บทที่ 501 วันแต่งงาน
ก่อนรุ่งเช้า บ่าวรับใช้ทั้งหมดของจวนสกุลกู้ก็ยุ่งมือเป็นระวิง กู้หวนเนี่ยนตื่นแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเขาก็เดินไปรอบๆห้อง ชายหนุ่มที่สุขุมอยู่เสมอ ตอนนี้กลับกระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก
“คุณชายใหญ่ เปลี่ยนชุดมงคลก่อนเถิดขอรับ” บ่าวรับใช้เข้ามาเตือน
“อืม”
บ่าวรับใช้ช่วยกู้หวนเนี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดของเจ้าบ่าววันนี้เป็นชุดสีแดงสด เขาเคยได้ลองสวมเมื่อนานมาแล้ว ดูเข้ากับเขาได้เป็นอย่างดี
กู้หวนเนี่ยนเป็นคนรูปร่างสูง มีสีหน้าเรียบเฉยเคร่งขรึม ในวันธรรมดาเขาจะแต่งกายด้วยชุดสีดำตลอดเกือบทุกวัน ทำให้ใบหน้าของเขาดูโหดเหี้ยม จนผู้คนหวาดกลัว แต่ในยามนี้เขาสวมชุดสีแดงทั้งตัว ทำให้ดูสดใสขึ้น ลดทอนความโหดเหี้ยมของเขาให้น้อยลง ทั้งยังดูหล่อเหลาน่าดึงดูดใจอีกด้วย บ่าวหลายคนที่ได้เห็นต่างพากันคิดในใจว่า ที่จริงแล้วคุณชายใหญ่ก็ไม่ได้หน้าตาด้อยไปกว่าคุณชายรองเลย
เมื่อเห็นแบบนั้น บ่าวรับใช้ก็กล้าเอ่ยขึ้นว่า
“คุณชายของบ่าวสง่างามมากขอรับ”
ปกติแล้วกู้หวนเนี่ยนไม่ได้สนใจเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาตัวเองสักกี่มากน้อย แต่ในวันนี้เมื่อได้ยินคำพูดของบ่าวรับใช้ จิตใจของเขาก็ไขว้เขว
“เป็นอย่างไร?” กู้หวนเนี่ยนถาม
“หล่อเหลามากขอรับ” บ่าวรับใช้ย้ำตอบอีกครั้ง
หลังจากเปลี่ยนชุดแต่งงานแล้วบ่าวรับใช้ก็ถอยออกไป กู้หวนเนี่ยนยืนอยู่หน้ากระจก
ดูดีแล้วใช่ไหม? ฝางเหมี่ยวจะชอบหรือไม่?
กู้หวนเนี่ยนเปิดประตูออกไป ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว ที่ด้านนอกคึกคักเป็นอย่างมาก ดวงอาทิตย์กำลังจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ผ้าไหมมงคลสีแดงปลิวสะบัดไปตามแรงลม สายลมที่พัดรำเพยมาทำให้หัวใจเขาสั่นไหว
หลายปีต่อจากนี้ กู้หวนเนี่ยนยังคงจดจำได้เสมอว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
….
ยามฟ้าสาง
แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันเข้ามา ท่านแม่ทัพกู้และกู้หวนอวี้ยังอยู่ที่ค่ายทหารไม่ได้กลับมา กู้หวนจิ่นและฮั่วจีว์ บุตรชายและบุตรชายบุญธรรมของฮูหยินกู้จึงเป็นคนยืนรอรับแขกอยู่ที่หน้าประตู
วันนี้ทั้งสองคนมีทีท่าเอางานเอาการ เคร่งขรึมจริงจัง กู้หวนจิ่นสวมชุดสีขาวในขณะที่ฮั่วจีว์เปลี่ยนจากชุดสีแดงไปใส่ชุดสีน้ำเงินแทน ชายหนุ่มทั้งสองคนหล่อเหลา ยืนอยู่ที่หน้าประตูจวน ทำให้ดูเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก
“ยินดีด้วย” แขกเหรื่อที่มากล่าวคำมงคล
“ชื่นมื่น สุขสันต์” กู้หวนจิ่นตอบด้วยรอยยิ้ม
คู่สามีภรรยาสกุลฮั่วก็มาด้วย พวกเขาตกใจมากเมื่อเห็นบุตรชายยืนรับแขกอยู่ที่หน้าประตู นายท่านฮั่วจ้องบุตรชายเขม็ง
“ท่านพ่อเข้าไปเร็ว อย่าได้ขวางทางผู้อื่น” ฮั่วจีว์พึมพำ
นายท่านฮั่วยกมือขึ้นอย่างไม่รู้ตัว หมายจะตีบุตรชาย ทว่า ฮั่วจีว์ไม่หลบ เขายกมือขึ้นกอดอกบราวนี่ออนไลน์
“ท่านพ่อพวกเราอยู่ที่จวนสกุลกู้ ท่านจะไม่ไว้หน้าข้าหรือ?” ฮูหยินฮั่วรีบดึงสามีออกไปเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น
“อย่าโกรธเลย อย่าโกรธเจ้าเด็กดื้อนั่นเลย” ฮูหยินฮั่วปลอบโยนสามีอย่างนุ่มนวล นายท่านฮั่วยิ้มออกมา ทำให้ภรรยาของเขาแปลกใจถึงกับชะงัก
“ท่านพี่…”
“เจ้าลูกชายคนนี้ไม่เลวร้ายนัก วันนี้เขารู้จักมารับรองแขกเหรื่อให้สกุลกู้ได้” นายท่านฮั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าสกุลฮั่วจะเป็นชนชั้นสูง แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจมากมายนัก มีฮั่วจีว์ผู้เหลวไหลเป็นทายาท นายท่านฮั่ววิตกเหลือเกินว่าสกุลฮั่วจะถึงคราพังย่อยยับในมือของบุตรชายคนนี้
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเพื่อนกินเพื่อนดื่มของบุตรชายนั้นไม่ธรรมดา ครั้งก่อนก็เป็นแม่ทัพเฉาเช่า ตอนนี้ก็มาเป็นคนต้อนรับแขกให้สกุลกู้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
….
สกุลฝาง
วันนี้ที่บ้านสกุลฝางรายล้อมไปด้วยผู้คน สกุลกู้ส่งสาวใช้และแม่นมไปช่วยฝางเหมี่ยวแต่งตัวหลายคน
ฝางเหมี่ยวเป็นสาวที่มีหน้าตางดงาม พวงแก้มของนางเป็นสีแดงตามธรรมชาติโดยไม่ต้องทาชาดเสียด้วยซ้ำไป
แม่นมที่กำลังแต่งตัวให้นาง พูดเรื่องกฎกฎธรรมเนียมปฏิบัติในพิธีสมรสให้นางฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง แม้ฝางเหมี่ยวจะได้ยินมาหลายครั้งแล้วแต่กระนั้นนางยังคงฟังอย่างตั้งใจอย่างถี่ถ้วน
ที่ด้านนอกประตูมีสตรีหลายคนต่างชะเง้อศีรษะมองเข้าไปด้านในด้วยความอิจฉาที่บุตรสาวของสกุลฝางได้แต่งงานกับคุณชายกู้
สกุลฝางยากไร้ ซ้ำฝางเหมี่ยวยังทำงานเป็นอู่จั้วที่คลุกคลีกับศพ…
เหตุใดถึงช่างโชคดีเช่นนี้นะ? เหตุใดลูกสาวของพวกเขาจึงไม่ได้รับพรเช่นนี้บ้าง?
ในขณะนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา สีหน้าไม่สบายใจราวกับมีเรื่องกังวล เขาลังเล หยุดชะงักดู
“หลี่คง ฝางเหมี่ยวกำลังจะแต่งงานกับผู้อื่นแล้ว” หญิงสาวผู้หนึ่งจงใจพูดขึ้นเมื่อเห็นเขา
เดิมทีบ้านสกุลหลี่ตั้งใจจะมาสู่ขอฝางเหมี่ยว เพราะคิดว่าสกุลของตนเองสูงส่งกว่าสกุลฝาง ทั้งยังคิดว่าจะเอาเปรียบฝางเหมี่ยวได้ แต่ใครจะรู้ว่าฝางเหมี่ยวจะหันไปหาสกุลกู้ และปีนขึ้นไปยังสกุลกู้ได้ หากเป็นหลี่คงพวกนางคงยอมรับได้มากกว่านี้
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางจึงไม่ตอบรับคำสู่ขอของเจ้าในเมื่อนางมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า”
“มีเส้นทางที่ดีเช่นนี้ แล้วทำไมนางจะต้องมาแต่งกับเจ้ากัน? ทั้งที่เจ้าดีกับนางถึงเพียงนี้”
“ใช่แล้ว นางไม่คู่ควรกับเจ้า””
ผู้หญิงเหล่านั้นซุบซิบนินทากัน
หลี่คงไม่เคยรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าเลย เขาชอบฝางเหมี่ยวมาก
หลังจากที่สกุลกู้มาสู่ขอฝางเหมี่ยว เขาตั้งใจจะปล่อยมือจากนาง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจตัดใจได้ เขาอยากเจอและพูดคุยกับนาง แต่นางปฏิเสธที่จะพบกับเขา
เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถเทียบกับกู้หวนเนี่ยนได้ อีกฝ่ายเป็นถึงผู้พิพากษาของศาลต้าหลี่ ส่วนเขาเป็นเพียงช่างไม้ตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งเท่านั้น แต่เขาชอบนางมาก
ท่ามกลางเสียงพูดคุยซุบซิบของสตรีเหล่านั้น มือของหลี่คงกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“ส่งเสียงอะไรกัน หนวกหูเหลือเกิน ไปคุยไกลๆ เถอะ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาแล้วอย่ามายืนขวางทาง”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาที่หน้าบ้านตะโกนไล่คนเหล่านั้นออกไป หลี่คงก็เดินจากไปเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ไปไหนไกล เพียงแค่เดินอ้อมไปที่หลังบ้าน ยืนพิงกำแพง
เขาหลับตาลงคิดถึงใบหน้าของฝางเหมี่ยว คิดถึงเรื่องที่มีคนพูดว่าเต็มใจจะช่วยเขา
ชายคนนั้นบอกว่าสามารถทำให้เขาได้ฝางเหมี่ยวมาครอบครองได้
หลี่คงและฝางเหมี่ยวจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต…ตลอดชีวิต…
คำสัญญาของผู้ชายคนนั้นฟังดูเย้ายวนใจหลี่คงเป็นอันมาก
เขาหันศีรษะไปมองที่รอยแตกของประตูด้านหลังบ้าน ฝางเหมี่ยวเปิดประตูหลังบ้านเดินออกไปที่สวน
นางสวมชุดสีแดงสด ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อ งดงามราวกับลูกท้อ เปล่งประกายไปด้วยความสุขที่เอ่อล้นจนเห็นได้ชัด
หลี่คงจ้องมองนางด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
เขาล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ ในนั้นมียาซ่อนอยู่ เป็นยาที่ชายลึกลับเอามาให้เขาบอกว่าหากใครได้สูดดมเข้าไป จะทำให้ พวกเขาหมดสติ
เขาแค่เรียกฝางเหมี่ยวออกมาและให้นางดมยานี้เท่านั้น
หลี่คงจ้องมองไปที่ประตูเขากำลังจะเคาะประตู แต่แล้วกลับชะงักมือค้าง
หากเขาพาฝางเหมี่ยวไปกับเขา นางจะมีความสุขไหม?
ความสุขบนใบหน้าของนางตอนนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดหรือไม่? เขาไม่อาจจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ หลี่คงถอนมือออกเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ
หลี่คงไม่รู้ว่าการที่เขาได้หยุดความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนี้ไว้ ไม่เพียงแต่ช่วยฝางเหมี่ยวเท่านั้น แต่ยังช่วยตัวเขาเองไว้อีกด้วย เพราะคนที่ให้ยาและสัญญาว่าจะช่วยให้เขาหนีไปพร้อมฝางเหมี่ยวไม่ได้มีเจตนาดี ต่อให้เขาพาฝางเหมี่ยวไปก็ไม่สามารถหนีออกจากเมืองหลวงได้ ผลลัพธ์คือชื่อเสียงของนางจะย่อยยับและเขาจะถูกจำคุก ชีวิตจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
….
ตอนบ่าย
ขบวนของเจ้าบ่าวเดินทางมาอย่างยิ่งใหญ่ เจ้าบ่าวขี่ม้ามาอย่างสง่างาม
เมื่อสี่เหนียงพาตัวเจ้าสาวออกมา สายตาของกู้หวนเนี่ยนก็จับจ้องไปที่นางอย่างอ่อนโยน เจ้าสาวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว ก่อนจะเดินทางกลับไปยังจวนสกุลกู้ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยผู้ชมอย่างเนืองแน่น
ในหมู่ของพวกเขามีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ นางสวมผ้าคลุมหน้าเผยให้เห็นแค่เพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น นางคือจินเซ่อ ดวงตาของนางหรี่ลง
จินเซ่อผิดหวัง เหตุใดคนผู้นั้นไม่ใช้วิธีการของนาง? นางเกลียดถังหลี่และเกลียดสกุลกู้ นางอยากสร้างปัญหาให้คนเหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหลี่คงจะเป็นพวกขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะสู้เพื่อคนที่ตนเองรัก
จินเซ่อเย้ยหยันก่อนจะเดินจากไป