิงกล่าว

เมื่อได้ยินว่าเว่ยฉิงพูด นั่นหมายถึง ทูตจากราชสำนักต้องการใช้งานเขา!

“เกิดปัญหาอะไรขึ้นขอรับ?” ฉางหยูถาม เว่ยฉิงชี้ไปที่เขื่อน

“เขื่อนจวนจะเสร็จแล้ว แต่เพราะกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวทำให้ไม่สามารถปิดประตูมังกรได้”

ฉางหยูเดินไปสองสามก้าวมองไปที่เขื่อน เว่ยฉิงจับมือของถังหลี่ไว้เดินไปดูเช่นกัน

หญิงสาวมองกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากเหมือนในความฝัน

นางแหงนมองท้องฟ้าเห็นว่ายังปลอดโปร่งไม่มีเมฆครึ้ม

แสดงว่าน้ำยังไม่ไหลบ่ามาทางนี้ พวกเขายังพอมีเวลา หากแก้ปัญหาได้เร็วที่สุด อาจจะป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นในความฝันได้

ฉางหยูยืนดูครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปที่ด้านข้างของเขื่อน เขานั่งยองๆ เพื่อสังเกตการไหลของน้ำ หลังจากมองอยู่สักพักจึงถอดรองเท้าออกและเดินลงไปในแม่น้ำ

เขาเดินไปตามคันดินจนถึงจุดประตูมังกร ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปมาอยู่หลายเที่ยว

“ฮูหยินเจ้าพบฉางหยูที่ไหนหรือ?” เว่ยฉิงถาม

“ข้าเก็บเขาได้”

ถังหลี่เล่าเรื่องราวชีวิตของฉางหยู เว่ยฉิงรู้เรื่องของตระกูลฉาง เขารู้ว่าฉางเหยียนเป็นคนมีชื่อเสียอย่างไร ผู้ชายคนนี้คือน้องชายของฉางเหยียน เขาเชื่อใจภรรยาของเขามาก ในเมื่อถังหลี่พาชายคนนี้มาแสดงว่าภรรยาของเขาเชื่อมั่นในตัวของฉางหยู เว่ยฉิงก็จะเชื่อในตัวเขาด้วย

เขาจะไม่รู้สึกอคติเพียงเพราะชายคนนี้คือน้องชายของฉางเหยียน ฉางหยูเดินวนไปมาอยู่ในแม่น้ำหลายรอบ ก่อนจะขึ้นมาหาเว่ยฉิง

“ใต้เท้าอู่ ข้ามีวิธีขอรับ”

เว่ยฉิงเรียกคนอื่นมาเพื่อมาฟังความคิดเห็นของฉางหยู

“คุณชายฉางบอกข้ามาเถอะ”

“การไหลของแม่น้ำตรงนี้เชี่ยวกรากมากเกินไป ทำให้ประตูมังกรไม่อาจปิดได้” ฉางหยูพูด

“ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เจ้ายังจะพูดทำไมอีก! ” จางตงพ่านพูดอย่างเย็นชา

เขาได้ยินว่าเว่ยฉิงได้ผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถควบคุมน้ำได้มาอีกคน เขาจึงอยากรู้ว่าคนผู้นี้เก่งกาจจริงหรือไม่? หากรู้เพียงแค่นี้ก็นับได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือ?

หรือนี่คือคุณสมบัติของผู้เชี่ยวชาญมากด้วยพรสวรรค์กันแน่?

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอุทกภัย ส่วนสวี่จื่อเหวินก็เป็นเพียงขุนนางธรรมดาผู้หนึ่ง ตอนนี้ยังมีเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอ้างว่าตัวเองคือผู้มีพรสวรรค์

ช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระจริงๆ

ฉางหยูไม่สนใจคำพูดเยาะเย้ยถากถางของจางตงพ่าน เขาหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาวาดลงบนพื้น

“นี่คือประตูมังกรตรงนี้ วิธีที่ข้าแนะนำคือตรงนี้และตรงนี้”

ฉางหยูทำเครื่องหมายสถานที่สองแห่งด้วยกิ่งไม้

“เราต้องสร้างประตูมังกรสามจุดเพื่อลดแรงปะทะของสายน้ำ จากนั้นจึงปิดประตูน้ำทั้งสามประตูในเวลาเดียวกัน”

คำพูดของฉางหยูทำให้ทุกคนมองเขาอย่างตกตะลึง

“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? นี่คือเขื่อนที่เราสร้างมา แต่เจ้าจะให้ทุบมันทิ้งหรือ?”

เหล่าจางพูดอย่างไม่เชื่อถือ

“ถูกต้อง มันจะมีประโยชน์อะไรที่ทำลายมัน”

“วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอก แล้วยังต้องสร้างประตูมังกรอีกสองจุด พวกเราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน”

“ใช่ หากเจ้าทุบมันทิ้ง เจ้ารับประกันได้หรือไม่ว่าเจ้าจะสามารถปิดประตูมังกรได้? นี่จะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นอีก”

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุทกภัยหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาไม่เชื่อในความคิดของฉางหยู

นี่คือความคิดแบบไหนกัน? แน่ใจหรือว่าไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวายเพิ่มขึ้น

“แต่ข้าคิดว่ามันเป็นไปได้นะ หากมีประตูมังกรสามแห่งทำให้แรงปะทะของน้ำลดน้อยลงหากประตูมังกรปิดลงพร้อมกันก็อาจจะเป็นไปได้”

เจ้าหน้าที่สูงอายุที่เคยมีประสบการณ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น เขาอายุมากกว่าผู้อื่นทั้งยังเป็นหัวหน้าช่างอีกด้วย คำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย

“คุณชายฉาง ใต้เท้าของข้าบอกว่าท่านเป็นผู้มีเชี่ยวชาญในการควบคุมน้ำ ข้าขอถามว่าท่านเรียนรู้เรื่องนี้มาจากใครหรือ? ท่านทำงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมากี่ปีแล้ว? ท่านช่วยบอกเพื่อให้พวกเรามั่นใจได้ไหม?” จางตงพ่านถามขึ้น

“ใช่แล้ว ท่านแซ่ฉาง เกี่ยวข้องกับฉางเหยียนหรือไม่?” ช่างผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น

“ฉางเหยียนเป็นพี่ชายของข้าเอง” ฉางหยูตอบอย่างตรงไปตรงมาคำพูดของเขาก็ทำให้ท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไป

“เป็นพวกแซ่ฉางนี่เอง! หากเป็นความคิดของคนแซ่ฉางแล้วจะน่าเชื่อถือได้อย่างไร!”

“ใต้เท้าอู่ ฉางเหยียนผู้นี้เป็นคนไม่น่าเชื่อถือของมณฑลอี้โจว! น้องชายของเขาจะต้องไม่ใช่คนดีแน่ ท่านอย่าไว้ใจเขาเชียว!”

“ใช่! เขาต้องคิดร้ายแน่!”

“นายท่านอย่าไปฟังเขานะขอรับ”

แม้แต่หัวหน้าช่างที่เคยสนับสนุนฉางหยูตอนนี้ก็มีความลังเลทำให้ฉางหยูหน้าซีดลง ใต้เท้าอู่จะเชื่อเขาหรือ?

ในสถานการณ์เช่นนี้คำแนะนำของเขาคงไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแน่นอน ฉางหยูคลี่รอยยิ้มสมเพชตนเองออกมา

ถังหลี่เชื่อมั่นในตัวฉางหยู นางมองไปที่เว่ยฉิงเขาพยักหน้าให้

เมื่อมองไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ตอนนี้มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว เขาต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด!

“ทำตามที่ฉางหยูแนะนำ” เว่ยฉิงกล่าว

“ใต้เท้า! หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”

จางตงพ่านพูดอย่างร้อนรน ใต้เท้าอู่เอาแต่ใจตนมากเกินไปแล้ว นี่เขากำลังจะฆ่าพวกเขาหรืออย่างไร?

“หากผิดพลาดขึ้นมา ข้าจะรับผิดชอบเอง!!” เว่ยฉิงพูดเสียงดัง ดวงตาของจางตงพ่านสั่นไหวเขาจะรับผิดชอบทั้งหมดจริงหรือ?

เขาไม่พอใจในตัวเว่ยฉิงเป็นอย่างมาก หากภัยพิบัติจากน้ำท่วมในครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี นั่นจะทำให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างแน่นอน เขาจึงหวังให้เกิดความล้มเหลว เพราะถ้าทำไม่สำเร็จแล้ว ใต้เท้าอู่จะต้องถูกตัดสินลงโทษ อนาคตของเขาจะพังพินาศลง

“ใต้เท้าอู่! ข้าแนะนำท่านแล้ว หากท่านจะยืนยันเช่นนี้ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้” จางตงพ่านตัดสินใจ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท