เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 543 อดีตและปัจจุบันขององค์หญิงจิ้งชู

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 543 อดีตและปัจจุบันขององค์หญิงจิ้งชู

ถังหลี่แปลกใจเช่นกัน ปกติแล้วพี่สามของนางไม่ได้มาเยี่ยมนางบ่อยนัก แต่สองครั้งหลังสุด เขากลับได้เจอกับองค์หญิงจิ้งชูทุกครั้ง

หรือว่านี่คือพรหมลิขิต?

“ข้าไม่ได้มองหาเจ้า” นางพูดอย่างเย็นชา

“อ้อ!” กู้หวนจิ่นรับคำแล้วนั่งลง เขาเกิดมามีหน้าตาหล่อเหลา คิ้วราวกับดาบ ดวงตาเป็นประกาย ยามที่โบกพัดไปมาดูมีเสน่ห์และเจ้าชู้อย่างบอกไม่ถูก ดวงตาขององค์หญิงเบิกกว้าง

เขาไม่เถียงหรือ?

ปกติแล้วคนผู้นี้จะปากไวและโต้เถียงกลับเสมอ หาได้ยากที่เขาจะเป็นแบบนี้

ดูผิดปกติเกินไป

เดิมทีนางอยากจะคุยกับถังหลี่ แต่สายตาของนางกลับไปจดจ่อระวังระไวอยู่แต่กับกู้หวนจิ่นเสียเป็นส่วนใหญ่

“ถังหลี่ ครั้งที่แล้ว ข้ายังเดินชมจวนอู่โหวไม่รอบเลย ครั้งนี้มาเดินชมกันต่อเถอะ” นางเอ่ยออกมาเบาๆ

หากกู้หวนจิ่นลุกขึ้นยืนทันที

“ข้ามีความคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี ข้าจะเป็นคนพาท่านเดินชมเอง”

องค์หญิงจิ้งชู “???”

กู้หวนจิ่นเป็นบ้าไปแล้วหรือ? ไม่เพียงแต่จะไม่เกลียดนาง หากแต่ยังอาสาพานางเดินชมสถานที่อีกด้วย! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วนางอยากรู้ว่ากู้หวนจิ่นคิดอย่างไร นางจึงตอบตกลงเดินไปกับเขา ต่างคนต่างมีเรื่องอยู่ในใจ พวกเขาเดินห่างกันสามก้าว ถังหลี่นั่งอยู่ในโถงนั่งเล่น นางครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่าง

“ถังถัง!” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เป็นฮัวจีว์นั่นเอง

“พี่ชาย”นางร้องเรียกเขาออกมา ฮั่วจีว์ถือของบำรุงอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก

เขาเดินทางมาเยี่ยมน้องสาวเป็นพิเศษ ทั้งสองคุยกันอยู่ชั่วครู่ ส่วนใหญ่จะเป็นฮัวจีว์ที่พูดเสียมากกว่าโดยมีถังหลี่เป็นคนฟังเป็นส่วนใหญ่ ไม่นานนักองค์หญิงจิ้งชูและกู้หวนจิ่นจึงได้เดินเข้ามา ดวงตาของฮัวจีว์กลอกซ้ายขวามองคนทั้งคู่อย่างลับๆ ล่อๆ

เมื่อเห็นเขามองดูทีท่ามีเลศนัย กู้หวนจิ่นรู้สึกขัดเขิน เขาคว้าคอเสื้อฮัวจีว์ขึ้นมา

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“จุ๊ๆๆ ถ้าไม่มาก็คงไม่เห็นอะไรดีๆ น่ะสิ แล้วพี่ชายที่แสนดีของข้าล่ะ?” ฮั่วจีว์ขยิบตาพูด

“ไปให้พ้นใครเป็นพี่ชายของเจ้ากัน?”

“ใครบีบคอข้าอยู่ล่ะ?”

ทั้งคู่กันกันเสียงต่ำ

องค์หญิงจิ้งชูเดินไปที่ด้านข้างถังหลี่ นางตกใจมาก ระหว่างทางที่เดินไปด้วยกัน กู้หวนจิ่นแนะนำจวนอู่โหวให้นางอย่างเคร่งขรึม ไม่มีทีท่าจะล้อเลียนนางแต่อย่างใด ทั้งยังพูดจานุ่มนวลกับนางเป็นอย่างมากอีกด้วย

กู้หวนจิ่นโดนใครลงคาถาอาคมมาหรือ?

