เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 483 กลับเมืองหลวง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 483 กลับเมืองหลวง

ถังหลี่และเว่ยฉิงขี่ม้ามุ่งไปข้างหน้า เนื่องจากพวกเขาเสียเวลาที่จะอ้อมไปเหลียงโจวจึงต้องใช้เวลาถึงสามหรือสี่วันเพื่อจะไปให้ทันรถม้าที่กลับเมืองหลวง ทั้งคู่แทบไม่ได้พักผ่อนระหว่างทางเลย ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น

แปดวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่นัดหมายกับรถม้าเอาไว้ สถานที่นัดหมายอยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณห้าสิบลี้ ทั้งสองยืนอยู่บนที่สูงมองไปเห็นรถม้าที่จอดอยู่ข้างล่าง องครักษ์เงาที่แต่งกายเป็นบ่าวรับใช้หลายคนนั่งพักผ่อนอยู่รายรอบรถม้า เว่ยฉิงมองเห็นปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มีคนน้อยลงกว่าเดิม ทุกคนแต่งกายยุ่งเหยิงรถม้าดูสกปรกเลอะเทอะ เขาขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น ถังหลี่ดึงเว่ยฉิงเข้าหาที่กำบังจากนั้นจึงได้เอาผ้าปิดหน้าออกคืนรูปลักษณ์ให้เหมือนเดิม

ทั้งคู่เดินไปที่รถม้า องครักษ์ที่แต่งกายเป็นบ่าวรับใช้ดูระมัดระวังเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะได้เห็นนายท่านและฮูหยินกลับมาอย่างปลอดภัย ทั้งคู่ดูเป็นปกติดีราวกลับว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการเดินเล่น เว่ยฉิงเดินไปที่รถม้าเขาเห็นรูที่ถูกเจาะโดยลูกธนูและเพลาของรถที่หัก สามีภรรยาทั้งคู่มองหน้ากันพยายามเดาว่าเกิดอะไรขึ้้นกันแน่

“ฉื่ออี เกิดอะไรขึ้น?”

“นายท่าน ข้ากับองครักษ์เดินทางจากเมื่ออี้โจวมาถึงที่นี่ ถูกตามล่าจากมือสังหารถึงสองกลุ่ม พี่น้องของพวกเราครึ่งหนึ่ง…เสียชีวิตไป” ฉื่ออีพูดเสียงแผ่วเบา พวกเขาเป็นองครักษ์เงาพร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว แต่สุดท้ายเขาก็เป็นสหายที่ร่วมต่อสู้เป็นเพื่อนกินนอนมาด้วยกัน อย่างไรก็ต้องมีความอาลัยอาวรณ์โศกเศร้าเป็นธรรมดา

“แต่ข้าไม่ได้ให้ผู้ใดเข้าใกล้รถม้าได้ จึงไม่มีใครสังเกตได้ว่านายท่านและฮูหยินไม่ได้อยู่ในรถม้าขอรับ”

ถังหลี่มองไปที่มือของฉื่ออีเห็นผ้าพันแผลที่มือของชุ่มไปด้วยเลือด

“ฉื่ออี มือของเจ้า..”

“ฮูหยิน มือของข้าไม่เป็นไรขอรับ” ฉื่ออีรีบพูดขึ้นมา

“ยาหมดหรือยัง?” ถังหลี่หยิบยาห้ามเลือดออกมาจากแขนเสื้อส่งให้เขา

ฉื่ออีลังเล ไม่นานมานี้พวกเขาพบกับกลุ่มมือสังหารเข้าที่กลางทางจึงได้บาดเจ็บล้มตายกันไปหลายคน ยาจึงได้ถูกใช้หมดไปในตอนนั้น พวกเขาที่เหลือจึงได้แต่อดกลั้นต่อความเจ็บปวด พวกเขารู้ดีว่าตนเป็นองครักษ์เงา อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจ็บตัวกันอยู่แล้ว

ทางที่ดีควรเก็บยาเอาไว้ใช้เองเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น

“ข้ายังมียาอยู่อีก เจ้าไม่ต้องกังวล ใส่ยาแล้วจะได้หายเร็วขึ้น”

ใช่! พวกเขาจำเป็นที่จะต้องหายเร็วๆ เพื่อปกป้องนายท่านและภรรยาของเขา

ฉื่ออีรับยามา จากนั้นจึงได้เปลี่ยนผ้าพันแผลแล้วใส่ยาห้ามเลือด

“ใช้ผ้านี่เถอะ” ถังหลี่ยื่นผ้าพันแผลที่สะอาดๆ ให้เขา ทั้งหมดนี้อยู่ในห่อสัมภาระของถังหลี่ ฉื่ออีพันแผลด้วยผ้าที่ถังหลี่หยิบยื่นให้เขา ไม่นานนักเลือดจึงได้หยุดไหล คนอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจึงได้รับการรักษาเช่นกัน พวกเขาไม่ได้หยุดรั้งอยู่ที่นี่นานจนเกินไป หลังจากรักษาบาดแผลแล้วจึงได้รีบเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวงกันต่อ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในระหว่างทางอีก

หลังจากโดนไล่ฆ่าไปแล้วถึงสองรอบ ใครเลยจะรู้ว่าจะมีครั้งที่สามเกิดขึ้นอีกหรือไม่…

ถังหลี่และเว่ยฉิงนั่งรถม้า ทั้งคู่พากันตื่นตัวระมัดระวังตลอดเวลา หลังจากเดินทางไปไม่นานนักก็ได้ยินเสียงร้องขึ้นมาว่า

“นายท่าน ฮูหยินระวัง!” เมื่อได้ยินเสียงลูกธนูแหวกอากาศมา เว่ยฉิงโอบไหล่ถังหลี่ทันที กดนางหมอบลง ลูกธนูหลายดอกวิ่งทะลุปักเข้ามาในรถ เว่ยฉิงสวมกอดภรรยาอุ้มนางยกม่านรถขึ้นพานางกระโดดหลบไปยังหินก้อนใหญ่ เว่ยฉิงโผล่ศีรษะออกไปดู ลูกธนูยังคงยิงมาไม่หยุด องครักษ์เงาพากันวิ่งหลบลูกธนูตอนนี้เขาเริ่มปะทะกับนักฆ่าและเริ่มต่อสู้กับพวกเขาแล้ว

มีมือสังหารมากกว่าสิบคน ทุกคนล้วนแข็งแกร่งและมีทักษะในการต่อสู้สูงมาก องครักษ์เงาเริ่มได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นว่าพวกเขาตกเป็นรอง เว่ยฉิงจึงเริ่มเคลื่อนไหว

“สามี ระวังตัวด้วย”

เว่ยฉิงพยักหน้าลุกขึ้นเหินออกไป เขากระโจนขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นจึงได้เข้าไปในวงต่อสู้ เขาใช้เท้าเตะมือสังหารผู้หนึ่งล้มลง นักฆ่าถึงกับคอหักทรุดลงกับพื้น

ถังหลี่พบที่ซ่อน นางยื่นมือจ่อหน้าไม้ไปที่นักฆ่าแล้วยิงออกไป จากนั้นจึงได้เปลี่ยนตำแหน่งของตนเองอย่างรวดเร็วและโจมตีมือสังหารอีกครั้ง

มือสังหารพวกนี้มีทักษะสูงและเชี่ยวชาญมากจริงๆ แม้ว่าหน้าไม้ของถังหลี่จะทำร้ายพวกเขา แต่เขาก็ไม่หยุดมือยังคงโจมตีนางและสามีราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ดาบของนักฆ่าผู้หนึ่งฟันเข้าที่แขนของเว่ยฉิงทิ้งรอยแผลไว้ลึก ถังหลี่ทนไม่ได้อีกต่อไป นางกระโจนเข้าไปที่กลางวงต่อสู้

หญิงสาวเห็นนักฆ่าที่ตัวสูงกว่าอยู่ด้านหน้า นางลุกขึ้นทันทีเอามีดสั้นออกมาแทงเขาที่หน้าอก ใบหน้าของหญิงสาวดูบอบบางไม่มีพิษมีภัย แต่แววตาของนางมีฉายแววอำมหิต นางต่อสู้อย่างสุดแรง

นักฆ่าล้มลง มีดาบฟันเข้ามาที่ถังหลี่ นางหลบอย่างรวดเร็ว ในที่สุดถังหลี่จึงได้ตระหนักว่านักฆ่าเหล่านี้ล้วนมีทักษะสูง นางไม่อาจจะเข้าใกล้นักฆ่าได้เลย ถังหลี่ได้แต่หลบไปมาอย่างวุ่นวาย

ในขณะที่นางกำลังจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีลูกธนูพุ่งเข้ามาเสียบเข้าที่หลังของมือสังหาร ถังหลี่ได้จังหวะ นางจึงเปิดการโจมตีฝ่ายตรงข้ามทันที

