บทที่ 471 เจ้าคณะมณฑลหลู่เล่นงาน
เว่ยฉิงพาถังหลี่ไปเดินเล่น เมื่อมีคนอยากได้ความช่วยเหลือเว่ยฉิงก็จะไปช่วย ถังหลี่มองสามีพร้อมกับถอนหายใจ
ในนวนิยาย สามีของนางเป็นคนที่โหดเหี้ยมและพยาบาท แม้แต่สุนัขที่กัดเขาเว่ยฉิงก็ยังจดจำได้ ทุกคนต่างหวาดกลัวเขา ตัวเขาเองก็ไม่มีความสุขเช่นกัน ไม่รู้ว่าเขาต้องผ่านชีวิตที่สิ้นหวังและโดดเดี่ยวมานานสักเพียงไหนก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่หนทางของวายร้าย
แต่ตอนนี้สามีของถังหลี่เปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่ตัวร้ายในนวนิยายที่มีแต่ความเกลียดชังในหัวใจ
สามีของนางแตกต่างออกไป เขาแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม แต่ก็มีความเมตตาต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า นี่แหละคือผู้ที่ทรงพลังและอำนาจอย่างแท้จริง โชคดีที่เขาคือสามีของนาง
ถังหลี่ยินดีกับการเปลี่ยนแปลงของเว่ยฉิง
หลังจากที่เว่ยฉิงช่วยทุกคนเคลื่อนย้ายก้อนหินเขาก็เดินกลับมา ถังหลี่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มือของเขา ฝ่ามือของเว่ยฉิงใหญ่และหยาบกร้านเต็มไปด้วยแผ่นไตหนา ถังหลี่ค่อยๆ เช็ดอย่างระมัดระวัง พอสะอาดดีแล้ว พวกเขาก็เดินจับมือไปด้วยกัน
“ฮูหยินข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง” เว่ยฉิงบอก
เขามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่ ก็ช้อนตัวนางอุ้มขึ้น
“ถนนมันไม่ค่อยดี ข้าจะอุ้มเจ้าไป”
เว่ยฉิงเป็นคนที่มีพละกำลังเยอะมาก เขาสามารถอุ้มนางข้ามภูเขาได้อย่างง่ายดาย
หญิงสาวโอบมือคล้องรอบคอของเว่ยฉิงอย่างเชื่อฟัง
เขากอดภรรยาเดินขึ้นไปบนภูเขา ไม่ได้วางถังหลี่ลง แต่อุ้มนางไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่งแล้วมองลงไปที่ทิวทัศน์ข้างล่าง
“ฮูหยินดูสิ”
ถังหลี่มองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เมื่อมองไปลงจากมุมสูง นางเห็นทิวทัศน์ของภูเขาได้อย่างง่ายดาย
ถังหลี่เห็นภาพของสายน้ำทุกสายแผ่ขยายออกไป นี่คือผลจากการทำงานหนักตลอดยี่สิบวันของสามีนางและคนงานทั้งหลายเกือบหมื่นชีวิต
แม่น้ำสายนี้เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตคนในอี้โจวเอาไว้
“ฮูหยิน คลองเส้นนี้จะเชื่อมต่อไปยังเหลียงโจวและฉิงโจว” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา ทำให้ถังหลี่รู้สึกตื่นเต้น นางเฝ้ารอวันนั้นอย่างใจจดจ่อ
เนื่องจากลุงเซียวยังอยู่ที่ฉิงโจว ทำให้ทั้งสองคนเคยไปที่นั่นมาก่อน ฉิงโจวทั้งแห้งแล้งและรกร้างเป็นเพราะขาดแคลนน้ำ ที่ดินหลายแห่งถูกปล่อยให้ว่างเปล่า หากสร้างคลองได้ที่ดินรกเหล่านั้น จะกลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์!
ทั้งสองมองภาพตรงหน้าเป็นเวลานานก่อนจะลงจากเขาไป
เว่ยฉิงจูงมือภรรยาเดินไปยังที่พัก พวกเขาเห็นคนผู้หนึ่งกำลังยืนรออยู่
“คุณชายฉาง” ถังหลี่ทักทาย
“ใต้เท้า! ฮูหยิน!”
ฉางหยูคารวะทั้งสองคนด้วยความเคารพ
“คุณชายฉางเข้ามาก่อนสิ”
เว่ยฉิงเอ่ยชวน ฉางหยูตามทั้งสองคนเข้าไปด้านใน พวกเขาคุยกันเรื่องการควบคุมอุทกภัย ส่วนถังหลี่นั่งรินน้ำชาให้คนทั้งคู่ นางนั่งฟังอยู่ข้างๆ พวกเขาคุยกันอยู่นาน
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้วฉางหยูก็จากไป เว่ยฉิงเข้าไปกอดถังหลี่
“ฮูหยิน เจ้าเบื่อไหม?” เว่ยฉิงถาม หญิงสาวส่ายหัวเบาๆ
“ข้ามองท่าน…ไม่น่าเบื่อเลย”
ถังหลี่ตอบ นางมีความสุขที่ได้เห็นสามีของตนเอง
เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะจุมพิตภรรยาของเขา ภรรยาของเขาช่างน่ารักเสียจริง
ถังหลี่พักอยู่กับสามีสองสามวัน
สองวันถัดมาก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น สวี่จื่อเหวินรีบพาฟ่านเยว่ซีมาหาถังหลี่
“ฮูหยินอู่ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น!” ฟ่านเยว่ซีพูดอย่างตื่นตระหนก สีหน้าของถังหลี่เคร่งเครียดขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“นายท่านโจว…นายท่านโจวถูกทางการจับตัวไป!” ฟ่านเยว่ซีกล่าว
“ถูกจับได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น?” ถังหลี่ถาม
“ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ พูด”
ฟ่านเยว่ซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอธิบายว่า ความจริงแล้วข้าวสารจะต้องถูกส่งมาถึงเมื่อวานซืนนี้แต่ก็ยังมาไม่ถึงสักที ดังนั้นฟ่านเยว่ซีจึงส่งคนไปตรวจสอบดู กลับพบว่านายท่านโจวนำข้าวสารมาแต่ถูกทางการควบคุมตัวไป!
ทั้งคนและข้าวสารถูกรวบตัวไปอย่างไร้สาเหตุ นางไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงขอให้สวี่จื่อเหวินพามาหาถังหลี่
ถังหลี่รู้ดีว่าหากไม่มีอาหารทุกคนจะเป็นอย่างไร
“พาข้าไปที่เมือง” ถังหลี่พูด
“ฮูหยิน ข้าจะไปกับเจ้า” เว่ยฉิงพูด
เจ้าคณะมณฑลหลู่…
มุมปากของเว่ยฉิงกระตุกรอยยิ้มเย้ยหยัน เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้คิดว่าจะปิดท้องฟ้าได้ด้วยมือข้างเดียวจริงๆ หรือ?
เว่ยฉิงเรียกฉางหยูมาก่อนที่จะอธิบายอะไรกับฉางหยูและสวี่จื่อเหวิน จากนั้นเขารีบพาถังหลี่และฟ่านเยว่ซีกลับไปที่เมืองเหอกู่ทันที
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเหอกู่ ได้มีรถม้าได้ถูกเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว เว่ยฉิงและถังหลี่จึงรีบเดินทางเข้าเมืองทันที
“ฮูหยิน…” ฟ่านเยว่ซีไม่สบายใจ
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะเอาข้าวสารกลับมาให้ได้” ถังหลี่พูด หญิงสาวพยักหน้ารับ นางเชื่อในตัวของฮูหยินอู่!
เว่ยฉิงและถังหลี่ขึ้นรถม้าไปที่มณฑลใหญ่ทันที หลังจากเดินทางไปสองวันกับหนึ่งคืน รถม้าก็มาหยุดที่หน้าจวนเจ้าคณะมณฑลในตอนเช้ามืด เว่ยฉิงเคาะประตูทันที
“เจ้าเป็นใคร?” บ่าวรับใช้เปิดประตูอย่างงุนงง
“ทูตจากราชสำนัก” เว่ยฉิงพูดอย่างเย็นชา เขาถือดาบช่างฟ่างไว้ในมือ ทันใดนั้นเองบ่าวรับใช้คนนั้นก็หายงัวเงียไปในทันที
“โอ้ ทูตจากราชสำนัก! โปรดเข้ามาก่อนขอรับ ข้าจะไปรายงานนายท่านหลู่ก่อนนะขอรับ”
เว่ยฉิงและถังหลี่ถูกพาเข้าไปในห้องรับรอง พวกเขารออยู่ครู่หนึ่ง เจ้าคณะมณฑลหลู่ถึงได้เดินเข้ามา
“ใต้เท้าอู่…ขอโทษที่ทำให้ท่านรอ เมื่อคืนข้าจัดการธุระเสียจนดึก ทำให้ข้าตื่นช้าไปหน่อย” หลู่จวิ้นโฉ่วดูมีท่าทีขยันขันแข็งแต่เหนื่อยล้า
“มีเหตุอันใดถึงได้มาหาแต่เช้าหรือ?”
“เจ้าจับโจวฉินเซิงหรือ?” เว่ยฉิงพูดเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อม
“โจวฉินเซิง?” หลู่จวิ้นโฉ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาทำท่านึกขึ้นได้
“ท่านหมายถึงพ่อค้าที่แสวงหาผลกำไรจากการหลอกลวงชาวบ้านคนนั้นใช่ไหม? การที่เขาขายข้าวขึ้นราให้แก่ผู้ประสบภัยเช่นนั้น ช่างไม่มีสามัญสำนึกเลย ข้าจะรีบพิจารณาคดีในครั้งนี้และให้คำอธิบายแก่ชาวบ้านเมืองอี้โจว!”
หลู่จวิ้นโฉ่วคุยโว
ถังหลี่เกือบสบถออกมาด้วยความโกรธเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เถ้าแก่จินกับคนอื่นขายข้าวขึ้นราซ้ำยังขึ้นราคาแต่หลู่จวิ้นโฉ่วไม่สนใจ พอนายท่านโจวขายถูก คนอื่นก็วิ่งโร่มาแจ้งความเท็จ
แล้วยังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!
“ใต้เท้า ข้าไม่รู้ว่าท่านไปได้ยินคำพูดไร้สาระนี้มาจากไหน แต่ข้าวที่เถ้าแก่โจวขายนั้นมีคุณภาพที่ดีและราคาที่เป็นธรรม ไม่เหมือนกับที่ท่านพูดมาเลยแม้แต่น้อย” ถังหลี่กล่าว
หลู่จวิ้นโฉ่วมองนาง
“ฮูหยินข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้ลอยๆ นะ มีคนมาร้องเรียน คนที่ร้องเรียนยังบอกอีกว่าฮูหยินสมรู้ร่วมคิดแสวงหาผลประโยชน์กับเรื่องนี้ด้วย แต่ข้าบอกเขาไปแล้วว่าอย่าพูดเรื่องนี้ไป ฮูหยินไม่ต้องกังวลหากท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวร้องกับเรื่องนี้ข้าจะคืนความบริสุทธิ์ของชื่อเสียงให้แก่ท่านเอง”
ถังหลี่โกรธมากจนเค้นหัวเราะออกมา นี่นางกับนายท่านโจวถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกงหรือ?
คนแซ่หลู่ผู้นี้ ช่างกล้าพูดกลับขาวเป็นดำได้อย่างไร้ยางอาย