บทที่ 541 หมอซูกลับมาแล้ว
ณ จวนอู่โหว
เมื่อเว่ยฉิงกลับมาจากทำงาน เขาเดินตรงไปยังเรือนเพื่อหาภรรยาของเขา ถังหลี่นั่งอยู่ในสวนกำลังทำงานเย็บปักถักร้อยที่นางไม่ถนัดและงุ่มง่าม
เขาถอดเสื้อคลุมของขุนนางออก เดินเข้าไปข้างๆ กอดถังหลี่และจุมพิตที่หน้าผาก
“กลับมาแล้วหรือ?”
“อืม” เว่ยฉิงนั่งยองๆ กดใบหน้าเข้าแนบที่ท้องของภรรยา ถังหลี่พูดกับเขานับครั้งไม่ถ้วนว่า ทารกยังไม่โตพอที่เขาจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว แต่เขาชอบทำแบบนี้เสมอ ถังหลี่จึงปล่อยให้เขาทำ
นางวางงานปักที่อยู่ในมือลงลูบศีรษะเขาเบาๆ
“วันนี้องค์หญิงจิ้งชูเสด็จมาหา ข้าถามนางเรื่องไทเฮา นางว่าท่านสติเลอะเลือนมาสี่ห้าปีแล้ว”
ถังหลี่เล่าให้เขาฟัง
“วังหลวงมีการป้องกันที่แน่นหนา ยากที่จะแทรกผู้คนเข้าไปได้ โดยเฉพาะตำหนักพุทธวาสของไทเฮา เต็มไปด้วยคนขององค์หญิงใหญ่” เว่ยฉิงพูดขึ้น
พระนางทรงมีเมตตากับเขาจริงๆ แต่การที่เขาจะหาข่าวหรือรู้ว่าไทเฮามีพระวรกายเป็นอย่างไรบ้างก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน แต่เดิมเขาคิดว่าจะได้เห็นพระนางในงานเลี้ยง แต่พระนางกลับทรงพระประชวร ไม่สามารถเสด็จมางานเลี้ยงได้
ในสวนหลวงที่นั่น เขาได้บังเอิญพบไทเฮา แต่เสด็จย่าของเขา… หัวใจของเว่ยฉิงหม่นหมองและซึมเศร้า ถังหลี่ลูบผมเขาเบาๆ
“สามี ท่านต้องอดทนเข้าไว้ก่อน แล้วเรื่องราวจะดีขึ้นเอง”
“ฮูหยิน ข้างกายของเสด็จย่ามีนางกำนัลคนเก่าคนแก่คอยติดตามนางอยู่ตลอด ข้าจะให้คนไปตรวจสอบดูว่านางยังมีความจงรักภักดีต่อเสด็จย่าอยู่หรือไม่? ถ้านางยังมีอยู่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น”
หากนางกำนัลผู้นั้นยังมีความจงรักภักดีอยู่ เขาก็อาจจะได้และเข้าใจสถานการณ์ของเสด็จย่าได้ดีขึ้น
สองวันต่อมา เว่ยฉิงได้ข่าวใหม่ เขารีบกลับไปบอกกับถังหลี่
“ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว แม่นมฉู่มามายังคงภักดีต่อเสด็จย่าอยู่เช่นเดิม แต่นางว่าอาการของเสด็จย่าไม่ดีมาเกือบสิบปีแล้ว”
ไทเฮาทรงมีพระเมตตาและกรุณาต่อเสด็จแม่และตัวเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้น มารดาของเขาฆ่าตัวตาย ตัวเขาหายไป เหตุการณ์นี้นับได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมจนทำให้กระทบกระเทือนพระทัยของไทเฮาเป็นอย่างมาก
“เมื่อห้าปีก่อนหน้า ไทเฮาได้ทรงฟั่นเฟือนไป เพราะถูกการกระตุ้นจากบางอย่าง ฮ่องเต้จงใจประกาศว่าพระนางวิปลาสไปโดยที่ไม่มีหมอหลวงมาตรวจนางเลย”
ถังหลี่จับมือของเว่ยฉิงเอาไว้
“สามี ท่านจะคิดทำอย่างไร?”
“ข้าย่อมหวังอยากให้อาการพระประชวรของเสด็จย่าดีขึ้น ข้าตั้งใจจะให้แม่นมฉู่รายงานอาการของพระนางให้ฟัง จากนั้นจะขอให้หมอจ่ายยาให้นาง..”
เว่ยฉิงขมวดคิ้ว ในวังนั้นมีอันตรายแอบแฝงอยู่ทั่วไป คงไม่ดีสำหรับเขาที่จะกระทำการวู่วาม แต่เขาไม่อาจเพิกเฉยต่อเสด็จย่าได้ หากปล่อยให้นางคลุ้มคลั่งวิปลาสเช่นนี้ไป นานวันเข้าอาจจะไม่มีทางรักษาให้หายได้
“สามี หมอซูใกล้จะกลับมาหรือยัง?” ถังหลี่ถามขึ้น
“ตามที่เขียนในจดหมาย น่าจะมาถึงภายในสองวันนี้แล้ว” เว่ยฉิงตอบ
“สามี ปัญหาที่ท่านกังวล หมอซูน่าจะแก้ไขได้”
เว่ยฉิงมองภรรยารอให้นางพูดต่อ
“หมอคนอื่นอาจสั่งเทียบยาแล้วเอาไปต้มในตำหนักของไทเฮา นั่นจะดูออกง่ายดายเกินไป แต่หมอซูสามารถปรุงยาเป็นเม็ดน้ำตาลซึ่งยากแก่การจะตรวจพบได้”
ดวงตาของเว่ยฉิงเป็นประกาย
ใช่แล้ว! หากทำยาเป็นเม็ดน้ำตาลก็ยากที่จะตรวจพบได้ เว่ยฉิงโอบภรรยาเขามาในวฃแขน จุมพิตไปที่ใบหน้าของนาง
“ภรรยา เจ้าฉลาดจริงๆ”
….
ห้าวันต่อมา
หมอซูและฮูหยินซูกลับมาจากฉิงโจว พวกเขาเดินทางไกลมาอย่างยากลำบาก
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยดีแล้วพวกเขาจึงมาหาถังหลี่
ไม่เจอกันปีกว่าแล้ว
ถังหลี่มองสามีภรรยาทั้งคู่ นอกจากความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
ฮูหยินซูคว้ามือถังหลี่มองนางขึ้นลงอย่างสำรวจตรวจตรา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางมีเลือดฝาด เปล่งปลั่ง ฮูหยินซูรู้สึกโล่งใจ
“เสี่ยวถัง ข้าได้ยินว่าเจ้าท้องหรือ?” ฮูหยินซูพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากถังหลี่ตั้งครรภ์ นางได้บอกเซียวซานหลางซึ่งอยู่ห่างไกลในฉินโจว พอเขารู้ เขาก็มีความสุขมาก ถังหลี่แตะท้องของตนเอง นางพยักหน้า
ฮูหยินซูมีความสุขมาก ถังหลี่และเว่ยฉิงแต่งงานมานานหลายปีแล้ว พวกเขาควรจะมีลูกของตนเองได้แล้ว
“สามี ท่านมาช่วยจับชีพจรของเสี่ยวถังหน่อยเถอะ” ฮูหยินซูเรียกสามีมาจับชีพรของถังหลี่
“ถังหลี่สุขภาพดีมาก ทารกในครรภ์ก็มีสุขภาพแข็งแรง” หมอซูไม่เคยเห็นชีพจรที่สม่ำเสมอเช่นนี้มาก่อน เขาไม่จำเป็นต้องสั่งยากันแท้งให้ด้วยซ้ำ แค่ให้นางใส่ใจระวังเรื่องอาหารเท่านั้น หมอซูยังคงมีสิ่งค้างคาอยู่ในใจของเขา
“ถ้าเช่นนั้นมือของตู้เย่…” ก่อนหน้าที่เขาจะไปรักษาอาการให้นายท่านสาม เขาได้สังเกตเห็นมือของตู้เย่แล้ว
“มือของเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เขาไม่อาจใช้แรงมากเกินไปได้ มันไม่ยืดหยุ่นเหมือนมืออีกข้างหนึ่งของเขา” ถังหลี่หันไปสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามตู้เย่มา ในไม่ช้าตู้เย่ก็เดินมา ตามด้วยหางของเขา คือซานเป่านั่นเอง
ซานเป่าออกมาจากด้านหลังของตู้เย่ นางวิ่งไปหาฮูหยินซู เด็กหญิงตัวเล็กๆ ไว้ผมม้า ผอมลงเล็กน้อย นางมีดวงตาที่ดำขลับและใบหน้าที่สวยงาม ระหว่างคิ้วและดวงตามีความองอาจกล้าหาญเหมือนกับผู้กล้า
“ซานเป่าเจ้าโตขึ้นมาก” ซานเป่าเอาใบหน้าของตนเองถูไถฮูหยินซูอย่างน่ารัก
หมอซูจับชีพจรให้ตู้เย่ เขาพยักหน้ามองไปที่มือ
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน ไม่นานจะหายเป็นปกติภายในหนึ่งหรือสองเดือน” หมอซูพูดขึ้น
“ขอบคุณหมอซู” ตู้เย่กล่าว เมื่อซานเป่าได้ยินว่ามือของอาจารย์จะหายดี นางยิ้มพร้อมกับยักคิ้ว
“เจ้าหัวเราะเยาะอะไร ก่อนหน้านี้แม้มีมือเดียวข้าก็สั่งสอนเจ้าได้ แล้วตอนนี้ข้ามีถึงสองมือจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้หรือ?” ตู้เย่พูดอย่างเย็นชา
ใบหน้าเล็กๆ ของซานเป่าแข็งทื่อไป จากนั้นนางจึงได้ยิ้มออกมาอย่างสดใสว่า
“ท่านอาจารย์จะมีมือดีหรือไม่? ไม่สำคัญตราบใดที่ท่านยังสั่งสอนข้าได้” ใบหน้าที่เย็นชาของตู่เย่แปรเปลี่ยนไป ซานเป่าหันมาหามารดา นางกะพริบตาให้อย่างเจ้าเล่ห์ อาจารย์ถูกนางเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้วใช่ไหม?
ถังหลี่ิยิ้มยกนิ้วให้ซานเป่าอย่างชมเชย บุตรสาวรู้จักที่จะเอาใจอาจารย์ของนาง เหตุใดถังหลี่จะไม่เข้าใจ…ตู้เย่กินอ่อนไม่กินแข็ง ซานเป่ารู้จักพูดจาเอาใจอาจารย์ของนางก็เพื่อจะได้ถูกเฆี่ยนตีให้น้อยลงกว่าเดิมนั่นเอง
ในตอนเย็น เมื่อเว่ยฉิงได้ยินว่าหมอซูและภรรยาได้เดินทางมาถึงแล้ว เขาและถังหลี่จึงได้ไปหาหมอซู หลังจากแลกเปลี่ยนทักทายกันจึงได้เริ่มพูดถึงเรื่องอาการของท่านลุงสามของเขา
“นายท่านสาม อาการดีขึ้นมาก ท่านว่าการใช้ชีวิตในฉิงโจวนั้นสะดวกสบายกว่าในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่อยากกลับมาที่เมืองหลวง” หมอซูพูดเสริมขึ้นว่า
“นายท่านสามฟื้นตัวได้เร็ว เขาตกปลากับท่านอาจารย์จ้านทุกวัน ชีวิตช่างแสนสุขสบายใจ” เว่ยฉิงพยักหน้า
เขาเข้าใจดี และรู้ว่าท่านลุงสามไม่อยากกลับเพื่อเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเขา ครอบครัวของเขาจะกลับมารวมตัวกันได้ก็ต่อเมื่อตระกูลเซียวได้สะสางความแค้นแล้วเท่านั้น
ตอนนี้เขาวางใจได้ว่าอาการของท่านลุงสามได้หายดีแล้ว เขารอถึงวันนั้นได้
“หมอซูมีอีกเรื่องที่ข้าอยากรบกวนท่าน”เว่ยฉิงเอ่ยขึ้น
“มีปัญหาอะไรหรือ?” เว่ยฉิงเล่าถึงอาการของไทเฮาให้เขาฟัง
“หมอซูท่านจะเขียนเทียบยารักษาโรคให้นางได้หรือไม่?”