ถังหลี่มองไปหาผู้ที่ยิงธนูช่วย แต่ตรงนั้นมีพุ่มไม้บังอยู่ทำให้มองเห็นได้ไม่ถนัดดีนัก

ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ ร่างของคนผู้หนึ่งซ่อนอยู่บนคาคบของลำต้น เขาถือธนูยาว ดวงตาดอกท้อแฝงไว้ด้วยความเย็นชา ริมฝีปากเม้มแน่น สายตาของเขาราวกับเหยี่ยว เขาดึงสายธนู จนกล้ามเนื้อที่แขนโป่งพองลูกธนูพุ่งออกไป

การเล็งของเขาเยี่ยมยอดมาก ลูกธนูของเขาไม่พลาดเป้า มันทรงพลัง และอันตรายมากกว่าหน้าไม้ของถังหลี่มากนัก ลูกธนูที่ยิงออกมาจากคนผู้นั้นทำร้ายนักฆ่าได้อย่างไม่พลาดเป้า

ด้วยความช่วยเหลืออย่างลับๆ จากคนผู้นี้ สถานการณ์กลับพลิกผันขึ้นเป็นต่อ ไม่ช้าเหล่านักฆ่าก็ถูกจัดการจนหมดสิ้น เมื่อเห็นว่าฝ่ายของตนแพ้อย่างราบคาบแล้ว นักฆ่าที่เหลืออยู่ก็กินยาพิษตายทันที

พวกเขาเป็นนักฆ่ามืออาชีพได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี จึงไม่สามารถจับเป็นใครได้เลย

หลังจากที่มือสังหารตายหมดแล้ว ทุกคนจึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

ถังหลี่มองไปรอบๆ โชคดีที่มีบุคคลลึกลับมาช่วยเอาไว้ไม่เช่นนั้น ผลแพ้ชนะในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจจะประเมินได้

ถังหลี่รีบลุกขึ้นไปหาสามีอย่างรวดเร็ว เว่ยฉิงกอดนางเอาไว้ด้วยมือข้างที่ไม่บาดเจ็บ

“ข้าสบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ใบหน้าของเว่ยฉิงซีดเซียว

ถังหลี่จับมือซ้ายของขึ้นมาดู

“อย่ามอง..”

นางไม่สนใจที่สามีพูด ถลกแขนเสื้อคลุมเขาขึ้นดูจึงได้เห็นบาดแผลลึกที่แขนของเขา มีเนื้อเปิดออกเลือดไหลออกมามากมายอย่างน่ากลัว

หญิงสาววิ่งไปที่รถม้าอย่างเร็ว นางหยิบสัมภาระของตนออกมาแล้วรีบวิ่งไปหาเว่ยฉิงพร้อมล่วมยาของนาง เว่ยฉิงยืนพิงต้นไม้มองใบหน้าที่กังวลของถังหลี่ เขายิ้มออกมา

“ภรรยา ข้าสบายดี แค่เลือดออกนิดหน่อยเท่านั้น”

“หุบปาก!” ถังหลี่พูดอย่างบูดบึ้ง เว่ยฉิงได้แต่หุบปากอย่างเชื่อฟัง แววตาที่มองภรรยาดูนุ่มนวลอ่อนโยน

ถังหลี่เทยาใส่ที่แผล จากนั้นจึงได้พันแผลให้เขาเพื่อห้ามเลือด หลังจากนั้นนางจึงได้หันไปสำรวจคนอื่นๆ รอบกาย ฉื่ออีถูกแทงเข้าที่ขา มีเลือดออกมากมาย เขาพยายามห้ามเลือดด้วยตนเอง

ถังหลี่ต้องการช่วยเขาพันแผล

“นายหญิง ข้าไม่เป็นไร ข้าทำเองได้ขอรับ” ฉื่ออีถอยห่างจากถังหลี่ นายหญิงจะมามือพันแผลให้องครักษ์อย่างเขาได้อย่างไร!

จะ…ทำให้มือของนายหญิงสกปรกไปเสียเปล่า!

“อย่าขยับ!” ถังหลี่พูดเสียงดุ

“นายหญิงสั่งเจ้าห้ามขยับ เจ้าก็อย่าขยับไม่ฟังที่นายหญิงสั่งหรือ?!” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา ฉื่ออีจึงไม่กล้าขยับถอยหนีอีก

ถังหลี่ฉีกกางเกงของเขาออก เทยารักษาบาดแผลลงไป ร่างกายของฉื่ออีเครียดตึงไปด้วยความเจ็บปวดส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายหญิงเป็นคนทำแผลให้เขานั่นเอง

ถังหลี่ใส่ยาและพันแผลให้เขาอย่างรวดเร็ว

“ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือบ่าวก็ตามชีวิตย่อมสำคัญที่สุด เจ้าควรเรียนรู้กับฉื่อซื่อจะได้ให้ข้าดูแลรักษาแผลให้เจ้าอย่างว่าง่าย” หลังจากพูดจบนางก็ได้รีบไปช่วยดูแลบาดแผลให้ผู้อื่นต่อไป ฉื่ออีมองตามหลังนายหญิงไปอย่างมึนงง ฉื่อซื่อเป็นองครักษ์ส่วนตัวของนายหญิง เขาพูดถึงนายหญิงอย่างเคารพและชื่นชมทุกครั้ง

นายหญิงเป็นคนดีมากและนายท่านก็เป็นคนดีเช่นกัน พวกเขาสามีภรรยาถือว่าชีวิตขององครักษ์เงาเป็นความรับผิดชอบของตน

ถังหลี่ช่วยดูแลบาดแผลให้ทุกคน มีองครักษ์เงาสองคนได้นับบาดเจ็บเล็กน้อย พวกเขาจึงได้สำรวจศพของมือสังหาร แต่กลับไม่พบข้อมูลใดๆ เลย อีกฝ่ายเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และไม่ทิ้งเบาะแสอะไรไว้เลย

“คนที่ยังขี่ม้าได้ให้พาคนที่ขี่ม้าไม่ได้ไปด้วยกัน” ถังหลี่ออกคำสั่ง

องครักษ์เงาลุกขึ้นยืนและขึ้นขี่ม้าอย่างรวดเร็ว

ถังหลี่และเว่ยฉิงต้องขี่ม้าตัวเดียวกัน เพราะรถม้าใช้ไม่ได้แล้ว มือข้างหนึ่งของเว่ยฉิงได้รับบาดเจ็บส่วนอีกข้างไม่ได้เป็นอะไรจึงไม่มีปัญหาในการบังคับม้า เว่ยฉิงขึ้นขี่ม้าจากนั้นจึงได้ยื่นมือไปรับถังหลี่ นางไม่ได้จับมือเขาหากปีนขึ้นม้าด้วยตัวเองอย่างทะมัดทะแมง

“เอาให้ข้า” ถังหลี่เอ่ยขึ้น

“ภรรยา…ข้าไม่ได้เป็นอะไร…” ถังหลี่ฉวยสายบังเหียนมาจากมือของสามี เอาแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บเว่ยฉิงโอบเอวนางเอาไว้

“ไป!” นางสะบัดบังเหียนให้ม้าวิ่งควบออกไป

“สามี ท่านคิดว่าใครเป็นคนส่งมือสังหารมา” นางถามเว่ยฉิง

“คนที่คิดว่าจะจัดการเรื่องน้ำท่วมไม่สำเร็จ คนที่คิดว่าข้าสมควรจะตายในอี้โจว…” เว่ยฉิงลากเสียง

ดวงตาของถังหลี่เย็นชา

“จ้าวชู?”

“เก้าในสิบส่วนย่อมเป็นเขา”

จ้าวชู ! ชีวิตขององครักษ์เงาหลายศพที่ต้องสูญเสียไป รวมไปถึงแขนที่บาดเจ็บของสามีของนาง นางได้จดจำความแค้นเหล่านี้เอาไว้แล้ว

เป็นเวลาเที่ยงวันแล้วกว่าขบวนของเว่ยฉิงจะเข้าเมืองหลวงไปอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงแรงจ้าที่สุด

ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันจ้องมองเว่ยฉิงทันทีที่เขาเข้าประตูเมืองมา ข่าวที่ว่าทูตของฮ่องเต้กลับมายังเมื่องหลวงแล้วแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

เรื่องนี้ย่อมรู้ไปถึงหูของจ้าวชูเช่นกัน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที

“เจ้าเห็นชัดหรือว่านั่นเป็นอู่อวี้กับถังหลี่ ?” จ้าวชูถามอย่างเย็นชา

“กระหม่อมเห็นอย่างชัดเจน พวกเขาขี่ม้าเข้าเมืองมาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ

กลับมาได้จริงๆ หรือ?

เขาส่งมือสังหารไปมากมาย แต่กลับสังหารไม่ได้

เสียของ! ขยะ! ล้วนเป็นพวกขยะทั้งสิ้น! หน้าอกของเจ้าชูสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เขาปาถ้วยชาลงกับพื้นอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวดูดุร้าย!

……………………

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท