บทที่ 465 ถังหลี่ตามหาข้าวสาร
ฟ่านเยว่ซีเล่าเรื่องของจินอั่นให้แก่บิดาฟัง
“เหลวไหล! ตอนนี้มีผู้ประสบภัยมากมายที่ต้องทนทุกข์กับเหตุการณ์น้ำท่วม แต่จินอั่นยังโก่งราคาสูงขึ้นอีกหรือ มโนธรรมของเขาถูกหมากินไปหมดแล้วหรืออย่างไร? แค่ก แค่ก…” นายผู้เฒ่าฟ่านพูดด้วยความโกรธจัดเขาไอเสียงดัง
“ท่านพ่อ เขาไม่มีสามัญสำนึก ต่อไปอย่าได้คบกับเขาอีกเลย!” ฟ่านเยว่ซีพูด
“แล้วเรื่องอาหารล่ะ?” บิดาของเยว่ซีถาม
“เถ้าแก่เนี้ยเสิ่นให้ข้าวสารมาห้าร้อยกระสอบคงอยู่ได้สักระยะเจ้าค่ะ” นางตอบอ้อมแอ้ม
ยามบิดาของนางโกรธ ใบหน้าของเขาซีดเผือดลง ฟ่านเยว่ซีกังวลกับสุขภาพของบิดา นางจึงไม่อยากทำให้เขากังวลเพิ่มมากขึ้น
นายผู้เฒ่าสกุลฟ่านไม่ได้เอ่ยอะไรต่อไปอีก เขาตระหนักดีว่าข้าวสารห้าร้อยกระสอบจะอยู่ได้นานสักกี่วัน แม้ว่าจินอั่นจะเลวทรามเพียงใด แต่เขาเป็นคนเดียวที่มีข้าวสารอยู่ในมือ
เช้าวันถัดมา
นายผู้เฒ่าสกุลฟ่านเดินทางไปยังคฤหาสน์สกุลจิน
นายผู้เฒ่ารออยู่ที่หน้าประตูจวนสกุลจินเกือบครึ่งชั่วยามก่อนจะถูกเชิญเข้าไป
“เหล่าฟ่าน…เหตุใดจึงมาแต่เช้าเช่นนี้ ข้าเพิ่งตื่นไม่นาน พวกบ่าวรับใช้ก็ไม่ได้เรื่องเลยปล่อยให้ท่านรออยู่หน้าประตู เป็นเพราะข้าไม่เคยกวดขันกับบ่าวทำให้ท่านต้องคอย ข้าจะลงโทษบ่าวให้อย่างสาสม”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจินอั่น เขาเดินเข้ามาโอบบ่าของนายท่านฟ่านอย่างกระตือรือร้น แต่นายท่านฟ่านไม่ให้ความสนใจเขา
“จินอั่น บิดาของเจ้าและข้าเป็นคนรู้จักกันมานาน เมื่อก่อนตอนสกุลจินลำบากเกือบจะต้องขายบ้าน ข้าได้เข้าไปช่วยเหลือสกุลจินในวันนั้นเจ้าจำได้หรือไม่?”
ดวงตาของจินอั่นสั่นไหว เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ตอนนี้เขาร่ำรวยรุ่งเรืองมากขึ้นแล้ว เขาจึงเกลียดเวลาที่คนพูดถึงช่วงเวลาตกต่ำของเขา จินอั่นอยากลืมช่วงเวลาตกทุกข์ได้ยากในอดีตเหล่านั้นทิ้งไป แต่นายท่านฟ่านยังคงมาพูดเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ให้เขาฟังอีก
แม้ในใจเขาจะหงุดหงิดรำคาญแค่ไหนแต่รอยยิ้มยังปรากฏอยู่บนใบหน้า
“แน่นอน ข้าย่อมจำได้ ขอบคุณเหล่าฟ่านมาก…เหล่าฟ่าน ตอนนี้สกุลจินดีขึ้นแล้วหากท่านต้องการความช่วยเหลือก็บอกข้ามาได้” จินอั่นกล่าว
“ตอนนี้ในเมืองเหอกู่มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก คนเหล่านี้ยังต้องกินเพื่อประทังชีวิต จินอั่นเจ้าเป็นพ่อค้าข้าว ได้โปรดมีใจเมตตากรุณาบ้างเถอะ” นายท่านฟ่านกล่าวตรงๆ
“เหล่าฟ่าน เรื่องนี้ข้าได้พูดคุยกับหลานเยว่ซีไปแล้วเมื่อวานนี้ ราคาของข้าวสารสมเหตุสมผลแล้ว ตอนนี้ข้าวสารขึ้นราคา ข้าเองก็จนปัญหาเช่นกัน” จินอั่นพูดอย่างหมดหนทาง
“เหล่าฟ่าน หากไม่เชื่อท่านไปหาที่อื่นได้เลย ราคาของข้าถูกมากแล้ว”
“ผายลม! ห้าร้อยอีแปะต่อหนึ่งกระสอบนะหรือ? เจ้าไม่ปล้นเสียเลยเล่า!”
