บทที่ 534 ชะตากรรมของฉินจ้าว
พ่อแม่คงจะคิดถึงเขาแล้ว เพื่อเห็นแก่ที่พวกเขาคิดถึงข้า…
“เหล่าถัง ข้าอยากพบบิดามารดาของข้า” เหยี่ยนเสี่ยวต้วนตัดสินใจ ปีนี้เขาอายุสิบแปดปีแล้ว ในยุคนี้สามารถที่จะตัดสินใจทำตามความต้องการของตนเองได้แล้ว โดยเฉพาะการตามหาบิดามารดาของตนเอง
เหยี่ยนเสี่ยวต้วนโกรธครอบครัวของตนเองจนยอมขายตัวเองเป็นเด็กรับใช้นานถึงสามปีด้วยกัน หากเขาจะไม่ได้พบบิดามารดาของตนเองเลยนับได้ว่าเป็นเรื่องที่อาจหาญเกินไป
“ตกลง อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาข้าด้วย”
“เหล่าถัง ข้าคิดว่า…” เหยี่ยนเสี่ยวต้วนบังเอิญเหลือบไปเห็นวิญญาณชั่วร้ายที่ยืนอยู่ข้างถังหลี่จ้องมองมา เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดว่า
“ผู้อาวุโสถัง ข้าจะจดจำเอาไว้ว่าท่านดีต่อข้ามากแค่ไหน…”
“ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัย อยากได้สิ่งใดล้วนให้พ่อบ้านเป็นคนจัดหาให้ หากเกิดปัญหา เจ้าเขียนจดหมายมาหาข้าได้ และเจ้ากลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อหากเจ้าต้องการ” เหยี่ยนเสี่ยวต้วนพยักหน้า
คำพูดของถังหลี่หมายถึงว่าประตูจวนอู่โหวจะเปิดรับเขาอยู่เสมอ
เหล่าถังเป็นคนอบอุ่น เหยี่ยนเสี่ยวต้วนไม่รีรอ เมื่อตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้ว เขาจะทำทันที
ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น เขาจึงเอ่ยลากับถังหลี่ สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง ก่อนที่จะขึ้นม้าโดยแบกสัมภาระไว้บนหลังของเขา
ถังหลี่มองดูเขาจากไป
“ท่านแม่ ข้ากับสวี่เจวี๋ยอยากไปเยี่ยมอาจารย์เหลียง” เว่ยจื่ออั๋งพูดขึ้น พวกเขาเป็นนักเรียนของกั๋วจื่อเจี๋ยนและได้รับการสอนสั่งจากอาจารย์เหลียง หลังจากสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาสมควรต้องไปขอบคุณอาจารย์ผู้สั่งสอน ถังหลี่พยักหน้า มองเด็กหนุ่มสองคนเข้าไปยังรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนสกุลเหลียง
เมื่อรถม้าเดินทางไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง มีคนกระโดดออกมาขวางทางรถม้าจนทำให้ต้องหยุด
เว่ยจื่ออั๋งเปิดม่าน เห็นชายผู้นั้นมีผมเผ้ากระเซิง เสื้อที่ใส่ยับยู่ยี่ ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นสุราราวกับคนจรจัด เมื่อเห็นหน้าอย่างชัดเจนถึงเขาถึงกลับอึ้งชะงักไป
ฉินจ้าว?
ฉินจ้าวในวันนี้แตกต่างจากวันวาน เมื่อวานเขาดูเย่อหยิ่งเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และลำพองตน แต่ในวันนี้ กลับมีใบหน้าที่ทรุดโทรมดวงตาเป็นสีแดง เห็นได้ว่าผลสอบหน้าพระที่นั่งกระทบกับจิตใจเขามากเพียงไหน
ฉินจ้าวขวางทางที่หน้ารถม้า และปฏิเสธที่จะขึ้นรถ เด็กหนุ่มทั้งสองคนจึงจำต้องลงจากรถม้า ทั้งคู่ต่างโค้งคำนับให้เขา ฉินจ้าวยืนนิ่งไม่ได้โค้งตอบ เชาชี้นิ้วไปยังเว่ยจื่ออั๋งพูดว่า
“ข้าอยากคุยกับเจ้า!”
สวี่เจวี๋ยเดินขึ้นหน้าไปบังเว่ยจื่ออั๋งเอาไว้ข้างหลังเขา
“เจ้าต้องการอะไร?”
“ข้าอยากคุยกับเขาเท่านั้น” ฉินจ้าวพูดอย่างเย็นชา
เว่ยจื่ออั๋งเดินออกมาจากด้านหลังของสวี่เจวี๋ย
“พี่ฉินต้องการคุยกับข้าหรือ?” เขามองไปที่สวี่เจวี๋ย ยิ้มเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ข้าจะคุยกับเขาเอง”
เว่ยจื่ออั๋งเดินไปหาฉินจ้าว
“พี่ฉิน พี่อยากคุยอะไรกับข้าหรือ?” เว่ยจื่ออั๋งถาม
“ข้าอยากฟังคำตอบของข้อสอบหน้าพระที่นั่งเมื่อวานนี้” ฉินจ้าวยังไม่หายข้องใจ ว่าเหตุใดเขาถึงได้แพ้เว่ยจื่ออั๋ง เป็นเพราะฮ่องเต้ชราไม่เข้าใจเลยมอบตำแหน่งให้เขาแบบสุ่มๆ หรือไม่?
เขาไม่มั่นใจ!
“เจ้าข้องใจอะไรหรือ? ฉินจ้าว ถ้าเจ้าแพ้ก็สมควรยอมรับว่าเจ้าแพ้!” สวี่เจวี๋ยพูดออกมาอย่างเหลืออด ใบหน้าเขาเย็นชากรุ่นไปด้วยรอยโทสะ ฉินจ้าวไม่พูดหากจ้องเว่ยจื่ออั๋งอย่างแน่วแน่
“ได้!”
“จื่ออั๋ง…”
“สวี่เจวี๋ย ข้าอยากให้เขายอมรับความพ่ายแพ้” เว่ยจื่ออั๋งหันไปพูดกับสวี่เจวี๋ย เขาจึงไม่พูดอะไรอีก ยืนมองอยู่ข้างอย่างระแวดระวัง
ความจำของเว่ยจื่ออั๋งดีมาก เขาจำบทความที่ตนเองเขียนได้อย่างแม่นยำ เขาท่องจำออกมาได้เหมือนต้นฉบับแทบทุกประโยค น้ำเสียงของเขาไม่ดังมากนัก หากแต่เปี่ยมไปด้วยพลัง เรียบง่ายแต่ชัดเจน
หลังจากที่เว่ยจื่ออั๋งพูดจบ เขามองฉินจ้าว เห็นได้ชัดว่าเขามีอาการตกใจ
“พี่ฉิน พี่จะเปิดเผยคำตอบของพี่ให้ข้าฟังด้วยได้หรือไม่?” เว่ยจื่ออั๋งถาม ฉินจ้าวจึงท่องจำคำตอบของตนเอง เขาไม่ดุดันก้าวร้าวเหมือนก่อนหน้า
เด็กทั้งคู่นิ่งฟัง หลังจากฟังจบแล้ว เขารู้สึกได้ถึงความคิดแปลกใหม่ของฉินจ้าว หากแต่เป็นทฤษฎีจนยากเกินกว่าจะเข้าใจได้
เว่ยจื่ออั๋งจึงได้ถามในสิ่งที่เขาสงสัยกับฉินจ้าว นั่นทำให้เขาถึงกับตอบไม่ได้
“พี่ฉิน พี่เข้าใจหรือยังว่าเหตุใดข้าถึงได้ตำแหน่งจ้วงหยวน!”
ใบหน้าของฉินจ้าวผิดหวังและซีดเซียว
เขาแพ้แล้ว! แพ้อย่างย่อยยับเลยทีเดียว! ฉินจ้าวแหงนหน้าขึ้นหัวเราะนานกว่าหยุด
“ข้าเข้าใจแล้ว น้องเว่ย ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก” ฉินจ้าวก้มลงโค้งให้เว่ยจื่ออั๋งอย่างยอมแพ้
ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า นอกจากนี้เขายังได้รู้ถึงข้อบกพร่องของตนเองอีกด้วย
เขาไม่ชอบพูดคุยกับผู้คน ชอบแต่อ่านหนังสือใช้เวลาอยู่กับตำราเป็นเวลานาน
ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวว่านั้นคือไม่รู้ว่าล้มเหลวได้อย่างไร? เขาโชคดีมากที่ได้รู้จักเด็กทั้งสองคนนี้ ฉินจ้าวหันหลังกลับ ครั้งนี้ใบหน้าเขาไม่ได้แสดงออกถึงความพ่ายแพ้อีกต่อไป
วันต่อมา ฉินจ้าวไปที่สำนักฮั่นหลินเพื่อขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าเขามีข้อบกพร่องมากมาย เขาต้องการกลับไปเล่าเรียนใหม่ และจะกลับมาสอบอีกครั้งในภายหน้า
ทั่นฮวาหลางต้องการละทิ้งตำแหน่ง และจะกลับมาสอบใหม่หรือ? สิ่งนี้ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนในประวัติศาสตร์ ราชบัณฑิตไม่อาจจะตัดสินใจได้ เขาจึงได้กราบทูลถวายรายงานต่อองค์ฮ่องเต้ ฝ่าบาทไม่เพียงแต่ไม่กริ้ว ซ้ำยังทรงอนุญาตให้เขาได้กลับมาสอบใหม่ในภายหน้าอีกด้วย
ฉินจ้าวจึงกลับไปยังเหลียงโจว ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ห้าปีหรือสิบปีก็ตาม เขาจะต้องกลับมาสอบและคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนให้จงได้!
………………..
กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่ถังหลี่ได้ผล็อยหลับไป นางเข้าสู่ห้วงฝันอีกครั้ง วัตถุกลมเรืองแสงปรากฎขึ้นต่อหน้าของนาง เมื่อถังหลี่แตะเข้า วัตถุกลมก็ได้ขยายยืดแขนขาออกมากลายเป็นทารกน้อยตัวอ้วน ครั้งนี้เด็กน้อยอ้วนท้วนกว่าเดิมทั้งยังมีผมดกหนาขึ้นอีกด้วย
“เทียนเต๋า ท่านเริ่มอ้วนขึ้นแล้ว!”
เทียนเต๋ารับคำในลำคอสองครั้ง
“ขอบคุณเจ้า”
ถังหลี่แปลกใจ
“จะพูดว่าอย่างไรดีนะ” เทียนเต๋าตกลงสู่พื้นกลายเป็นเด็กชายผู้หนึ่ง เขาเอามือถูคาง
“เจ้าเปลี่ยนชะตากรรมของคนสองคน”
“สวี่ลู่ไป๋?” ถังหลี่ถาม
“ใช่ เขาเป็นคนกตัญญู จิตใจดี แต่ถูกคนชั่วใส่ร้ายแล้วจึงไปกระโดดน้ำตาย แม่ผู้ชรา ภรรยาและลูกๆ ที่กำลังรอเขากลับไป เมื่อไม่เห็นเขากลับมา ครั้งสุดท้ายมารดาป่วยหนัก ต่อมาภรรยาพาลูกๆ ไปหาเขาที่เมืองหลวง ระหว่างทางจึงได้เจอโจรปล้นฆ่า เสียชีวิตทั้งครอบครัวอย่างอนาถ น่าสลดใจ เป็นเพราะความช่วยเหลือจากเจ้า เขาจึงได้คลี่คลายคดีจนสำเร็จ ได้กลับบ้านเกิดเพื่อไปร่ำเรียนต่อ จากนั้นเขาจะได้เข้าสอบอีกครั้ง เขาจะสอบผ่าน ทั้งครอบครัวพากันดีใจมีความสุข เขาจะได้เป็นเจ้าเมืองที่ซื่อสัตย์ ยุติธรรม แก้ไขปัญหาโจรผู้ร้าย ดูแลเอาใจใส่ราษฎรจนได้รับการสรรเสริญจากคนทั่วไป”
คนดีย่อมได้รับกรรมดี คนชั่วย่อมเป็นไปตามกฎแห่งสวรรค์
เป็นเพราะเขาได้พรจากสิ่งที่ถังหลี่ทำลงไป เขาจึงดูอ้วนท้วน สมบูรณ์พูนสุขมากขึ้น
“มีผู้อื่นอีกไหม?”
“ฉินจ้าว”
ถังหลี่อยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นกับชะตากรรมของเขาหรือ?”