“ถังหลี่…ไปที่ห้องของเจ้ากันเถอะ” องค์หญิงจิ้งชูกระซิบ นางมีเรื่องจะพูดคุยกับถังหลี่บราวนี่ออนไลน์

หลังจากที่ทั้งคู่เดินไปด้วยกันแล้ว จึงได้เหลือแต่ฮั่วจีว์และกู้หวนจิ่นที่อยู่ในโถงนั่งเล่น

ฮัวจีว์ “จุ๊ๆๆ” กู้หวนจิ่นรำคาญเสียงจุ๊ๆ ของเขา

“จุ๊ๆอะไร ? เชื่อไหมว่าข้ารำคาญจนจะตัดลิ้นได้”

“ใครถามก่อน คนไม่ตอบเป็นหมา!” เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากของกู้หวนจิ่นกระตุก

“ข้าไปตกลงกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดข้าไม่รู้?”

“บอกข้ามา เจ้าพบองค์หญิงจิ้งชูตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฮั่วจีว์เคยพบองค์หญิงจิ้งชูมาก่อน แม้ว่านางจะแต่งกายเป็นผู้ชายก็ตาม แต่เขายังจดจำนางได้เป็นอย่างดี

เมื่อเห็นฮั่วจีว์เอาหน้ายื่นเข้ามาใกล้ๆ เพื่อที่จะซุบซิบ กู้หวนจิ่นตบหน้าเขาผลักเขาออกไปไกลๆ

“ข้ากับนางไม่มีอะไรเหมือนกับที่เจ้าจินตนาการเอาไว้หรอก!”

“อะไรน่ะ? ยังไม่ถึงขั้นจับมือกันเลยหรือ?”

“ฮั่วจีว์ ถ้าเจ้ากล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียวต่อไปห้ามเจ้าไปกินข้าวที่จวนแม่ทัพ!” กู้หวนจิ่นขู่เขาอย่างไม่ไว้หน้า

ฮั่วจีว์รู้สึกสำนึกผิด เขาจึงเลิกซุบซิบต่อ เขามองท้องฟ้าอย่างเศร้าหมอง กู้หวนจิ่นจะไม่โสดแล้ว เขาเองก็ต้องมองหาภรรยาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะแพ้เจ้าลูกหมากู้หวนจิ่นได้!

ภายในห้อง

องค์หญิงจิ้งชูปรับทุกข์กับถังหลี่

“กัวฮั่นเสวี่ยก็ค่อนข้างดี เสด็จพ่อเองก็ชอบเขามากเช่นกัน แต่ข้ากลับยังไม่ได้ชอบเขาถึงขั้นที่จะอยากแต่งงานกับเขา”

พูดแล้วนางก็สงสัยจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ถังหลี่ เหตุใดเจ้าถึงแต่งงานกับสามีล่ะ?”

“พวกเรารักกัน” ถังหลี่ตอบ

องค์หญิงจิ้งชูเข้าใจได้ในทันที ถังหลี่และสามีของนางต่างมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งคู่รักใคร่กันดี ยามที่ยืนเคียงกันต่างสบตากันอย่างหวานชื่น แม้ยามที่อยู่กับผู้อื่นแล้วสามีของนางจะเป็นคนที่ดุมากก็ตาม แต่เมื่ออยู่กับถังหลี่แล้วเขาเป็นคนอ่อนหวานนุ่มนวล

นางไม่ได้มีความรักกับกัวฮั่นเสวี่ย นางแค่เพียงชอบเขาเท่านั้นเอง

“ขอบคุณ ถังหลี่” ในที่สุดนางก็คิดออก และตัดสินใจจะทูลเสด็จพ่อ ว่านางไม่ได้รักใคร่เขา และนางไม่ต้องการจะแต่งงานกับกัวฮั่นเสวี่ย นางอยากเป็นเหมือนถังหลี่

“ถังหลี่!” ทันใดนั้น องค์หญิงจิ้งชูก็ชี้ไปที่ศีรษะของตนเอ่ยขึ้นว่า

“กู้หวนจิ่นเขา…ผิดปรกติไปหรือ?” ถังหลี่ยิ้ม

“เหตุใดองค์หญิงตรัสเช่นนั้น?”

“ยามข้าพูด เขาไม่โต้เถียงข้า เขาไม่หาเรื่องกับข้าอีก!”

องค์หญิงจิ้งชูไม่คุ้นเคยกับกู้หวนจิ่นที่เป็นแบบนี้เลยสักนิด

“บางทีอาจจะเพิ่งเกิดมโนธรรมคิดขึ้นมาก็เป็นได้” องค์หญิงจิ้งชูชอบประโยคนี้ของถังหลี่มาก ในที่สุดก็ค้นพบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว นางจะได้ไม่ต้องอยากฆ่าคนผู้นี้อีก!

สำหรับองค์หญิงจิ้งชูหากอีกฝ่ายดุร้ายใส่นางมากเท่าใด นางจะแรงตอบมากขึ้นเท่านั้น

ทั้งที่ในความจริงนางเป็นคนมีเหตุผล ทุกครั้งที่ทะเลาะกันกับกู้หวนจิ่น นางเป็นคนก่อปัญหา แต่กู้หวนจิ่นชอบดุนาง นางจึงโต้กลับไปอย่างดุเดือดไม่ยอมแพ้เช่นกัน

ตอนนี้กู้หวนจิ่นรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว นางจึงได้อ่อนลงเป็นธรรมดา

ต่อนี้ไปนางควรมีทัศนคติที่ดีกับกู้หวนจิ่นให้มากขึ้น

“ถังหลี่ ข้าอยากออกไปเดินเล่นที่ถนน อยู่ในวังข้าหายใจแทบไม่ออก” ถังหลี่พยักหน้า

“ไปเถอะ ระวังตัวด้วยเล่า”

ถังหลี่เดินไปส่งที่หน้าประตูจวนอู่โหว มององค์หญิงที่หันหลังเดินจากไปด้วยแววตาครุ่นคิด

“กัวฮั่นเสวี่ย…”

“นางไปแล้วหรือ?” เสียงหนึ่งร้องทักมาจากทางด้านหลัง

ถังหลี่หันกลับมาเห็นเป็นกู้หวนจิ่น

“พี่สาม ท่านจำกัวฮั่นเสวี่ยได้ไหม?”

“กัวฮั่นเสวี่ย..ชื่อนี้ทำให้ข้าคิดถึง..” เขาจำได้ว่าคนผู้นี้เป็นพระสวามีขององค์หญิงจิ้งชู

“ใช่” ถังหลี่พยักหน้า

ในนวนิยายเรื่องนั้น องค์หญิงจิ้งชูแต่งงานกับกัวฮั่นเสวี่ย

“พี่สามเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”

ทั้งคู่เข้าไปในห้องหนังสือเพื่อป้องกันไม่ให้กำแพงมีหู ถังหลี่จึงพูดต่อว่า

“กัวฮั่นเสวี่ยผู้นี้ไม่คู่ควร ยามฮ่องเต้ยังไม่สิ้นพระชนม์ เขารักใคร่ใยดีกับองค์หญิงมากประหนึ่งฉินเส้อสอดประสาน[1] แต่เมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ไป จ้าวชูขึ้นครองราชย์ กัวฮั่นเสวี่ยผู้นี้จึงได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา เขากับหญิงคณิกาโคมเขียวเมาแล้วร่วมมือกันทุบตีองค์หญิงจิ้งชูอย่างน่าเวทนา”

กัวฮั่นเสวี่ยผู้นี้เป็นคนของจ้าวชู เขานำผลประโยชน์มากมายมาให้จ้าวชูโดยอาศัยสถานะราชบุตรเขยของเขา ยามที่จ้าวชูขึ้นครองบัลลังก์เขาจึงยอมรับความประพฤติชั่วของคนผู้นี้

ต่อมาองค์หญิงจิ้งชูใช้เวลานานมากเลยทีเดียวกว่าจะหย่ากัวฮั่นเสวี่ยผู้นี้ได้

นางคิดว่าตนเองได้พ้นทุกข์ไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าท่านข่านแห่งเผ่าฮันมาขอแต่งงานกับดาวนำโชคเช่นนาง

“ที่จ้าวชูอนุญาตให้นางหย่ากับกัวฮั่นเสวี่ยเป็นเพราะเขาต้องการให้นางแต่งงานกับข่านผู้นั้นต่างหาก”

ถังหลี่ถอนหายใจออกมา

และนี่ย่อมมีจูชุนเจียวอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางเกลียดองค์หญิงจิ้งชูมากและต้องการจะแก้แค้นนาง

……………..

[1] ฉินเส้อสอดประสาน (ฉินและเส้อเป็นเครื่องดนตรีที่จะบรรเลงร่วมกัน) อุปมาว่า สามีภรรยารักใคร่กันราวกับดนตรีที่สอดประสานกันอย่างดี

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท