บทที่ 476 ออกจากอี้โจว
สิบวันต่อมา
มณฑลอี้โจว , เมืองเหอกู่
มีพระบรมราชโองการส่งมาถึงมณฑลอี้โจวโดยมีเว่ยฉิงและฉางหยูน้อมรับพระบรมราชโองการ
“ตามพระบัญชาของสวรรค์ ฮ่องเต้จ้าวแห่งแคว้นต้าโจว ทรงมีพระรับสั่งว่า การขุดสร้างคลองเป็นคุณประโยชน์ต่อประชาราษฎร์ จึงมีพระประสงค์ให้สร้างคลองแห่งนี้ขึ้น และแต่งตั้งฉางหยูเป็นผู้รับผิดชอบในการขุดคลองครั้งนี้ ขออำนวยพรให้…”
เนื้อหาในราชโองการนั้นชัดเจนมากว่าฝ่าบาททรงมีบรมราชานุญาตให้กระทำการขุดคลองสายนี้ขึ้น โดยให้ฉางหยูเป็นผู้รับผิดชอบ
หลังจากที่อ่านพระบรมราชโองการจบแล้วฉางหยูก็คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อน้อมรับพระบรมราชโองการเขานั่งนิ่งลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
ฮ่องเต้ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้สร้างคลองได้จริงหรือ?
สำหรับฉางหยูแล้วราวกับความฝัน หลังจากนั้นไม่นานตัวแทนของราชสำนักก็จากไปแต่ฉางหยูยังคงคุกเข่าอยู่เช่นนั้น
“คุณชายฉางลุกขึ้นก่อนเถอะ” เว่ยฉิงพูด เขาช่วยช่วยพยุงฉางหยูขึ้นมา เขาได้รับคำเยินยออย่างท่วมท้น
ฉางหยูรีบลุกขึ้นด้วยตัวเอง เขาเกรงใจที่จะให้เว่ยฉิงช่วยพยุงเขา ฉางหยูมองเว่ยฉิงด้วยดวงตาแดงก่ำ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ชีวิตของเขาผันผวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย จากสกุลฉางที่ทุกคนพากันไม่ไว้วางใจ รังเกียจ เหยียดหยัน กลายเป็นผู้ที่ได้รบการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้รับผิดชอบโครงการณ์ใหญ่โตเช่นนี้
นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือจากท่านทูตและฮูหยิน
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาได้รับความช่วยเหลือจากนาง นางไว้วางใจเขา แนะนำเขาให้ใต้เท้าอู่ผู้เป็นสามี
ใต้เท้าอู่วางใจให้เขาจัดการเรื่องน้ำท่วม เมื่อเขาทำสำเร็จ ใต้เท้าอู่ส่งฎีกากราบทูลขอให้ขุดสร้างคลอง สองคนนี้เป็นผู้มีพระคุณของฉางหยู
เขาลุกขึ้นโค้งคำนับให้เว่ยฉิงอย่างเต็มพิธีการ
“คุณชายฉางลุกขึ้นเร็ว” เว่ยฉิงรีบพยุง
“คุณชายฉาง การขุดสร้างคลองไม่ได้ใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน มันกินเวลาหลายปีนัก ที่เจ้าต้องแบกไว้บนบ่านับว่าเป็นภาระที่หนักมาก” เว่ยฉิงพูด
พระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น การขุดสร้างคลองคืองานใหญ่และมีปัญหามากมายเกินกว่าจะจินตนาการได้
“ข้าไม่กลัวขอรับ” ฉางหยูพูด
“ต่อให้ฝังกระดูกข้างแม่น้ำก็ต้องสร้างคลองให้ได้!”
เว่ยฉิงเห็นความแน่วแน่ในดวงตาคู่นั้นของฉางหยู เขาตบบ่าให้กำลังใจ
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สำเร็จ!”
หลังจากที่ฉางหยูจากไปถังหลี่เดินเข้ามายืนข้างๆ เว่ยฉิง สิบวันที่ผ่านมาพวกเขาเฝ้ารอพระบรมราชโองการอย่างใจจดใจจ่อ
ตอนนี้เมื่อได้รับพระบรมราชโองการแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
“ฮูหยิน อีกสองวันเราออกเดินทางกันเถอะ” เว่ยฉิงพูด
อุทกภัยได้รับการแก้ไขแล้วและการขุดสร้างคลองก็ได้ถูกส่งมอบหน้าที่ให้ฉางหยู พวกเขาไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องรั้งรออยู่ที่นี่อีกต่อไป
ดังนั้นควรกลับได้แล้ว ถังหลี่พยักหน้าทันที
“ดีเลย”
ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องไปต่อ
ฉางหยูเดินออกจากศาลาว่าการไปตามถนน
“คุณชายฉาง”
“สวัสดีคุณชายฉาง”
หลายคนเข้ามาทักทายฉางหยู ตอนนี้เขามีสถานะที่ดีขึ้นในเมืองเหอกู่ ผู้คนเคารพเขามากขึ้น ต่างจากเมื่อหนึ่งหรือสามเดือนก่อนที่ทุกคนเอาแต่ด่าทอและทุบตีเขา
ฉางหยูตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเขาก็สามารถเดินเชิดหน้าได้ และได้รับการยอมรับไม่โดนดูถูกเหยียดหยาม การกล่าวถึงสกุลฉางก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอีกต่อไป
“ฉางหยู” ในขณะนั้นเองก็มีคนหนึ่งมาขวางเขา ชายหนุ่มมองไปที่นาง
“แม่นางชิวเยว่”
ตอนที่เขาหมดสติอยู่ที่ถนนเขาได้รับการช่วยเหลือจากฮูหยินอู่และชิวเยว่เป็นคนดูแลเขา เขาจึงจำความเอาใจใส่ของนางได้
“คุณชายฉาง ข้าต้องขอโทษด้วย” ชิวเยว่พูดอย่างเขินอาย นางอยากขอโทษท่าทีที่นางมีต่อฉางหยูในตอนนั้น เมื่อนางรู้ว่าฉางหยูมาจากสกุลฉางตัวของนางก็มีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเขา คิดแต่ว่าคนแซ่ฉางเป็นคนเลว แต่ฮูหยินบอกว่าเขาจะเป็นคนดีหรือไม่ดีก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินเขา สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนดี!
ขอบคุณที่ฉางหยูที่ทำให้นางและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากน้ำลดหายท่วมแล้ว
“ไม่เป็นไร” ฉางหยูกล่าว
ในตอนนั้นทุกคนต่างมีทัศนคติกับเขาในแบบเดียวกัน นั่นเป็นธรรมชาติของปุถุชนทั่วไป เขาจึงไม่เอามาเป็นอารมณ์
ชิวเยว่กัดริมฝีปากของนาง ใบหน้าแดงระเรื่อ นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งถุงผ้าในมือให้กับเขา
“คุณชายฉาง นี่สำหรับท่าน”
“อะไรหรือ?” ฉางหยูไม่ได้รับไว้
“เก็บไว้เถอะ!” ชิวเยว่ยัดถุงผ้าเข้าไปในแขนเสื้อของฉางหยูแล้ววิ่งหนีไป
“ระวัง!”
เมื่อเห็นว่านางกำลังจะชนต้นไม้เขาก็รีบตะโกนอย่างรวดเร็ว แต่ก็สายเกินไปแล้ว เพราะชิวเยว่ชนต้นไม้เข้าไปอย่างเต็มที่ ฉางหยูทำท่าจะรีบเข้าไปช่วย แต่ชิวเยว่รีบลุกและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เขาจึงได้หยุดมองอยู่กับที่พร้อมกับหัวเราะออกมา
“เด็กโง่”
ฉางหยูเปิดถุงผ้าออกดูจึงพบว่ามีรองเท้าอยู่ข้างใน เขามองไปที่เท้าของตัวเองเห็นรูที่นิ้วเท้าโผล่ออกออกมาเกินครึ่ง
เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาสังเกตว่ารองเท้าของตัวเองสึกหรอไปมากแล้ว รองเท้าที่ชิวเยว่มอบให้จึงนับเป็นของขวัญที่มาได้ถูกเวลา เขายิ้มมองไปยังทิศที่นางวิ่งไป
“ขอบคุณ…”
ฉางหยูเดินไปยังบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้รกร้างไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ที่ประตูมีหญ้าขึ้นสูงมากเขาก้มลงดึงวัชพืชออก ดันบานประตูที่คดให้กลับมาตรงเหมือนเดิม
ตรงประตูมีป้ายที่เขียนเอาไว้อย่างเลือนรางว่า ซ่ง เขามองไปที่ป้าย ที่นี่คือบ้านของใต้เท้าซ่ง เขาเคยอาศัยอยู่ในเมืองเหอกู่ เขาไม่มีภรรยาและลูก อุทิศตัวเองให้กับการบรรเทาอุทกภัย สายตาของฉางหยูจับจ้องไปที่ต้นไม้ข้างประตูที่เคยมีเขาและอาจารย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้
ท่านอาจารย์ของเขาพูดจาฉะฉาน กล่าวว่าตนเองต้องการจัดการอุทกภัยในอี้โจวให้ได้ เขาต้องการเห็นผู้คนในอี้โจวมีชีวิตที่ดีขึ้น
เขาทั้งตื่นเต้นและตั้งตารอวันนั้น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เห็นภาพนั้นจนกระทั่งเขาเสียชีวิต ฉางหยูเดินนั่งใต้ต้นไม้
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ได้สานต่อในสิ่งที่ท่านทำยังทำไม่สำเร็จให้แล้ว ตอนนี้ท่านอยู่บนสวรรค์น่าจะได้เห็นแล้วใช่หรือไม่?”
“ท่านอาจารย์ วันนี้มีพระบรมราชโองการลงมาเพื่อสั่งให้ขุดสร้างคลองจากอี้โจวไปยังฉิงโจวแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่แต่เดิมท่านเป็นคนคิดแผนเอาไว้”
เพราะคำพูดของอาจารย์ เขาจึงเดินทางไปทั่วอี้โจวรวมถึงฉิงโจวด้วยเพื่อยืนยันว่าความคิดของอาจารย์เขาว่าเป็นไปได้
“ท่านอาจารย์เอาไว้ข้าจะมาหาท่านใหม่ในวันที่คลองแห่งนี้สร้างเสร็จ”
….
สองวันต่อมา
เว่ยฉิงและถังหลี่ได้เดินทางออกจากเมืองเหอกู่
พี่น้องสกุลฟ่าน ฉางหยู สวี่จื่อเหวินและคนอื่นๆ อีกมากมายมาส่งพวกเขา
ฟ่านเยว่ซีจับมือถังหลี่ไว้ นางรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจแยกจากถังหลี่เลย
ชิวเยว่ติดตามอยู่ที่ด้านข้างของถังหลี่อย่างกระตือรือร้น
“ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา” ถังหลี่มองไปที่ฟ่านเยว่ซี
“ถ้าเจ้าไปที่เมืองหลวงก็ไปหาข้าได้”
ฟ่านเยว่ซีพยักหน้า ถังหลี่มองไปที่ชิวเยว่อีกครั้งก่อนจะเคาะหน้าผากของนางเบาๆ
“สาวน้อยเจ้าตัวติดข้ามากนะ อยากไปเมืองหลวงกับข้าไหม?”
ถังหลี่ให้สัญญาการซื้อขายตัวเองแก่ชิวเยว่ ตอนนี้นางเป็นอิสระแล้วนางสามารถเลือกอนาคตของตัวเองได้ ชิวเยว่กัดฟันลังเล
นางลังเลที่จะแยกจากถังหลี่แต่หากนางตามฮูหยินไปเมืองหลวง นางก็ต้องแยกจากครอบครัวของนางและจะไม่ได้เห็นเขา…
ชิวเยว่ชำเลืองมองไปที่ฉางหยูจากนั้นก็รีบมองไปทางอื่นคำพูดของถังหลี่แค่ต้องการหยอกเย้านาง ถังหลี่รู้ดีว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ในใจ
“ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้จะไม่อยากเป็นสาวใช้ของข้า แต่อยากเป็นสาวใช้ของใครบางคนแทน” ถังหลี่พูดแหย่ขึ้นมา ทำให้ชิวเยว่หน้าแดงนางรีบคว้าแขนเสื้อของถังหลี่อย่างเขินอาย
“ฮูหยินเจ้าคะ..”