นายท่านฟ่านไม่อาจรักษากิริยาได้อีกต่อไป เคราของเขาแทบกระดิกด้วยความโมโห
จินอั่นก้มหน้าลง
“เหล่าฟ่าน เหตุใดท่านพูดจารุนแรงเช่นนี้ จะหาว่าข้าปล้นชิงได้อย่างไร นี่คือการค้าขาย หากท่านคิดว่าแพง ท่านก็ไม่จำเป็นจะต้องซื้อมัน”
“เจ้า…นี่บิดาของเจ้าให้กำเนิดบุตชายเช่นเจ้ามาได้อย่างไร”
นายท่านฟ่านไอโขลกออกมาอย่างแรง
“บิดาของข้าซื่อตรงเกินไป จึงทำให้สกุลจินถูกเอาเปรียบเช่นนั้น” จินอั่นกล่าว
เขาควรทำการค้าอย่างตรงไปตรงมาหรือ? สุดท้ายบิดาโดนหุ้นส่วนโกง ในบั้นปลายชีวิตของเขาจึงได้มีชะตากรรมที่น่าเวทนาเช่นนั้น
หากพิจารณาดูจากบิดาของเขาและนายผู้เฒ่าฟ่านในตอนนี้ คนค้าขายไม่อาจมีมโนธรรมได้ หากต้องการกำไรเป็นที่ตั้ง
มโนธรรมมีค่าสักเท่าไหร่ สู้มีบ่อเงินบ่อทองจะไม่ดีกว่าหรือ?
“เหล่าฟ่าน…ท่านไม่สงสัยหรือ เหตุใดสกุลจินและสกุลฟ่านที่ค้าขายมาทั้งชีวิตจึงยากจนอยู่? ความมั่งคั่งหายไป ไม่เหลือสิ่งใดไว้ให้ลูกหลาน มีแต่ความล้มเหลวให้ผู้คนได้หัวเราะเยาะเอาภายหลัง ผู้เฒ่าฟ่าน…ท่านอยากเป็นคนดีก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ข้าเป็นพ่อค้าหากมีโอกาสได้ทำกำไร เหตุใดข้าจะไม่คว้าเอาไว้ ..เอาเถอะ! เพื่อเห็นแก่มิตรภาพในอดีต ข้าจะขายให้ท่านถูกลงสิบอีแปะ เหลือเพียงสี่ร้อยเก้าสิบอีแปะดีหรือไม่?” จินอั่นกล่าว
นายท่านฟ่านเกือบเป็นลมเพราะความโกรธ
“เหล่าฟ่าน ท่านเองก็สุขภาพไม่ค่อยดี ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ” ว่าแล้วเขาก็หันไปเรียกบ่าว
“มานี่..ไปส่งผู้เฒ่าฟ่านกลับบ้าน”
นายท่านฟ่านได้แต่ยืนตกตะลึงนิ่งงันไป
……..
ฟ่านเยว่ซีรีบกลับมาที่จวนทันทีเมื่อได้ยินข่าวของบิดา
“ท่านพ่อ!” ฟ่านเยว่ซีร้องเรียก นางมองชายชราที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
“ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนู มีหมอมาตรวจแล้วขอรับ เขาพูดว่านายผู้เฒ่าโกรธมากแต่ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรง อีกสักพักเขาจะฟื้นขึ้นมาเอง แต่ห้ามไม่ให้ท่านผู้เฒ่าโกรธอีกขอรับ” คนรับใช้กล่าว
“เหตุใดท่านพ่อจึงโกรธเช่นนี้” ฟ่านเยว่ซีถามพร้อมขมวดคิ้ว
“นายท่านไปที่คฤหาน์สกุลจินขอรับ” บ่าวรับใช้ตอบ
ฟ่านเยว่ซีเข้าใจทันที บิดาของนางคงไปที่นั่นเพื่อเจรจาเรื่องข้าวสาร
“จินอั่นว่าอย่างไร?”
ฟ่านเยว่ซีเรียกคนรับใช้ไปสอบถามนอกห้อง บ่าวรับใช้ทวนคำพูดของจินอั่นให้นางฟัง เมื่อเยว่ซีได้ยิน ใบหน้าของนางก็แดงก่ำด้วยความโกรธ ไม่น่าแปลกใจเลยที่บิดาของนางถึงกับเป็นลมทรุดไป
เขาสมควรพูดเช่นนี้หรือ?
จินอั่นทำเรื่องชั่วเช่นนี้ตายไปย่อมได้ผลกรรมแน่นอน!
ฟ่านเยว่ซีดูแลบิดาของนาง ตกบ่ายนายท่านฟ่านก็ตื่นขึ้น
“ท่านพ่อ!” ฟ่านเยว่ซีอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ นายท่านฟ่านยังคงอ่อนแออยู่ เขาใช้เวลาสักครู่จึงพูดออกมาว่า
“อาหาร…” ตอนนี้เขาสนใจเรื่องนี้มากที่สุด
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวล เรามีวิธีแก้ปัญหา” ฟ่านเยว่ซีพูด”
“อย่างไรหรือ?”
“ฮูหยินอู่ภรรยาของทูตจากราชสำนัก นางพูดว่าเรื่องนี้มีทางออก วันนี้นางออกไปแต่เช้านางจะแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน” ฟ่านเยว่ซีพูด
“นางเป็นคนเก่งรู้จักผู้คนมากมายมากกว่าเรา นางต้องทำได้แน่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
ฟ่านเยว่ซีพูดปลอบประโลมบิดาของนาง ในที่สุดพ่อของนางจึงได้ยอมดื่มยา และนอนหลับไปอย่างเชื่อฟัง
แม้ว่าฟ่านเยว่ซีจะพูดอย่างหนักแน่น แต่นางก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ฮูหยินอู่จะแก้ปัญหาได้จริงหรือ? ในเมื่อจินอั่นและพ่อค้าหลายคนได้จับมือกันขายข้าวสารในราคาแพงลิบเช่นนี้ นางจะไปหาข้าวสารราคาถูกได้จากไหน…
………
ในเวลาเดียวกันถังหลี่กำลังเดินทางไปยังมณฑล ตอนที่นางออกจากเมืองหลวงพี่ใหญ่ได้ให้รายชื่อคนจำนวนหนึ่งเอาไว้ เขาสั่งนางว่าหากเกิดปัญหาขึ้นมา ให้ไปขอความช่วยเหลือจากรายชื่อเหล่านี้ได้
รายชื่อของคนเหล่านี้ ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีจากพี่ชายของนาง
เมื่อถังหลี่สุ่มเลือกรายชื่อขึ้นมาสองสามคนก็ได้พบว่าพวกเขามีตำแหน่งหน้าที่หลากหลายต่างๆ กันไป บางคนเป็นเจ้าหน้าที่ บางคนเป็นพ่อค้า หนึ่งในนั้นคือพ่อค้าสกุลลู่ที่ร่ำรวยที่สุดในอี้โจว
ในเมื่อตอนนี้จินอั่นและเถ้าแก่คนอื่นๆ กำลังผูกขาดให้ราคาข้าวสารสูงขึ้น แต่ถ้านายท่านลู่มีหนทางอื่นในการซื้อข้าวสารล่ะ ถึงตอนนั้นนางจะกดราคาให้ต่ำจนกระทั่งจินอั่นไม่เหลือแม้แต่ทุนเลย
ถังหลี่รีบเดินทางไม่หยุด ในที่สุดก็มาถึงในเย็นของวันถัดไป นางมายืนรอที่คฤหาสน์สกุลกู้
“ข้าต้องการพบนายท่านลู่ ช่วยไปรายงานให้ข้าที” ถังหลี่บอกกับบ่าวเฝ้าประตู
“แม่นางเป็นใครหรือ?” บ่าวรับใช้ถามพลางมองใบหน้าและเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยฝุ่นของถังหลี่
ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าพบนายท่านได้
“ข้าเป็นน้องสาวของกู้หวนเนี่ยน นายท่านลู่รู้จักพี่ชายของข้า” ถังหลี่กล่าว บ่าวรับใช้รีบเข้าไปรายงาน
เมื่อได้ยินว่าน้องสาวของกู้หวนเนี่ยนมา เขารีบสวมรองเท้าและวิ่งไปที่หน้าประตูเพื่อทักทายนางอย่างไม่รอช้า