เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 515 ความฝัน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 515 ความฝัน

กั๋วจื่อเจี้ยน

ในที่สุดจ้าวจิ่งซวนก็ปราศจากมลทิน เขารู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่เหล่าศิษย์พวกนี้รู้ตัวว่าตัวเองคิดผิด

จ้าวจิ่งซวนสามารถนั่งหลังยืดตรงได้อย่างภาคภูมิ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนร้ายวางยาพิษ ความสุขบนใบหน้าของเขาแทบจะปิดไม่มิด

ในชั้นเรียน จ้าวจิ่งซวนจ้องมองไปที่แผ่นหลังของสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งโดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากเลิกชั้นเรียน มีชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาจ้าวจิ่งซวน เขาคือเกาเฉิง ชายหนุ่มพูดจาประจบสอพลอขึ้นมา

“พี่จ้าว พวกเราไปกินอาหารที่โรงอาหารกันไหม?”

หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจ้าวจิ่งซวนได้พบกับคนหลากหลายรูปแบบ เช่น เกาเฉิงที่ตีตัวห่างออกจากเขาไป แต่วันนี้เมื่อทุกอย่างดีขึ้น เขากลับมาประจบเอาใจจ้าวจิ่งซวนอีกครั้ง

ถึงเขาจะไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่จ้าวจิ่งซวนไม่ใช่คนโง่

“ข้าไม่กินข้าวกับคนโง่” จ้าวจิ่งซวนเชิดคางขึ้น พูดอย่างเย่อหยิ่ง เขาเป็นองค์ชายที่มีความหยิ่งทะนงอยู่ในตัว แต่ถูกปกปิดด้วยความเกียจคร้านของตัวเขาเอง เมื่อเขาโยนความเกียจคร้านทิ้ง ความเย่อหยิ่งจึงได้ปรากฏออกมาแทน

ใบหน้าของเกาเฉิงแดงก่ำที่ถูกด่าว่าโง่ต่อหน้า

“ถอยไปให้ห่างจากข้า เจ้ากำลังบังสายตาของข้า” จ้าวจิ่งซวนตวาด

เขามองตามสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง แต่เพราะเกาเฉิงมาขวางไว้ ทำให้ทั้งสองคนคลาดสายตาจากเขาไป จ้าวจิ่งซวนมองเกาเฉิงอย่างเย็นชา จนเกาเฉิงร้อนๆ หนาวๆ เขารีบหนีไป จ้าวจิ่งซวนมองหาสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะลุกขึ้น จ้าวจิ่งซวนก็รีบลุกขึ้นเช่นกัน ทั้งสองเดินไปที่โรงอาหารพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในตำรา ที่ด้านข้างเห็นร่างคนผู้หนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นไปกับพวกเขา

เมื่อมองไปจึงพบว่าเป็นจ้าวจิ่งซวนที่กำลังทำท่าประหลาดอยู่

“บังเอิญจัง พวกเจ้ากำลังไปโรงอาหารหรือ?”

สวี่เจวี๋ยยิ้ม มองเขากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม เขาไม่พูดอะไร ในขณะที่จ้าวจิ่งซวนทำตัวไม่ถูก เว่ยจื่ออั๋งก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน

“ใช่แล้ว บังเอิญจริงๆ”

คนสามคนเดินเข้าไปในโรงอาหารพร้อมกัน

เว่ยจื่ออั๋งไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนสวี่เจวี๋ยเป็นคนไปหยิบอาหารที่พวกเขาอยากกิน สวี่เจวี๋ยสั่งอาหารสามอย่าง มีน้ำแกงหนึ่งชาม มาวางไว้ตรงหน้าพวกเขา ปีนี้ทั้งสองคนอายุสิบสี่ปีแล้ว ทั้งคู่โตขึ้นมาก ชามข้าวของพวกเขาจึงมีขนาดใหญ่ ทั้งสองกำลังจะเริ่มกินอาหารก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ไม่มีใครนั่งตรงนี่หรือ?” จ้าวจิ่งซวนพูดขึ้นมา

“ตอนนี้ในโรงอาหารมีคนเยอะ ที่นั่งถูกจับจองไปหมดแล้ว ที่นั่งของพวกเจ้าใกล้หน้าต่างมองเห็นทิวทัศน์นอกหน้าต่างได้…”

“นั่งสิ” เว่ยจื่ออั๋งพูด

จ้าวจิ่งซวนนั่งลงข้างเว่ยจื่ออั๋ง ไม่นานนักเด็กรับใช้ของเขาก็มาถึง เขาเปิดกล่องอาหารหยิบอาหารออกมาทีละจาน เป็นของดีทั้งหมด มีทั้งปลา ทั้งเนื้อ ถึงห้าชนิดด้วยกัน

“อาหารมีมากมาย ข้ากินคนเดียวไม่หมด” จ้าวจิ่งซวนกล่าวอย่างหนักใจ เขามองไปที่เว่ยจื่ออั่งและสวี่เจวี๋ย

“ทำไมพวกเราไม่กินด้วยกันล่ะ”

ทั้งสองคนมองหน้าพยักหน้าให้กัน สวี่เจวี๋ยซื้ออาหารมาสามจานบวกกับอาหารห้าจานของจ้าวจิ่งซวนก็รวมเป็นแปด แต่ยังยังน้อยไปสำหรับเด็กหนุ่มทั้งสามคน

จ้าวจิ่งซวนตัวสูง แข็งแรงกว่าเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยมาก โดยเฉพาะเว่ยจื่ออั๋งที่มีรูปร่างผอมบาง แขนของจ้าวจิ่งซวนหนากว่าเขาถึงสองเท่า ความอยากอาหารของเขาจึงมีมากกว่า พวกเขาสามคนพยายามที่จะกินอาหารให้หมด ไม่นานท้องของเขาก็ป่องออก

“ขอบคุณ” เว่ยจื่ออั๋งพูด ทำให้จ้าวจิ่งซวนตกตะลึงไป

“ขอบคุณที่เชิญเรากินข้าวด้วย” สวี่เจวี๋ยพูดอีกครั้ง ทั้งสองคนไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเห็นความตั้งใจของจ้าวจิ่งซวนที่พยายามหาวิธีชวนพวกเขากินข้าวด้วย

ทั้งสองจึงยินดีที่จะตกลงรับน้ำใจของจ้าวจิ่งซวน ที่จริงแล้วพวกเขาอดที่จะชื่นชมจ้าวจิ่งซวนไม่ได้ เขาเป็นองค์ชายที่เกเร ดื้อรั้น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข่าวลือ เขายืนหยัดที่จะมาเรียนในสำนักศึกษาต่อไป เขาแยกแยะผิดถูกได้..

“ขอบคุณที่พวกเจ้าเชื่อใจข้าเช่นกัน” จ้าวจิ่งซวนกล่าว

เขาเป็นคนนิสัยเสีย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของเขา โชคดีที่สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งเชื่อมั่นใจตัวเขา ทำให้จ้าวจิ่งซวนประทับใจมาก

เขาตัดสินใจแล้ว!

เขาต้องการจะเป็นสหายกับสองคนนี้!

ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อแม่ทัพจิ้งหรีดของเขาแต่เป็นความเป็นความรู้สึกที่มาจากใจจริงของเขา!

“เจ้าควรตั้งใจเรียนนะ เราไม่ชอบคบสหายที่ไม่มีความรู้” สวี่เจวี๋ยกล่าว

“….”

ความตื่นเต้นที่มีหดหายไปหมด ในฐานะสหายพวกเขาไม่ควรยอมรับทุกอย่างของจ้าวจิ่งซวนหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะพยายามอ่านตำราให้มากๆ

….

พระราชวัง

พระสนมเหลียงมีพระอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สองสามวันก่อนมีเกิดเหตุการณ์ไม่สู้ดีนัก ทั้งพี่ชายและบุตรชายของนางเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แม้พระพักตร์จะดูสงบเยือกเย็นแต่ในใจกลับร้อนรุ่มเป็นกังวล

โชคดีที่ศาลต้าหลี่ค้นพบความจริงได้ทันเวลา

น่าเสียดายที่ไม่อาจจะสาวถึงคนที่อยู่เบื้องหลังได้ แต่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม ย่อมมาจากหวังกุ้ยเฟยอย่างแน่นอน พระสนมเหลียงรู้สึกโล่งพระทัย ทันใดนั้นนางฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางเอ่ยกับแม่นมเจิ้งว่า

“แต่งกายข้าด้วยเครื่องประดับที่ฝ่าบาทประทานให้ข้าทีเถอะ ข้าจะไปเยี่ยมหวังกุ้ยเฟยเสียหน่อย”

เมื่อคืนที่ผ่านมาฝ่าบาทเสด็จมาประทับที่ตำหนักของนางทั้งคืน

ครึ่งเดือนกว่าแล้วที่นางไม่ได้ไปเหยียบที่ตำหนักของหวังกุ้ยเฟยเลย วันนี้นางจะไปเยี่ยมเพื่อให้หวังกุ้ยเฟยได้รับรู้ถึงความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีให้นาง อย่างน้อยหวังกุ้ยเฟยจะได้อยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาบ้าง!

….

กลางดึก จวนอู่โหว

ถังหลี่นั่งอยู่หน้ากระจก นางปล่อยผมของนางตกลงมาทำให้ใบหน้าดูเล็กกว่าเดิม ปลายคางเรียวและดวงตากลมโตอ่อนหวาน เว่ยฉิงหยิบหวีมาสางผมให้กับภรรยา

การเคลื่อนไหวนี้ดูเหมือนว่าเขาทำมานับครั้งไม่ถ้วนจึงได้ดูเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ

แม้ตอนแรกเขาจะซุ่มซ่ามเผลอทำภรรยาเจ็บก็ตาม แต่เพราะเขาชอบหวีผมและเขียนคิ้วให้นาง เขาจึงได้พยายามตั้งใจฝึกทำเรื่องแบบนี้

ถังหลี่ปล่อยให้เขาทำตามใจ

เจ็ดปีแล้วที่นางมายังโลกใบนี้ เว่ยฉิงหวีผมให้นางมาเป็นเวลากว่าห้าปีเช่นกัน หากไม่นับช่วงที่พวกเขาต้องแยกจากกัน

หลังจากผ่านมากว่าห้าปี ตอนนี้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว ถังหลี่มีผมดกหนาสีดำเงางาม เว่ยฉิงค่อยๆ หวีให้ผมของนางพริ้วผ่านมือของเขา ผมของภรรยาเขาสวยมาก เขาอยากจะหวีผมให้นางไปตลอดชีวิตของเขา

“นางเฉินถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการตัดคอ” ถังหลี่เอ่ยขึ้น

“คนชั่วย่อมได้รับผลกรรม” เว่ยฉิงตอบ

“ถูกแล้ว แต่ข้าสงสารเด็กที่เสียชีวิตไปคนนั้น” ถังหลี่ถอนหายใจเบาๆ

“พี่ชายของข้าส่งเถ้าของเขากลับไปยังบ้านเกิดในชิงเหอ”

ใบไม้ที่ร่วงหล่นย่อมหวนคืนสู่รากเหง้า นี่คือสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจ้าวชูเป็นแน่ถังหลี่จดบันทึกความชั่วช้าเอาไว้ในใจอีกครั้ง

เมื่อความดีและความชั่วสุดท้ายสิ้นสุดลง ทุกคนจะได้รับกรรมที่ทำเอาไว้

“ฮูหยิน นอนกันเถอะ” เว่ยฉิงพูด

หญิงสาวพยักหน้าหลังจากเข้านอน คืนนั้นนางก็ฝันถึงเรื่องประหลาด..

นางยืนอยู่ในความว่างเปล่า มีกลุ่มแสงสีขาวปรากฏขึ้นต่อหน้า ก้อนกลมๆ สีขาวนั้นหมุนวนรอบตัวนางอยู่หลายครั้งในที่สุดก็มาหยุดที่ตรงหน้า

เมื่อถังหลี่ยื่นมือไปสัมผัสก็พบว่าก้อนกลมๆ นั้นนุ่มมาก

ชั่วพริบตาต่อมากลุ่มก้อนสีขาวเกิดการเปลี่ยนแปลง มีบางส่วนยื่นออกมาที่ส่วนบนและมุมทั้งสี่ราวกับกำลังมีบางอย่างงอกออกมา สิ่งงอกออกมาคือศีรษะและแขนขา ก้อนกลมสีขาวกลายเป็นเด็กอ้วนใส่เอี๊ยมสีแดงลอยอยู่ในอากาศ จ้องมองนางด้วยดวงตากลมโต

“ลูก…หรือข้าจะท้อง?”

ถังหลี่จำได้ว่าในนิยายเคยมีการบรรยายแบบนี้ เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์นางจะฝัน และเด็กที่เกิดมานั้นย่อมไม่ใช่เด็กธรรมดา นางและสามีเป็นผู้มีอำนาจลูกของพวกเขาต้องไม่ใช่เด็กธรรมดอย่างแน่นอน

แต่ผมของเด็กคนนี้บางไม่เหมือนนางกับสามีเลย..

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท