ตอนที่ 498 จ้าวชูถูกจับ
ที่ศาลต้าหลี่ ช่างฝีมือที่มีส่วนร่วมในการสร้างหอฉีอานมารายงานคดีโดยอ้างว่าพวกเขารู้สาเหตุที่แท้จริงของการพังของหอฉีอานแล้ว พร้อมกับส่งหลักฐานให้ เมื่อเห็นหลักฐานเหล่านั้น กู้หวนเนี่ยนใบหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน
เมื่อได้รับการยืนยันว่าหลักฐานที่อยู่ในมือเป็นเรื่องจริงเขาจึงได้นำหลักฐานไปยื่นถวายแก่ฮ่องเต้
ฮ่องเต้โจวเปิดเอกสารดูทีละหน้า สีพระพัตร์ไม่ได้แปรเปลี่ยน แต่พระหัตถ์ที่ยึดกระดาษกระชับแน่นจนทิ้งรอยยับเอาไว้
เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าลูกสามจะกล้าทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้
นั่นคือหอฉีอานเป็นหอสำหรับบวงสรวงในราชพิธีที่สำคัญ
เขายังกล้าที่จะโลภเงินจำนวนนี้!
พระเศียรของฮ่องเต้โจวปวดร้าว พระโทสะหลั่งไหลออกมาจากพระวรกาย ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนหดหู่ ทำให้อึดอัดจนยากที่จะหายใจออกมา
เต๋อซุ่นก้มหน้าลง หายใจอย่างระมัดระวัง ไม่นานนักก็ได้ยินพระสุรเสียงกริ้วโกรธตรัสออกมาว่า
“ตรวจสอบ เราให้เจ้าตรวจสอบเรื่องนี้!”
“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
กู้หวนเนี่ยนพูดอย่างสงบจากนั้นจึงได้ถอยหลังออกไป
หลังจากกู้หวนเนี่ยนออกไปแล้ว ฮ่องเต้โจวจึงได้หยิบถ้วยพระสุธารสชาในพระหัตถ์ขว้างลงพื้นเสียงดัง
….
ณวังรุ่ยอ๋อง
เมื่อเจ้าชูก้าวเข้าประตูมา จินเซ่อทักทายเขา แล้วถอดเสื้อคลุมออกให้เขา
จ้าวชูอารมณ์ดี เมื่อความคิดเห็นของราษฎรเปลี่ยนไปในทางที่เป็นมงคล เขาจึงได้ข่าวจากเสด็จแม่ว่า เสด็จพ่อจะเลือกฤกษ์ยามเป็นมงคลให้เขาใหม่ แม้ว่าหอฉีอานจะได้พังลงไปแล้วก็ตาม เขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เมื่อมองเห็นจินเซ่อที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาตระกองกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างโปรดปราน
ในตอนนั้นเองมีบ่าวผู้หนึ่งพรวดพราดเข้ามารายงานเสียงดัง
“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะย่ะค่ะ!”
จ้าวชูปล่อยจินเซ่อจากอ้อมกอด เปิดประตูมองบ่าวรับใช้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านอ๋อง มีเจ้าหน้าที่มาจากศาลต้าหลี่ เขาต้องการเข้าพบท่านอ๋องพะย่ะค่ะ”
จ้าวชูขมวดคิ้ว คนจากศาลต้าหลี่ เหตุใดถึงได้มาหาเขา?
จ้าวชูรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้น เขาตั้งใจจะไปตะเพิดคนผู้นั้นออกไปจากวังของเขา
จ้าวชูเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า จึงได้เห็นว่าเป็นกู้หวนเนี่ยนที่นั่งรอเขาอยู่
“ท่านกู้ วันนี้ท่านมาเยี่ยมเยือนข้าเพราะเหตุอันใดหรือ?” เขาถามอย่างอ่อนโยน
“ท่านอ๋อง ในตอนที่ท่านเป็นประธานในการสร้างหอฉีอาน ท่านได้ถูกสงสัยว่ามีการทุจริตและติดสินบน การพังทลายของหออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับท่าน ท่านอ๋องได้โปรดให้ความร่วมมือไปช่วยให้ปากคำกับกระหม่อมด้วย” กู้หวนเนี่ยนพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าของจ้าวชูเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
“ใต้เท้ากู้ ! ได้โปรดระมัดระวังการพูดจาด้วย ข้าไม่เคยทำผิดในเรื่องนี้” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ
“ท่านอ๋อง กระหม่อมแค่พูดอย่างเป็นกลางเท่านั้น กระหม่อมได้ถวายรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว ได้โปรดให้ความร่วมมือกับกระหม่อมด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”
สีหน้าของกู้หวนเนี่ยนยังคงเป็นปกติไม่ได้ถือเอาวาจาของจ้าวชูเป็นโทสะ
“เจ้าขู่ข้าหรือ?”
จ้าวชูขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม
“กระหม่อมทำตามหน้าที่เท่านั้น” กู้หวนเนี่ยนเน้นย้ำอีกครั้ง
จ้าวชูหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์และโทสะของเขา
“ตกลง ข้าจะไปกับท่าน”
จ้าวชูหันหน้าไปมองจินเซ่อก่อนที่เขาจะเดินออกไป
จินเซ่อมองตามหลังเขาพลางขมวดคิ้วแน่น นางรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมา
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? จ้าวชูมีความเกี่ยวข้องกับการพังถล่มลงมาของหอฉีอานจริงๆ หรือ? เขาทุจริตกับเงินสร้างหอฉีอาน? เขาเอาเงินไปทำอะไรกัน? เหตุใดจึงได้สับสนเช่นนั้น? จินเซ่อหายใจเข้าลึก นางสวมเสื้อคลุมแล้วรีบไปยังจวนตระกูลหวัง
นางต้องรีบไปบอกเรื่องนี้กับสกุลหวังให้เร็วที่สุด ผู้ที่จะช่วยได้น่าจะมีเพียงหวังกุ้ยเฟยเท่านั้น
………..
ศาลต้าหลี่
จ้าวชูมีสถานะเป็นองค์ชาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งขังคุกเขา กู้หวนเนี่ยนจึงได้พาเขาเข้าไปในห้อง
แม้จ้าวชูจะกระวนกระวายใจเพียงใด แต่การแสดงออกของเขายังคงสงบนิ่งตามปกติ
กู้หวนเนี่ยนถามคำถาม เขาตอบกลับ จากนั้นเขาจึงได้ใช้ความคิดที่จะริเริ่มถามกู้หวนเนี่ยนเพื่อดูว่าเขารู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด
แต่เมื่อเห็นหลักฐานที่กู้หวนเนี่ยนนำมาให้เขาดู จ้าวชูก็ไม่อาจจะนิ่งสงบอารมณ์เย็นได้อีกต่อไป
กู้หวนเนี่ยนมีบัญชีแยกประเภทอยู่ในมือ
เขาได้มาอย่างไร?
นี่คือจุดจบ
เจ้าชูเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง เรื่องนี้เขาสารภาพไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากเขารับสารภาพ เขาจะพลาดจากตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่ว่ากู้หวนเนี่ยนจะถามอะไร จ้าวชูปฏิเสธไม่ตอบ เขาอ้างว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย
กู้หวนเนี่ยนเองก็แข็งกร้าวเช่นกัน เขาขอให้จ้าวชูพักผ่อนอยู่ในศาลต้าหลี่แต่ในความเป็นจริงก็เหมือนกับคุมขังเขาไปในตัวนั่นเอง
เขาจะไปหาพยานหลักฐานมาเพิ่มเพื่อไม่ให้จ้าวชูโต้แย้งได้
ช่วงที่จ้าวชูโดนพาตัวไปยังศาลต้าหลี่ ข่าวได้แพร่กระจายไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานนักก็รู้กันไปทั่วเมืองแล้ว
“ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องมังกรวารีมีจริงขึ้นมาหรอกหรือ? เหตุใดองค์ชายสามผู้ที่จะเข้ารับพิธีแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทถึงได้ถูกคุมตัวไปศาลต้าหลี่เล่า?”
“ข้าได้ยินมาเรื่องมังกรวารีเป็นเรื่องเหลวไหล วันที่หอฉีอานถล่ม ลูกพี่ลูกน้องข้าอยู่ที่นั่นยังไม่เห็นมังกรวารีที่ว่าเลย!”
“ข้าก็ได้ยินเสียงเช่นกัน ครอบครัวข้าอยู่ใกล้กับหอฉีอาน ตอนที่ได้ยินเสียงข้าออกไปดูไม่เห็นมังกรที่ว่าเลย”
“หากไม่มีมังกรวารี ถ้าเช่นนั้นการที่หอฉีอานถล่มลงมาก็เป็นลางร้ายนะสิ”
“แล้วเหตุใดองค์ชายสามถึงได้โดนจับไปศาลต้าหลี่เล่า?”
“หอฉีอานมีองค์ชายสามเป็นประธานก่อสร้าง เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวกับการทุจริต ฉ้อโกงเงิน…”
“อะไรน่ะ! นี่เป็นเรื่องสวรรค์กลั่นแกล้งหรือ? หากเขาไม่โลภเงิน หอฉีอานไม่พังลงมา เขาก็คงได้เป็นองค์รัชทายาทไปแล้ว!”
“จุ๊ๆ ลดเสียงลงหน่อยเถิด”
คำพูดซุบซิบได้แพร่กระจายไปทั่ว
………………
ตำหนักฉู่เยว่
“ใส่ร้าย! มีคนเจตนาให้ร้ายชูเอ๋อ!” หวังกุ้ยเฟยเดินวนไปมา ใบหน้าที่สง่างามของนางบิดเบี้ยวไปด้วยโทสะจนดูดุร้าย
“ใส่ร้ายชูเอ๋อว่าเขายักยอกเงิน ปล่อยข่าวลือทำลายเขา มันเป็นใครกันนะ!”
“สกุลเหลียง ต้องเป็นพวกมันที่ทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
หวังกุ้ยเฟยกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
นางคิดว่าตนได้ใช้เท้าบดขยี้สกุลเหลียงไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าชั่วไม่กี่วันจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ เมื่อรู้ว่าสกุลเหลียงอยู่เบื้องหลังนางก็ไม่อาจทำอะไรได้
ไม่! นางต้องช่วยชูเอ๋อก่อนแล้วคิดหาวิธีแก้แค้นในภายหลัง
ชูเอ๋อจะต้องไม่ถูกตั้งข้อหายักยอกรับเงินสินบนเป็นอันขาด
“ข้าจะไปเฝ้าฝ่าบาท” หวังกุ้ยเฟยเอ่ยขึ้น เมื่อนางรู้ว่าฝ่าบาทประทับอยู่ในห้องทรงพระอักษร นางจึงได้ไปขอเข้าเฝ้าในทันที หากเต๋อซุ่นกลับห้ามนางเอาไว้
“ฝ่าบาททรงมีภารกิจพะย่ะค่ะ…” เต๋อซุ่นเอ่ยท้วง ที่จริงแล้วฝ่าบาทได้ทรงห้ามพระสนมหวังกุ้ยเฟยเข้าหา พระองค์ยังกริ้วเรื่ององค์ชายสามอยู่
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าฝ่าบาทจะทรงงานเสร็จ”
เต๋อซุ่นไม่กล้าพูดอะไรอีก หวังกุ้ยเฟยจึงได้แต่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูเกือบทั้งวัน
จากนั้นเมื่อเต๋อซุ่นได้ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกครั้ง อารมณ์ของฮ่องเต้ทรงสงบนิ่งดีแล้ว ไม่ทรงพิโรธเหมือนก่อนหน้านี้
“ฝ่าบาท พระสนมหวังกุ้ยเฟยขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มีสีพระพักตร์เรียบเฉย
“ให้นางเข้ามา”
พระสนมหวังกุ้ยเฟยเดินเข้ามา เต๋อซุ่นรีบออกจากห้องทรงพระอักษร เขาปิดประตูห้อง
“ฝ่าบาท ชูเอ๋อทำผิดไปแล้ว หม่อมฉันขอร้องให้ฝ่าบาทได้โปรดสืบสวนให้ความเป็นธรรมแก่ชูเอ๋อด้วยเพคะ”
หวังกุ้ยเฟยคุกเข่าลงร่ำไห้
“ความเป็นธรรมหรือ? หลักฐานแน่นหนาออกปานนั้น จะไม่ยุติธธรรมได้อย่างไร?”
ฮ่องเต้โจวตรัสอย่างเย็นชา
เขาผิดหวังในตัวลูกสามเป็นอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าวิสัยทัศน์จะสั้นได้ถึงเพียงนี้
“หลักฐานแน่นหนา…” หวังกุ้ยเฟยตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท ท่านต้องช่วยชูเอ๋อนะเพคะ เขาเป็นโอรสของท่าน เด็กคนนี้สับสนไปชั่วครู่เท่านั้น ตอนนี้เขาย่อมเสียใจมากแล้ว ฝ่าบาท หม่อมฉันขอร้องเพคะ”
พระสนมหวังกุ้ยเฟยขอร้องอย่างสิ้นหวัง
ฮ่องเต้โจวไม่ใส่ใจ และเย็นชา หวังกุ้ยเฟยเห็นสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ นางรู้จักพระองค์ดี เขาคิดจะปล่อยมือจากชูเอ๋อ!ชูเอ๋อคือความหวังของนาง นางจะยินดีปล่อยมือจากบุตรชายได้อย่างไร?
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอร้องให้ท่านช่วยชูเอ๋อด้วยเพคะ เห็นแก่ความจงรักภักดีที่สกุลหวังได้ทำลงไปเพื่อฝ่าบาทในตอนนั้น…”
เมื่อหวังกุ้ยเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้ ห้องโถงพลันเย็นเยียบลง สายพระเนตรของฮ่องเต้โจวเต็มไปด้วยความอาฆาตและเย็นชา คำพูดของนางได้ก้าวล่วงละเมิดข้อห้ามของฮ่องเต้โจว!
…………………