บทที่ 539 ต่อสู้กับศัตรูจริงๆ
“สามี ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี” ถังหลี่ปลอบใจเว่ยฉิง
“สืบหาสถานการณ์ของไทเฮาก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีรักษานาง”
เหตุใดไทเฮาถึงได้กลายเป็นสติไม่ดีไปได้?
นางเป็นแบบนี้มานานเพียงใดแล้ว?
สิ่งนี้เกิดขึ้นเองหรือว่ามีผู้คนจงใจทำให้นางเป็นเช่นนี้?
ฮ่องเต้รู้เรื่องเหล่านี้ด้วยหรือไม่?
เขาต้องการรักษานางหรือจะปล่อยให้นางเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่องที่น่าสงสัยเหล่านี้จำเป็นต้องสืบหาเสียก่อนเพื่อจะได้จัดการให้ถูกต้องต่อไปได้
“ข้าเข้าใจแล้ว ฮูหยิน” เว่ยฉิงจุมพิตภรรยาที่หน้าผาก ด้วยน้ำเสียงแหบเครืออ่อนโยน
“ดึกแล้ว เสี่ยวถังหลี่ไปนอนกันเถอะ” ถังหลี่พยักหน้า เว่ยฉิงกอดนางเอาไว้ จากนั้นจึงได้ให้นางเอนตัวลงนอนภายในอ้อมกอดของเขาหญิงสาวหลับตาผล็อยหลับไป
…
สองวันต่อมาจวนอู่โหวได้ต้อนรับแขกมีเกียรติท่านหนึ่ง
“ฮูหยิน มีบุรุษผู้หนึ่งมาหาเจ้าค่ะ”
บุรุษ? บ่าวรับใช้ไม่รู้จักเขาจึงไม่ได้เชิญเข้ามาในจวน เมื่อถังหลี่มาที่ประตูด้านหน้า นางเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านนอก รูปร่างของเขาสูงเพรียวประมาณถังหลี่สวมชุดผ้าต่วนดูหรูหราสูงส่ง เขาเบือนหน้าหล่อเหลาหันมา
บุรุษที่ไหนกัน? เห็นชัดๆ ว่าเป็น…องค์หญิงจิ้งชู นางแต่งกายด้วยชุดบุรุษ ด้วยความที่หน้าอกยังไม่ได้เจริญเติบโตมากนัก เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าของผู้ชายแล้วกลับทำให้ดูเหมือนชายหนุ่มรูปงาม
“นายน้อยผู้นี้เป็นเพื่อนที่ดีของข้า ต่อไปหากเขามาหาข้าอีก ก็เชิญเขาเข้ามาได้เลย” ถังหลี่กำชับบ่าวที่เป็นคนดูแลแขกเอาไว้ องค์หญิงจิ้งชูมีความสุขมากเมื่อได้ยินคำสั่งของถังหลี่ นางคว้าแขนหญิงสาวเอาไว้
“ข้าขอร้องเสด็จพ่อถึงสองวันเลยทีเดียว กว่าท่านจะยอมปล่อยข้าให้ออกมาข้างนอก อยู่ในวังข้าเหมือนจะหายใจไม่ออก”
องค์หญิงจิ้งชูบ่นพึมพำ
“ฮูหยินอู่ ท่านมีชื่อว่าอะไรหรือ?”
“ถังหลี่ ถังถัง เสี่ยวถัง” ถังหลี่ตอบ
“ถังหลี่… ชื่อของเจ้าฟังดูพิเศษไม่เหมือนใคร ข้าขอเรียกว่าถังหลี่ ก็แล้วกัน เจ้าเรียกข้าว่า ‘อาจื่อ’ เถอะ”
“ตกลงอาจื่อ” ถังหลี่ทำตามคำแนะนำ องค์หญิงจิ้งชูยิ้มอย่างมีความสุข ในอดีตเมื่อนางชื่นชอบใครนางจะอนุญาตให้เขาเรียกชื่อเล่นของได้ แต่พวกเขากลับยกยอปอปั้นและปฏิเสธที่จะเรียกนางว่าอาจื่อ เรื่องนี้ทำให้องค์หญิงจิ้งชูไม่ค่อยพอพระทัยมากนัก
นางไม่ชอบให้ใครมาชอบหรือนับถือนางเพราะสถานะองค์หญิง แต่นางชอบคนเช่นถังหลี่ที่ดีกับนางอย่างมิตรสหายผู้หนึ่งไม่ใช่เพราะนางเป็นองค์หญิงแต่อย่างใด องค์หญิงจับมือถังหลี่เดินเข้าไปในจวน
“เสด็จพ่อเล่าให้ข้าฟังว่า ทั้งจ้วงหยวนและปั๋งเหยี่ยนในครั้งนี้ล้วนมาจากจวนอู่โหวจริงหรือ?”
“ใช่แล้ว พวกเขาเป็นบุตรชายของข้าเอง” น้ำเสียงของนางมีความภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิด
บุตรชายทั้งสองคนของนางเก่งจริงๆ เสด็จพ่อยังตรัสอย่างหยอกล้อเกี่ยวกับการหาสามีให้นางด้วยซ้ำ โชคดีที่เด็กน้อยทั้งสองอายุน้อยกว่านาง นางจึงไม่ลำบากใจมากนัก เพียงแต่อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ เป็นเพราะมีคนพากันร่ำลือว่าเด็กหนุ่มทั้งคู่หน้าตาสง่างามราวกับหยก
“วันนี้พวกเขาอยู่หรือไม่?”
“พวกเขาไปทำงานที่สำนักฮั่นหลินกันน่ะ”
องค์หญิงรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เห็นหยกคู่ที่คนร่ำลือกัน น่าเสียดาย…
ถังหลี่พานางเข้าไปในโถงนั่งเล่น
เมื่อเดินจากประตูไปไม่ไกลมากนักก็ถึงโถงนั่งเล่นแล้ว หากเป็นในวังอาจจะต้องใช้เวลาในการเดินทางนานกว่านี้
“จวนของเจ้าเล็กมาก” องค์หยิงจิ้งชูถอนหายใจ
“ใช่แล้วจวนอู่โหวของเราเล็กมากจนไม่อาจต้อนรับพระประธานใหญ่เช่นเจ้าได้” น้ำเสียงเยาะหยันดังขึ้น
องค์หญิงจิ้งชูหันหลังไปมองพลันเมื่อเห็นคนผู้นั้น นางถึงกับตกใจ
“เจ้า…เจ้า เข้ามาได้อย่างไรกัน ถังหลี่ไล่เขาออกไป เร็ว!” กู้หวนจิ่นโบกพัดที่ถือไว้ในมือ เดินเข้ามาในโถงนั่งเล่นด้วยท่าทางยโส
“นี่เป็นบ้านของน้องสาวข้า เจ้าอยากไล่ข้าออกไปหรือ?” กู้หวนจิ่นเลิกคิ้ว ดวงตาขององค์หญิงจิ้งชูโตขึ้นมาทันที
“น้องสาว! ถังหลี่เขาเป็น…”
“พี่สาม!” ถังหลี่พูดขึ้น
“เป็นญาติ?” องค์หญิงจิ้งชูถาม
“ข้าเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาง” ใบหน้าเล็กๆ ขององค์หญิงจิ้งชูห่อเหี่ยวไปในทันใด เหตุใดคนที่น่ารำคาญเช่นนี้ถึงได้เป็นพี่สามของถังหลี่ได้นะ คิดแล้วอยากจะหันหลังกลับจากไปจริงๆ นางไม่ชอบคนผู้นี้ แต่ชอบถังหลี่มากจริงๆ
ช่างเถอะๆ แต่ถ้าหากไม่มีเขาคงจะดีกว่านี้
ถังหลี่ประหลาดใจ
“พวกท่านรู้จักกันหรือ?”
“เรื่องมันยาว ครั้งแรก ข้าเจอคนถูกขโมยเงิน ข้าไปช่วยไล่จับขโมยแต่พอกลับมาถึงข้ากลับโดนซ้อม!” กู้หวนจิ่นพูดขึ้น
องค์หญิงจิ้งชูอดไม่ได้ที่จะเถียงกลับ
“ข้าเข้าใจผิดเอง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนขโมยเงินไป ข้าขอโทษท่านแล้ว แต่ท่านยังดุข้าอีก”
“มีครั้งที่สองอีกนะ ตอนที่ข้าเดินดีๆ อยู่บนถนน กลับมีคนหาว่าข้าทำแจกันแตก เป็นเด็กคนนี้สร้างปัญหาให้ข้าอีก “ กู้หวนจิ่นหันมาบ่นให้ถังหลี่ฟัง
มีอีกครั้งเขาเห็นเด็กคนนี้เดินมาแต่ไกล เขาอยากเดินอ้อมเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับนาง แต่พอก้าวเปลี่ยนทาง เท้ากลับตกลงไปในคูน้ำ ทั้งรองเท้าและกางเกงเปียกโชกไปหมด
พอเจอเด็กคนนี้ทีไร เขาต้องเคราะห์ร้ายทุกครั้ง นางคือหายนะของเขา!
องค์หญิงจิ้งชูรู้สึกผิดเมื่อได้ยินเขาพูด
นางผิดจริง แต่เขาต้องดุว่านางถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
นางเป็นองค์หญิง ได้รับการเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีใครต่อว่านางรุนแรงเช่นนี้มาก่อนเลย
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธ ใบหน้าเล็กๆ งอง้ำเต็มไปด้วยโทสะ
“อาจื่อ นั่งลงเถอะ”
องค์หญิงจิ้งชูประทับลงนั่งข้างถังหลี่ กู้หวนจิ่นโบกพัดไปมา นั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆองค์หญิง นางลุกขึ้นทันทีย้ายไปนั่งข้างถังหลี่ ยิ่งห่างไกลคนผู้นี้มากเพียงไหนก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
กู้หวนจิ่นหัวเราะเยาะ
“ถังหลี่ไปเดินเล่นกับข้าได้ไหม?” องค์หญิงจิ้งชูเอ่ยชวน
“น้องสาวข้ากำลังท้อง เจ้าอย่าได้ทำให้นางเหน็ดเหนื่อยเลย” กู้หวนจิ่นเอ่ยขัดขึ้นมา
องค์หญิงจิ้งชูเหลือบมองที่ท้องของถังหลี่อย่างแปลกใจ ถังหลี่ท้องหรือ? นางไม่เห็นหน้าท้องของนางจะนูนขึ้นมาเลย แต่ถ้าหากดูมองใกล้ๆ ก็จะเห็นเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น
“สามเดือน อาการตั้งครรภ์ยังไม่ค่อยชัดเพคะ” ถังหลี่พูดเมื่อเห็นการมองอย่างแปลกใจของนาง
ถังหลี่มองไปที่กู้หวนจิ่น
“พี่สาม ท่านพาอาจื่อไปเดินเล่นหน่อยเถิด”
“ข้าไม่ไป!”
“ข้าไม่อยากไปกับเขา!” ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันทันที
ถังหลี่หัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
พวกเขาไม่ถูกกันจริงๆ
กู้หวนจิ่นตะโกนขึ้นว่า
“ให้พ่อบ้านพาเขาไป…” ถังหลี่ขัดจังหวะขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ข้าจะพาอาจื่อไปเดินเล่นเอง ข้าไม่เหนื่อย”
ถังหลี่จึงได้พาอาจื่อไปเดินเล่นรอบๆ หลังจากรู้ว่าถังหลี่ตั้งครรภ์ องค์หญิงจิ้งชูก็ช่วยประคองถังหลี่เดิน ทำให้นางรู้สึกขบขัน
“ไม่ต้องระวังให้มากนัก”
“ถังหลี่นั่งเถอะ” ทั้งสองคนนั่งลงในสวน
“ที่จริงข้าอยากออกมาเดินเพราะไม่อยากเห็นชายร้ายกาจผู้นั้น” นางเอ่ยขึ้นมากับถังหลี่
“เขาชื่อกู้หวนจิ่น”
“กู้หวนจิ่น?” องค์หญิงจิ้งชูพูดเสียงดังอย่างประหลาดใจ นางเคยได้ยินเสด็จพ่อตรัสว่าเขาเป็นคนดี อยากเลือกเขาเป็นราชบุตรเชยให้นาง หากแต่นางปฏิเสธไป แต่งงานกับคนปากร้ายเช่นนี้ชีวิตจะมีดีอะไร?
“มีอะไรหรือ?”
องค์หญิงส่ายพระพักตร์
“ไม่มีๆ” ทั้งสองพากันซุบซิบเรื่องของจินเซ่อต่อ
องค์หญิงจิ้งชูไม่พอใจจินเซ่อมาก ใบหน้าเล็กๆ ของนางแดงก่ำด้วยความโมโหสะท้อนให้ ถังหลี่เห็นว่านางมีความสุขมากเพียงไหนที่ได้สาปแช่งหญิงผู้นั้น
………………….