บทที่ 467 เถ้าแก่จินจบแล้ว!
ฟ่านเยว่ซีถือถุงเงินไว้ นางรู้สึกคัดจมูก ตราบใดที่ทุกคนร่วมมือกันก็จะสามารถเอาชนะฝ่าฝันความยากลำบากในตอนนี้ไปได้
หลังจากผ่านอุทกภัยในครั้งนี้ไปได้ พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็น ความอดอยาก และไร้ที่พักพิงอีกต่อไป
“นายท่านขอรับ เท่าที่ข้าทราบมาฟ่านเยวซีไม่มีอาหารเหลือแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้รายงานทำให้มุมปากของนายท่านจินยกสูงขึ้น
เถ้าแก่เนี้ยสกุลเสิ่นช่างโง่เขลานัก แทนที่จะขายข้าวสารเหล่านั้นให้เขา กลับมอบให้ผู้ประสบภัย ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมากที่นางต่อต้านเขา
ในภายหน้ากิจการค้าข้าวในเมืองอี้โจว เขาจะไม่ขอมีส่วนร่วมกับคนสกุลเสิ่นอีกแล้ว ข้าวสารจากสกุลเสิ่นจะอยู่ได้อีกกี่วันกัน ทั้งข้าวและธัญพืชทั้งหมดของเมืองอี้โจวในตอนนี้ ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาหมดแล้ว รออีกไม่นานเถอะ! แม้แต่ฟ่านเยว่ซียังต้องมาอ้อนวอนขอร้องเขาในไม่ช้านี้
“ถ้าฟ่านเยว่ซีมาหาข้า ให้บอกข้าไม่อยู่ให้นางรอไปสักวันสองวันก่อนก็แล้วกัน” เถ้าแก่จินกำชับบ่าว
“ขอรับนายท่าน”
“นายท่านขอรับ! แย่แล้วขอรับ!” ในตอนนั้นเองมีคนวิ่งตะโกนเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น ข้าตกใจหมด!” นายท่านจินพูดด้วยความไม่พอใจ
“นายท่านขอรับ ข้าวสารขอรับ ข้าวสารเยอะมาก!” ชายคนนั้นอ้าปากค้าง
“ข้าวสารที่ไหน?”
“ข้าวสารจำนวนมากถูกส่งเข้ามาในเมืองขอรับ ว่ากันว่าเป็นอาหารของผู้ประสบภัยขอรับ!”
จะมีข้าวสารได้อย่างไร?
ตอนนี้ข้าวสารทั้งหมดในอี้โจวตกอยู่ในมือของเขาและสหายอีกสองสามคนหมดแล้ว เถ้าแก่จินไม่เชื่อ
“เจ้าดูผิดหรือเปล่า” นายท่านจินพูด
“มีแต่คนบอกว่าเป็นข้าวสารขอรับ หากไม่เชื่อจะไปดูก็ได้” บ่าวรับใช้พูด
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกิจการของตระกูลจินจะจริงหรือเท็จ จินอั่นจะต้องไปดูเอง
เขารีบออกจากจวนมุ่งหน้าไปที่ชุนเหมียน เถ้าแก่จินเห็นผู้คนกำลังขนกระสอบข้าวสารจำนวนมากอยู่ประตูลานบ้าน คนที่ควบคุมไม่ใช่ใครนอกจากถังหลี่
นายท่านจินมองไปที่รถม้าและเสบียงเหล่านั้น หากเป็นข้าวสารจริงๆ ล่ะก็จำนวนเท่านี้คงมีข้าวสารไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันถุง เป็นไปไม่ได้!
นายท่านจินรีบเข้าไปทันที ถังหลี่สังเกตเห็นเขา
“นายท่านจินมาหรือ? ในเมื่อท่านบังเอิญมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอให้ท่านช่วยดูหน่อยเถอะว่าข้าวสารที่ข้าหามาได้คุณภาพเป็นอย่างไรบ้าง”
ถังหลี่จงใจเปิดกระสอบข้าวให้เถ้าแก่จินดู เขาเบิกตาแทบถลน
อะไรกันนี่?
เหตุใดถึงได้คุณภาพดีเช่นนี้!
นายท่านจินกระโจนเข้าไปตรวจสอบรถคันแล้วคันเล่า เขาพบว่าเป็นข้าวสารทั้งสิ้น ของพวกนี้มาจากไหน?
“นายท่านจินนี่เป็นข้าวสารที่ข้าได้มาจากเหลียงโจว”
ถังหลี่เห็นท่าทางสงสัยของนายท่านจินแววตาของเขาเหมือนอยากไต่ถามนาง
“เถ้าแก่จิน…ท่านผูกขาดข้าวสารในอี้โจวได้ แต่ท่านผูกขาดข้าวสารในแคว้นต้าโจวได้หรือ?”
ข้าวสารจากเหลียงโจว?
มาจากจากเหลียงโจวจริงๆ!
พวกเขาสามารถติดต่อกับพ่อค้าในเหลียงโจวได้อย่างไร?
นายท่านจินทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง ถังหลี่มองชายที่หยิ่งยโสเมื่อสองสามวันก่อน ตอนนี้เขามีแต่ความสิ้นหวัง ส่วนนางอารมณ์ดีมาก…
แน่นอนว่านี้คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วอย่างไรเล่า!
ความอยุติธรรมจะถูกทำลายลงไป!
ฟ่านเยว่ซีวิ่งออกมาที่ประตูนางมองไปที่ข้าวสารที่ถังหลี่ขนมา หญิงสาวน้ำตาไหลออกมา
ตอนนี้ข้าวในเสบียงถูกใช้ไปจนหมดแล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากจะไปหาจินอั่นเพื่อซื้อข้าวสาร
แต่ว่าถังหลี่ทำได้จริงๆ!
ฟ่านเยว่ซีวิ่งกอดถังหลี่ไว้แน่น นางรู้สึกเปียกชื้นที่ลำคอ ฟ่านเยว่ซีกำลังร้องไห้ ผู้หญิงคนนี้ทั้งกังวลใจและเครียดมาก
ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของนาง
“เอาล่ะ เราได้ข้าวสารมาแล้ว ตอนนี้ปัญหาก็ได้รับการแก้ไข ต่อไปจะไม่มีใครต้องทนหิวอีกแล้ว”
ถังหลี่ปลอบโยนฟ่านเยว่ซีที่สุดจมูกร้องไห้เบาๆ
“อืม”
“ข้าวสารเหล่านี้คือ…”
“ข้าวสารถูกส่งมาจากเถ้าแก่โจว เขาเป็นพ่อค้าขายข้าวและธัญพืชในเหลียงโจว”
ถังหลี่แนะนำนายท่านโจวให้แก่ฟ่านเยว่ซี
พ่อค้าข้าวในเหลียงโจว?
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้ถังหลี่พบพ่อค้าในเหลียงโจวได้จริงหรือ?
ฟ่านเยว่ซีเองก็ต้องการติดต่อกับพ่อค้าข้าวในเหลียงโจวเช่นกัน แต่ถึงจะติดต่อได้ก็เป็นเพียงพ่อค้ารายย่อยเท่านั้น ไม่ใช่พ่อค้ารายใหญ่จึงไม่คุ้มค่าแก่การเดินทางไปยังอี้โจว
ถังหลี่เป็นคนที่น่าทึ่งมาก
“นายท่านโจว เชิญ”
ถังหลี่และฟ่านเยว่ซีเชิญนายท่านโจวเข้าไปด้านใน ทั้งสามพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ ของการซื้อขาย
“ราคาข้าวสารในเหลียงโจวอยู่ที่แปดสิบอีแปะต่อหนึ่งชั่ง และเมื่อบวกกับค่าขนส่งก็จะเป็นเก้าสิบอีแปะต่อหนึ่งชั่งดีหรือไม่?” นายท่านโจวกล่าว
ถังหลี่และฟ่านเยว่ซีมองหน้ากันอย่างมีความสุข ก่อนหน้านี้จินอั่นได้เพิ่มราคาข้าวขึ้นไปทำให้ในเมืองเหอกู่ขายข้าวที่หนึ่งร้อยอีแปะต่อชั่ง ดังนั้นในราคาเก้าสิบอีแปะจึงเป็นราคาที่ถูกลงกว่าเดิม!
“ดียิ่ง!” ฟ่านเยว่ซีกล่าว
“ขอบพระคุณนายท่านโจวมาก ท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราจริงๆ”
“แม่นางฟ่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย นี่คือการซื้อขายและข้าก็ได้เงิน” นายท่านโจวพูดด้วยรอยยิ้ม
“นอกจากนี้ข้าก็ชื่นชมแม่นางฟ่านเช่นกัน ท่านช่วยเหลือผู้ประสบภัยเช่นนี้น่ายกย่องมาก”
ฟ่านเยว่ซีรู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินคำชมพวกนั้น นายท่านโจวหันมองถังหลี่
“ข้าได้ยินมาว่าทูตของราชสำนักที่มาดูแลเรื่องอุทกภัยในครั้งนี้เป็นสามีของแม่นางกู้ ข้าจึงอยากขอความช่วยเหลือจากแม่นางกู้สักเรื่องได้ไหม?”
เพราะว่าอี้โจวและเหลียงโจวนั้นเป็นคนละมณฑลกัน เมื่อเขาทำการค้าขาย เขากลัวว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะสร้างปัญหาให้เขา เขาจึงต้องการให้ทูตของราชสำนักออกบัตรผ่านเพื่อให้เขาสะดวกในการทำการค้าเหล่านี้ ถังหลี่รับฟังนางเห็นด้วยกับเขาเช่นกัน
“นายท่านโจว ไม่เพียงแต่ในมณฑลเหอกู่เท่านั้น แต่เป็นที่อื่นด้วย” ถังหลี่กล่าว
จินอั่นและคนอื่นต่างร่วมมือกันขึ้นราคาข้าวสารทำให้ผู้คนตกที่นั่งลำบาก หากนายท่านโจวสามารถเริ่มกิจการของเขาในอี้โจวได้ เขาจะช่วยราษฎรลดค่าใช้จ่ายลงได้
“ขอบคุณแม่นางกู้ที่เตือนข้า” นายท่านโจวกล่าว พวกเขาจึงได้เจรจากันต่อ
เมื่อฟ่านเยว่ซีกลับไปถึงบ้าน นางรีบบอกข่าวดีแก่บิดาทันที
“เยี่ยมมาก นับว่าสวรรค์มีตาโดยแท้” นายท่านฟ่านพูดอย่างอารมณ์ดี
“ท่านพ่อ ฮูหยินอู่เก่งมากเลย” ฟ่านเยว่พูดอย่างมีความสุข
“ใช่แล้ว ทั้งใต้เท้าอู่และฮูหยินเป็นคนที่มากอบกู้อี้โจวของเราอย่างแท้จริง”
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ล่วงรู้ไปถึงหูของเถ้าแก่เนี้ยเสิ่น นางคิดถึงวันนั้นหญิงสาวที่มุ่งมั่น ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีดีแค่ปากแต่นางมีความสามารถจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นถังหลี่มาหานางอีกครั้ง
“ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยเสิ่นสำหรับข้าวสารก่อนหน้านี้ นับว่าได้ช่วยพวกเราในยามวิกฤติจริงๆ” ถังหลี่พูดขึ้น
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก นั่นคือการเดิมพัน เจ้าชนะแล้ว!”
“เถ้าแก่เนี้ยเสิ่นข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จักกับคนผู้หนึ่ง”
ถังหลี่แนะนำนายท่านโจวให้แก่เถ้าแก่เนี้ยเสิ่น
สำหรับเถ้าแก่เนี้ยเสิ่นแล้ว นี่คือเครือข่ายการค้าที่มีมูลค้ามหาศาลมากกว่าเงินหนึ่งพันชั่งเสียอีก
นางหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดีในที่สุดก็ได้ผลเก็บเกี่ยวที่ดีตามมา
แต่สำหรับจินอั่นแล้วช่วงเวลายากลำบากของเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
เพื่อกักตุนข้าวสารและธัญพืชเขาและสหายอีกสองสามคน กว้านซื้อข้าวสารมาขายต่อในราคาสูง
แต่ตอนนี้ในเมื่อมีข้าวสารที่ราคาถูกลงมา จึงไม่มีใครสนใจสินค้าที่เขามี เดิมทีเขาต้องการใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้สร้างกำไรมหาศาลแต่ดูเหมือนว่าความคิดนี้จะพังทลายลงไป!