เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 472 เถ้าแก่จินสารภาพ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 472 เถ้าแก่จินสารภาพ

“ผู้ประสบภัยที่ฟ้องร้องโจวฉินเซิงอยู่ที่ไหน ข้าจะไต่สวนด้วยตัวเอง” เว่ยฉิงพูดอย่างจริงจัง

“ใต้เท้า ท่านเป็นทูตที่มาควบคุมสถานการณ์อุทกภัย เป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่หลวงมากแล้ว เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ปล่อยให้ข้าเป็นผู้จัดการเองเถอะ” หลู่จวิ้นโฉ่วบอก

“เรื่องที่เกี่ยวกับผู้ประสบภัยย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าจะสืบหาความจริงและให้ความยุติธรรมกับเหยื่อทุกคน จะไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น!” เว่ยฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เขาจ้องไปที่หลู่จวิ้นโฉ่ว

“ข้าจะไปรอที่ศาลาว่าการ เจ้าให้เจ้าทุกข์ที่ร้องเรียนโจวฉินเซิงทั้งหมดมาที่ลานพิจารณาคดีด้วย”

“ใต้เท้า ตอนนี้ผู้ที่ร้องเรียนกลับไปที่เมืองเหอกู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ที่นี่…” หลู่จวิ้นโฉ่วรีบพูด

“เจ้าเอาคำร้องของพวกเขามา ข้าจะตัดสินโจวฉินเซิงเอง”

“ใต้เท้า เจ้าทุกข์เหล่านั้นไม่มีผู้ใดรู้หนังสือเลยไม่ได้เขียนคำร้องเอาไว้”

หลู่จวิ้นโฉ่วกล่าวอ้าง ไม่ว่าเว่ยฉิงจะพูดอะไรเขาก็จะหาเหตุผลมาแย้งได้เสมอ เป็นไอ้จิ้งจอกเฒ่าจริงๆ

ถังหลี่เห็นว่าเจ้าคณะมณฑลหลู่แค่ต้องการกักตัวนายท่านโจวเอาไว้เท่านั้น และไม่อยากให้พวกเขาเข้าไปแทรกแซงคดี หากขังนายท่านโจวได้ ราคาข้าวสารในเมืองก็จะเพิ่มมากขึ้น ช่างเป็นแผนการณ์ที่แยบยลอะไรเช่นนี้

แต่สามีของนางจะโดนคนหลอกได้ง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

“เจ้าคณะมณฑลหลู่ เจ้าบอกว่ามีเจ้าทุกข์มาร้องเรียนโจวฉินเซิง แต่ไม่มีแม้แต่คำร้อง เป็นไปได้หรือไม่ว่าใต้เท้าหลู่กุเรื่องขึ้นมาเอง ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติของเมือง ดังนั้นข้าจึงไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ ใต้เท้าหลู่เห็นทีข้าคงต้องตัดสินเจ้าแทนเสียแล้ว!” เว่ยฉิงพูดพร้อมกับยกดาบช่างฟ่างขึ้น ฟาดฟันกลางอากาศไปหนึ่งครั้ง

ความหมายของคำว่าตัดสินชัดเจนมาก ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลู่จวิ้นโฉ่วแข็งค้างไป

เขาไม่คิดว่าเลยว่าผู้ตรวจการของราชสำนักคนนี้จะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและไม่ไว้หน้าเขาเลย

นี่คืออี้โจวมันคือถิ่นของเขา!

ใต้เท้าอู่ผู้นี้มีความกล้าที่จะฆ่าตัวเขาด้วยดาบช่างฟ่างหรือ?

ใต้เท้าหลู่ที่หยิ่งผยองกำลังเผชิญหน้ากับเว่ยฉิง

เว่ยฉิงกระชับด้ามของดาบก่อนจะค่อยๆ เงื้อมันขึ้น ใต้เท้าหลู่เห็นแบบนั้นก็เริ่มเหงื่อตก เมื่อคิดถึงพฤติกรรมของทูตจากราชสำนักผู้นี้ เขาแข็งขืนอยู่สักพักก่อนจะเสียงอ่อนลง

“ใต้เท้า ข้าไม่ได้กุข่าวมีคนมาร้องเรียนจริงๆ ข้าจะส่งคนไปตามเจ้าทุกข์มาให้” หลู่จวิ้นโฉ่วพูด

เว่ยฉิงวางดาบของเขาลง เขาหันหลังเดินไปยังศาลาว่าการเพื่อพิจารณาคดี แผ่นหลังของหลู่จวิ้นโฉ่วชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาเย็นชาของเขาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของเว่ยฉิงครู่หนึ่งก่อนจะเรียกบ่าวรับใช้มา ให้ไปตามจินอั่นและเถ้าแก่ตู้

ทั้งจินอั่นและเถ้าแก่ตู้ยังคงอยู่ในอี้โจว หลังจากที่นายท่านโจวโดนจับ ข้าวสารทั้งหมดถูกระงับการขาย ผู้คนเริ่มขาดแคลนอาหารทำให้ข้าวสารของพวกเขาเริ่มขายออก

หากคนแซ่โจวโดนขังอีกสักสองสามวัน กิจการของเขาก็รอดพ้นวิกฤตแน่นอน ! ทั้งคู่มีความสุขมากจึงอยู่ในเมืองต่อเพื่อฉลอง หากพวกเขาขายของได้หมด ย่อมได้กำไรอย่างมหาศาล

เมื่อมีคนจากจวนเจ้าคณะมณฑลมาหา พวกเขาจึงรีบเดินทางไปหาทันที เมื่อไปถึงที่จึงได้พบว่าเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น

ที่นี่ไม่ใช่ศาลาว่าการหรือ?

“อะไร…เกิดอะไรขึ้น?”

พวกเขาถูกพาตัวเข้าไปในลานพิจารณาคดี เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าคนที่นั่งเป็นประธานไม่ใช่เจ้าคณะมณฑลหลู่ แต่เป็นชายหนุ่มที่มีท่าทีเย็นชาเคร่งขรึม สีหน้าเคร่งขรึม บรรยากาศดูกดดันน่ากลัว

เนื่องจากเว่ยฉิงไปถึงเมืองเหอกู่ก็แยกออกไปช่วยเรื่องอุทกภัยทันที ทำให้จินอั่นไม่รู้จักเขา หลู่จวิ้นโฉ่วนั่งอยู่ข้างๆชายผู้นั้น

“ใต้เท้าอู่ สองคนนี้คือเจ้าทุกข์ที่ได้มาร้องเรียนโจวฉินเซิง เขาบอกว่าเถ้าแก่โจวขายข้าวคุณภาพต่ำให้กับผู้ประสบภัย” หลู่จวิ้นโฉ่วกล่าวนำ

ถังหลี่เฝ้าดูเหตุการณ์ตื่นเต้นที่ด้านข้าง กลายเป็นว่าคนที่มาร้องเรียนคือเถ้าแก่จินผู้กักตุนข้าวและขึ้นราคาข้าวนั่นเอง

“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ทำขอรับ ข้าไม่เคยขายข้าวคุณภาพต่ำให้กับผู้ประสบภัย! ใต้เท้าสามารถตรวจสอบสินค้าของข้าทีละกระสอบได้ ไม่มีของไม่ดีอย่างแน่นอน” เถ้าแก่โจวคุกเข่าลงกับพื้น

ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาถูกขังอยู่ในคุกโดยไม่รู้สาเหตุ เขาถูกจับกุมและไม่อนุญาตให้ติดต่อกับใคร ถูกขังโดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย เขากังวลจนแทบเสียสติ เมื่อเขามายังลานพิจารณาคดีก็พบว่ามีคนกำลังใส่ความเขา เขาจึงไม่ยอมและคัดค้านข้อกล่าวหา

หลู่จวิ้นโฉ่วมองไปที่เถ้าแก่จินและเถ้าแก่ตู้

“หรือเป็นเจ้าที่ใส่ร้ายเขา?”

จินอั่นทรุดตัวคุกเข่าอย่างรวดเร็ว

“ใต้เท้า นายท่าน! ข้าน้อยไม่กล้ากล่าวเท็จ คนผู้นั้นขายข้าวขึ้นราจริงๆ ทุกวันนี้ข้าวในอี้โจวยังขึ้นราคาอยู่หลายร้อยอีแปะ แต่เขาเอาของไม่ดีมาขายในราคาไม่กี่สิบอีแปะ!”

“นั่นก็เพราะว่าเจ้ากักตุนข้าวไม่ใช่หรือ? ราคาข้าวสารถึงได้พุงสูงไปหลายร้อยอีแปะ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วราคาข้าวมันไม่กี่สิบอีแปะเท่านั้น!” เถ้าแก่โจวพูดเสียงดัง

“ใต้เท้าขอรับ ชายคนนี้คือคนที่ขึ้นราคาข้าวและทำให้เหยื่อภัยพิบัติได้รับความเดือดร้อนขอรับ!”

เถ้าแก่จินและเถ้าแก่โจวโต้แย้งกันไปมา ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำราวกับคนที่พร้อมจะฆ่าฟันกันได้ทุกเมื่อ เว่ยฉิงทุบค้อนในมือแรงๆ

“เงียบ!!”

พวกเขาเงียบเสียงลง

“ข้าเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดแล้ว พวกเจ้าจึงไม่จำเป็นต้องเถียงกันอีก ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวหาว่าอีกฝ่ายทำให้ราคาข้าวพุ่งสูงหรือขายข้าวคุณภาพไม่ดี คนที่เป็นเหยื่อของเรื่องนี้ก็คือผู้ประสบภัยที่มาร้องเรียนความจริงจะปรากฏก็ต่อเมื่อข้าไต่สวนพวกเขา” เว่ยฉิงพูด

เถ้าแก่จินเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

เหตุผลแรกที่ทำให้เขากล้ากล่าวหาโจวฉินเซิงก็เพราะว่าเจ้าคณะมณฑลหลู่นั้นอยู่ข้างเขา แต่ใต้เท้าคนนี้ดูจะตำแหน่งสูงกว่าหลู่จวิ้นโฉ่วอย่างเห็นได้ชัด

จะเป็นไปได้ไหมว่าเขาคือทูตของราชสำนักที่ร่ำลือกัน?

ทูตของราชสำนักสามารถสืบค้นความจริงได้!

“ใครที่เป็นคนทำร้ายผู้ประสบภัยจะต้องถูกลงโทษ!” เว่ยฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม

จินอั่นเหงื่อซึมออกมาที่หลังใบหน้าของเขาซีดเซียวไม่สามารถที่จะคุกเข่าอย่างมั่นคงได้

“ใช่แล้ว การกระทำเช่นนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง คนที่เอาเปรียบผู้ประสบภัยล้วนเป็นพวกไร้มนุษยธรรม!” หลู่จวิ้นโฉ่วพูดเสริมขึ้น เพื่อจะที่แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของเขา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเว่ยฉิง

เรื่องของมังกรและงูเจ้าถิ่นในครั้งนี้ มังกรเป็นฝ่ายชนะในขณะที่พวกเขาแพ้อย่างราบคาบ

ก่อนหน้านี้มีทูตจากราชสำนักมาหลายคน แต่ไม่มีใครเป็นเหมือนเว่ยฉิงมาก่อน

เขาต้องใจเย็นเข้าไว้…

“ใต้เท้า ใต้เท้าขอรับ ไม่ต้องสืบสวนข้า…ข้ายินดีสารภาพผิดขอรับ!”

เถ้าแก่ตู้รีบรับสารภาพ เขาไม่อยากถูกตัดหัว เพื่อช่วยชีวิตตัวเองเขาจึงรีบสารภาพอย่างรวดเร็ว

“จินอั่นขอรับ เป็นจินอั่น เขาหลอกล่อให้พวกเราขึ้นราคาข้าวจากปกติหนึ่งร้อยอีแปะไปเป็นห้าร้อยอีแปะ เถ้าแก่โจวเป็นคนดี เขาขายข้าวในราคาปกติและเป็นข้าวมีคุณภาพ แต่ตอนนี้ข้าวที่พวกเรากักตุนเอาไว้ขายไม่ออก จินอั่นจึงกล่อมให้ข้ามาใส่ความเถ้าแก่โจวขอรับ!”

“ข้าไม่อยากทำแบบนี้ รู้ดีว่ามันเอาเปรียบผู้ประสบภัยแค่ไหน ข้าขอสารภาพผิด ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ!”

หลังจากที่เถ้าแก่ตู้พูดจบเขาก็โขกศีรษะอย่างดุเดือด ใบหน้าของเถ้าแก่จินไร้สีเลือดทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่าเถ้าแก่ตู้จะหักหลังเขาเช่นนี้!

ตอนนี้มันจบแล้ว!

“เจ้าเป็นคนเสนอให้กว้านซื้อข้าวในตอนนั้นแล้วมันจะเป็นความผิดของข้าทั้งหมดได้อย่างไร? ใต้เท้า ข้า… ข้าสับสนไปแล้วได้โปรดให้อภัยด้วยขอรับ”

เถ้าแก่จินพูดอย่างรวดเร็ว เขาพยายามผลักเรื่องนี้ให้เป็นความผิดของเถ้าแก่ตู้ พวกเขาต่างสาดโคลนใส่กันจนเรื่องทุกอย่างแดงออกมา

“ผู้ประสบภัยกำลังเดือดร้อน แต่พวกเขายังจะขึ้นราคาข้าวอีก ไร้มนุษยธรรม!”

“เงินตั้งห้าร้อยอีแปะจะถลกหนังดื่มเลือดของพวกเราหรืออย่างไร?”

“หุบปากแล้วลงนรกไปซะ!”

ผู้คนโห่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ตอนนี้ชาวบ้านอยากจะพุ่งไปทุบตีไอ้พวกหน้าเลือดหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของผู้คน

เว่ยฉิงตบค้อนและตัดสินคดีทันที

จินอั่นและเถ้าแก่ตู้ ไม่เพียงแต่ขึ้นราคาข้าวและกว้านซื้อข้าวมากักตุนเท่านั้นแต่ยังกล่าวหาใส่ความเถ้าแก่โจว ซึ่งเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้

ในฐานะที่จินอั่นเป็นผู้บงการเขาจึงได้รับโทษประหาร โดยการตัดศีรษะ ส่วนเถ้าแก่ตู้นั้นถูกโบยห้าสิบไม้และไปทำงานหนักตลอดชีวิต!

หลังจากที่คำตัดสินออกมา ก็มาดูกันว่าจะมีใครกล้าอีกไหม? เถ้าแก่โจวได้รับการปล่อยตัว

“ขอบคุณขอรับ ขอบคุณมาก” เถ้าแก่โจวก้มศีรษะให้เว่ยฉิง

“ท่านไม่ได้ทำผิด ข้าตัดสินด้วยความเป็นธรรม” เว่ยฉิงพูด

“ไปทำงานของเจ้าเถอะ”

“ขอรับใต้เท้า”

เถ้าแก่โจวลุกขึ้นและวิ่งออกไป และเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เข้าใจได้ เป็นถังหลี่นั่นเองที่ช่วยชีวิตเขาไว้

“ขอบคุณฮูหยิน…”

“ข้าจะไม่ให้ท่านถูกกล่าวหาอย่างไร้ความยุติธรรม” ถังหลี่พูด “ท่านเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เถ้าแก่โจวโค้งคำนับให้ถังหลี่ก่อนจะหันหลังจากไป

“ใต้เท้าชาญฉลาดมาก หากไม่ใช่เพราะท่านข้าคงโดนหลอกลวงโดยพวกเห็นแก่ตัวแล้ว!” หลู่จวิ้นโฉ่วพูดอย่างโกรธเคือง

“ใต้เท้าข้าผิดไปแล้ว โปรดลงโทษข้าเถอะขอรับ”

“ในฐานะเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก ข้าทำผิดพลาดไป”

เจ้าคณะมณฑลหลู่กล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาตบหัวตัวเองสองครั้ง ถังหลี่มองก็รู้ว่าชายคนนี้เจ้าเล่ห์มาก เพียงแค่โยนความผิดทั้งหมดให้แก่จินอั่น เขาก็จะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกอีกฝ่ายหลอก

ความผิดมากที่สุดของเขาคือการจัดการคดีไม่โปร่งใส สามีของนางทำอะไรเขาไม่ได้

“พอเถอะ! สำหรับเจ้าคณะมณฑลหลู่ ข้ามีคำพิพากษาอยู่ในใจแล้ว” เว่ยฉิงพูดก่อนจะหันหลังออกไปจากศาลาว่าการ

หลู่จวิ้นโฉ่วมองตามด้านหลังของเขา ความรู้สึกผิดบนใบหน้าจางลง สีหน้ากระด้างเย็นชามากขึ้น เขาไม่สบายใจกับคำพูดของใต้เท้าอู่ ดูมีนัยแปลกพิกล

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท