บทที่ 561 : จุนหรู่ชิง (5)
คราวนี้หวงฉีร้องไห้ออกมาจริงๆ
หรือเพราะเขาเป็นบิดาที่เฮงซวยจึงต้องมีลูกเฮงซวยเช่นนี้ ?
ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าเขาจะรวบรวมสมบัติเหล่านี้มาได้เขาต้องใช้เวลาหลายต่อหลายปี หากแต่เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา สมบัติล้ำค่าของเขากลับถูกนำไป …
”ท่านย่าท่านพ่อ ข้าจะไปพบว่าที่สามีของข้า ลาก่อน”
หวงเสี่ยวหยิงส่งยิ้มให้คนทั้งสองในมือของนางถือถ้วยหยกมั่น ก่อนจะผลุนผลันรีบจากไป
*****
ด้านนอกประตูตำหนักไป๋เยว่หวงเสี่ยวหยิงถูกทหารรักษาการณ์ทั้งสองขวางไว้อีกครั้ง
”คุณหนูหวงเหตุใดจึงมาที่นี่อีก” ทหารองครักษ์ปวดหัวตุ้บขึ้นมาทันทีที่เห็นหวงเสี่ยวหยิง ครานี้ไม่เพียงแต่ราชินีเท่านั้น แม้แต่องค์ราชาเองก็มีรับสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้ราชินีโดยเฉพาะอิสตรี
สองสามวันที่ผ่านมานี้หวงเสี่ยวหยิงพยายามมาที่ตำหนักไป๋เยว่ หากแต่ก็ยังไม่สามารถผ่านเข้าไปได้แม้สักครั้งเดียว บรรดาทหารองครักษ์ต่างก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายทุกครั้งที่ได้เห็นนาง
”ข้าไม่เข้าไปข้างในก็ได้”หวงเสี่ยวหยิงส่งมอบถ้วยหยกในมือของนางให้กับทหารองครักษ์อย่างเอียงอาย “วานพวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้ไปถวายองค์ราชินีหน่อย”
ทหารรักษาการณ์สองคนหันมองหน้ากันพลางยิ้มอย่างขมขื่น”ราชินีมีรับสั่งว่า ห้ามรับของ ๆ ท่าน”
”เช่นนั้น…” หวงเสี่ยวหยิงก้มศีรษะไตร่ตรองครู่หนึ่ง “เช่นนั้นพวกเจ้าก็เก็บไว้ก่อน เมื่อใดที่ราชินีทรงมีพระประสงค์ เจ้าก็ค่อยถวายให้พระนาง และช่วยกราบทูลพระนางด้วยว่าข้าจะไม่ยอมแพ้”
นางจะต้องแต่งงานกับเสี่ยวมี่ให้ได้
ครั้นเสี่ยวหยิงคิดถึงรูปลักษณ์เสือขาวที่แสนน่ารักของเสี่ยวมี่แล้วหวงเสี่ยวหยิงก็ยิ่งเขินอาย
ในฐานะเผ่าพันธุ์พยัคฆ์เหมือนกันเขาแลดูน่ารักมาก แน่นอนว่าวันใดที่เขาสามารถแปลงร่างเป็นคนได้ เขาจะต้องหล่อเหลามากแน่ ๆ …
”คุณหนูหวงนี่ท่านไม่ขนมาจนหมดเผ่าพยัคฆ์แล้วหรือ ?” ทหารรักษาการณ์ยิ้มอย่างอดไม่ได้
หวงเสี่ยวหยิงผู้นี้ช่างเป็นผู้ที่มัวเมาในรักจริงๆ จัง ๆ เพื่อตามตื๊อสามีแล้ว นางไม่ลังเลเลยที่จะโกงบิดาของตน ข้าไม่รู้เลยว่ายามนี้หัวหน้าเผ่าพยัคฆ์จะโมโหนางจนเส้นเลือดแตกตายไปแล้วหรือไม่ ?
”ไม่เป็นไรหรอกบิดาของข้ายังมีสมบัติอีกมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดหรอก” หวงเสี่ยวหยิงยิ้ม นางทำท่าทางบอกลาทหารยามทั้งสอง “พี่ชายทั้งสอง อย่าลืมพยายามช่วยพูดแทนข้าด้วยล่ะ วันใดที่ข้าได้เป็นภรรยาของเสี่ยวมี่ วันนั้นข้าจะต้องตอบแทนพี่ชายทั้งสองอย่างแน่นอน”
หลังจากกล่าวจบหวงเสี่ยวหยิงก็หันหลังกลับ ทว่านางเดินไปได้เพียงสองสามก้าว ก็ชนเข้ากับร่างที่งดงามร่างหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นคิ้วของหวงเสี่ยวหยิงพลันขมวดแน่นยิ่งขึ้น
”เสี่ยวหยิง?” จุนหรู่ชิงประหลาดใจ “นี่เจ้าก็มาเข้าเฝ้าราชินีด้วยหรือ ?”
หวงเสี่ยวหยิงตะคอก”หากเจ้าไม่ว่าอะไร ก็ช่วยหลีกทางให้ข้าด้วย”
หากมิใช่เป็นเพราะหญิงที่น่ารังเกียจผู้นี้ราชินีจะมีความรู้สึกไม่ดีกับนางงั้นรึ ? บางทีป่านนางอาจได้เป็นภรรยาของเสี่ยวมี่ไปแล้วก็ได้ …
”ทำไมล่ะ? เจ้าไม่ได้เข้าเฝ้าราชินี ก็เลยโมโหข้าแทนงั้นรึ ?” จุนหรู่ชิงไม่ได้แสดงทีท่าโกรธ นางเพียงทำปากจิ๊จ๊ะ “อย่างไรก็ตาม นิสัยของราชินีผู้นี้ช่างเย่อหยิ่งยโสนัก แสดงว่าข่าวที่ข้าได้รับมานั้นล้วนถูกต้อง หญิงผู้นี้ไม่คู่ควรกับราชาที่ชาญฉลาด และทรงพลังของพวกเรา”
หากเป็นก่อนหน้านี้หวงเสี่ยวหยิงผู้ซึ่งเทิดทูนตี้คังเป็นอย่างมากจะต้องรู้สึกเกลียดไป๋หยานเช่นเดียวกับจุนหรู่ชิงเป็นแน่
ทว่าตอนนี้นางมีเสี่ยวมี่
หลังจากตกหลุมรักเสี่ยวมี่แล้วหญิงผู้นี้ก็กลายเป็นคนตาบอดหูหนวก เทิดทูนบูชาผู้ที่นางรักยิ่งกว่าอื่นใดในโลก
”จุนหรู่ชิงข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า เจ้ายังมีหน้ามาขวางทางข้าอีกงั้นหรือ ?” ใบหน้าของหวงเสี่ยวหยิงเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “เจ้าบอกข้าว่า ราชินีมีสัมพันธ์คลุมเคลือกับบุรุษมากหน้าหลายตา ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ? หากเจ้ากล้าให้ร้ายราชินีโดยปราศจากหลักฐาน เชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะกราบทูลองค์ราชา ! ”
***จบบทจุนหรู่ชิง (5)***
บทที่ 562 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (1)
สีหน้าของจุนหรู่ชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย”ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใด ?”
”เจ้าไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่”หวงเสี่ยวหยิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “อย่ามาวุ่นวายกับข้าอีก และอย่าปฏิบัติกับข้าเหมือนคนโง่ด้วย หาไม่แล้ว … ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะนำเรื่องขึ้นกราบทูลองค์ราชา”
กล่าวจบหวงเสี่ยวหยิงก็เดินผ่านจุนหรู่ชิง และไม่หันกลับมามองจุนหรู่ชิงอีกเลย
จุนหรู่ชิงกำหมัดแน่นประกายแสงอันชั่วร้ายสว่างวาบในแววตาของนาง
หวงเสี่ยวหยิงเดิมทีก็เป็นแค่สตรีนมโตที่ไร้สมอง นี่นางเริ่มฉลาดขึ้นตังแต่เมื่อไหร่ ? เช่นนี้ข้าก็หลอกใช้นางไม่ได้แล้วสิ …
ทันทีที่นางนึกถึงถ้อยคำปกป้องเอาใจใส่ของตี้คังที่มีต่อไป๋หยานหัวใจของนางพลันเจ็บปวด หลังจากที่กลั้นหายใจอยู่เป็นนาน นัยน์ตาที่งดงามของนางก็หันกลับไปมองตำหนักไป๋เยว่ซึ่งถูกทหารองครักษ์คุ้มกันเป็นอย่างดี พลันนัยน์ตาของนางก็ขรึมลงเล็กน้อย
เนื่องจากนางไม่สามารถเข้าไปในตำหนักไป๋เยว่แห่งนี้ได้นางจึงทำได้เพียงรอให้ไป๋หยานออกมาเองเท่านั้น
นางไม่เชื่อว่าหญิงผู้นั้นจะไม่ก้าวออกจากตำหนักตลอดชีวิต…
*****
ภายในตำหนักอันงดงามไป๋หยานนั่งขัดสมาธิ แสงสว่างรายล้อมรอบกายนาง ส่งให้สีหน้าของนางงดงามราวกับหยกเนื้อดี
ทันใดนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกันนั้นศีรษะเล็ก ๆ ก็แอบยื่นเข้ามาในห้อง ทันทีที่เขาเห็นไป๋หยานกำลังหลับตานั่งสมาธิ ใบหน้าอมชมพูของเขาก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส
”หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินผ่านประตูเข้ามาอย่างตื่นเต้นเขารีบปรี่เข้าหาอ้อมแขนของ ไป๋หยาน ราวกับเขาได้ค้นพบสมบัติบางอย่าง เขายิ้มแย้มอย่างมีความสุขมาก
”หือ?” ไป๋หยานลืมตาพลางลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “มีอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวต่อว่า”ป๊ะป๋าวายร้ายก็ยุ่งเสียเหลือเกิน ส่วนหม่ามี้ก็ฝึกวิชา เฉินเอ๋อเลยรู้สึกเบื่อ ๆ กะจะออกไปเที่ยวเล่นกับเสี่ยวมี่ แต่ … เฉินเอ๋อไปพบสถานที่ที่น่าสนุกกว่า หม่ามี้ไปดูกับเฉินเอ๋อนะ ?”
นัยน์ตากลมโตของเขาฉ่ำวาวส่งผลให้ผู้พบเห็นไม่อาจปฏิเสธคำขอจากเด็กน้อยได้
“เอาสิ”ไป๋หยานไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
ครั้นได้ยินไป๋หยานตอบรับไป๋เสี่ยวเฉินก็ส่งยิ้มกว้างอย่างงดงามให้อีกครั้ง
”เฉินเอ๋อรักหม่ามี้ที่สุดเลย”
จุ๊บ!
เขาจูบไป๋หยานนัยน์ตาของเขาแวววาวบริสุทธิ์สดใส
”เจ้าจะไปที่ใดแม่จะได้พาเจ้าไปถูก”
ไป๋หยานก้าวลงมาจากเตียงนางบีบใบหน้าสีชมพูของเจ้าซาลาเปาน้อย พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม
”เฉินเอ๋อก็ไม่รู้เฉินเอ๋อเพิ่งเห็นพร้อมกับเสี่ยวมี่ว่ามีภูเขาอยู่ในวังแห่งนี้ด้วย ที่เขาลูกนั้นมีพลังงานชี่แท้อุดมสมบูรณ์ แน่นอนว่าจะต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่ ๆ หม่ามี้พวกเราไปดูกันมั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินจีบปากจีบคอพูด
ป๊ะป๋าวายร้ายสัญญากับเขาไว้แล้วว่าเมื่อเขามาถึงแดนอสูร ป๊ะป๋าจะหาวิธีช่วยเขาพัฒนาความแข็งแกร่งของตน เพื่อที่ว่าเขาจะได้ปกป้องหม่ามี้ได้
หากแต่คนโกหกคนนี้นี่ทันทีที่มาถึงแดนอสูร ก็กลับไม่ค่อยโผล่หน้ามาให้เขาเห็นเลย !
ทุกวันหากไม่ยุ่งกับงานราชกิจก็เอาแต่คลอเคลียหม่ามี้ นี่ขนาดเขาบังเอิญเข้าไปพบในห้องหม่ามี้ก็ตั้งหลายต่อหลายครั้ง เขายังถูกโยนออกมาทุกที …
หึ! เขาจะไม่ช่วยวายร้ายนั่นอีกแล้ว เพราะดูท่าว่าป๊ะป๋าวายร้ายจะไม่ช่วยเขาแน่ ๆ
ใบหน้าของเจ้าซาลาเปาน้อยแลดูโกรธเคือง อย่าคิดนะว่าจอมวายร้ายคนนั้นจะหลอกให้เขาช่วยได้อีก
”นำทางแม่ไปเถอะ”
“ได้เลย”
แววตาของเจ้าซาลาเปาน้อยเบิกบานขึ้นหม่ามี้เท่านั้นที่รักเขามากที่สุด และเป็นคนที่เขารักที่สุดเสมอเช่นกัน…
ขณะเดียวกันบริเวณด้านนอกประตูพระตำหนัก จุนหรู่ชิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาฉับพลัน เพราะชั่วขณะนั้นนางเหลือบไปเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวออกมาจากพระตำหนักอย่างช้า ๆ
หญิงผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามมากทั้งความงามของนางก็งามล้ำเสียจนสตรีด้วยกันยังแทบลืมหายใจ
***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (1)***
บทที่ 563 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (2)
จุนหรู่ชิงกำหมัดแน่นไม่น่าแปลกใจเลยที่หญิงผู้นี้จะทำให้ราชาผู้ซึ่งไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีใดมาก่อนหลงใหล นางมีเสน่ห์มากจนไร้ที่ติ !
หากมิใช่เพราะใบหน้างดงามเช่นนี้เกรงว่าอย่างไรเสียองค์ราชาก็คงจะไม่มองนาง …
ทันใดนั้นเองจุนหรู่ชิงก็จ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่หญิงผู้นั้นจูงมือมา
เจ้าซาลาเปาน้อยตัวกลมยุ้ยสีชมพูนุ่มน่ารักเสียเหลือเกิน นัยน์ตาดำขลับของเขานั้นสว่างไสวราวกับดวงดารา แค่รอยยิ้มก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของทุกผู้คนในโลกชุ่มชื่น
ในมือของเจ้าซาลาเปาน้อยอุ้มเสือขาวตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูดูว่าเสือขาวตัวน้อยนั่นท่าจะเบื่อหน่ายมาก มันจึงนอนหลับอย่างสงบสุขในอ้อมแขนของเด็กน้อย
ทันทีที่ได้เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยจุนหรู่ชิงก็ไม่อาจละสายตาของนางได้ นางไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนกายได้อีก ยามนี้นางอิจฉาจนแทบคลั่ง
หากนางไม่ฝึกความอดทนมาเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็เกรงว่าตัวนางคงจะพุ่งเข้าไปหาพวกเขาแล้ว …
”นั่นคงจะเป็นองค์ชายน้อยสินะ?”
หัวใจของนางสั่นไหวเล็กน้อยเล็บของนางจิกฝังแน่นอยู่ในฝ่ามือ นางรู้สึกเจ็บปวดใจจนแทบทนไม่ได้
หาก… นางได้อภิเษกกับองค์ราชา บุตรของนางก็คงจะต้องน่ารักเช่นนี้เช่นกัน แต่ครั้นนางคิดได้ว่า องค์ชายน้อยผู้น่ารักคนนี้เกิดจากราชากับสตรีอื่น หัวใจของนางก็ยิ่งเต็มไปด้วยความริษยา
เมื่อเห็นไป๋หยานและองค์ชายน้อยกำลังเดินเข้ามาใกล้ นางก็รีบหยิบไม้กวาดออกมา ทำทีเป็นนางกำนัลที่กำลังกวาดพื้นทำความสะอาด
”เอ๊ะ?”
ครั้นไป๋หยานเดินผ่านจุนหรู่ชิงจู่ ๆ นางก็หยุด คิ้วของนางขมวด ก่อนจะกวาดตาหันกลับมามอง
ทว่าด้านหลังนางมีเพียงนางกำนัลซึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น
เช่นนั้นไป๋หยานจึงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
”หม่ามี้มีอะไรผิดปกติหรือ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตของเขาแววตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไป๋หยานส่ายศีรษะเล็กน้อย”ไม่มีอะไร ข้าคงเข้าใจผิด เราไปต่อกันเถอะ”
”อืม”เจ้าซาลาเปาน้อยยิ้มกว้างพลางจับมือไป๋หยานแน่น ทั้งคู่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ร่างของสองแม่ลูกหายลับตาไปแล้วจุนหรู่ชิงผู้ซึ่งกวาดพื้นอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางที่ร่างในอาภรณ์สีแดงหายลับตาไปด้วยสายตาริษยา
ดูเหมือนว่าราชินีจะมีสัมผัสที่กล้าแข็งมาก นางจำต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้ !
*****
จันทราสีเลือดลอยเด่นอยู่บนนภาตัดกับภาพเบื้องหลัง ที่เป็นภูเขาอันมีรัศมีสีขาวส่องสว่าง ราวกับถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
ไป๋หยานครุ่นคิดมีทหารจำนวนมากอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งภายในวัง เว้นแต่ภูเขาลูกนี้ที่เงียบสงบมาก มีเพียงเสียงของแมลงดังแว่วมาจากภูเขาเท่านั้น
”เฉินเอ๋อที่เจ้าพูดถึงก็คือสถานที่แห่งนี้งั้นหรือ ?” ไป๋หยานลูบคาง นางรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ดูผิดปกติ
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง”ใช่แล้ว นี่คือสถานที่ที่เสี่ยวมี่ และเฉินเอ๋อค้นพบ หม่ามี้เราเข้าไปดูกันเถอะ”
”อืม”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อยไม่ว่าที่ใดก็ตาม หากเป็นความปรารถนาของไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว นางไม่มีวันที่จะปฏิเสธเขา
ทว่าจู่ ๆ เสี่ยวมี่ที่กำลังหลับตา ก็ลืมตาขึ้น แววตาที่ดุร้ายของมันจ้องมองภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
”นายหญิงสถานที่นี้ดูแปลก ๆ”
”แปลก?”
”ใช่…แปลกมากข้ามักรู้สึกเหมือนว่าข้าเคยมาเยือนที่นี่ หากแต่ข้าสาบานได้เลยว่า นับแต่ข้าลืมตาดูโลก ข้าก็ติดตามนายหญิงมาโดยตลอด ไม่เคยย่างกรายเข้าแดนอสูร ทั้งไม่เคยเห็นภูเขาลูกนี้มาก่อน”
ไป๋หยานเงียบไปครู่หนึ่ง”ไม่ว่ายังไง เราก็เข้าไปดูกันก่อน ตี้คังเองก็ไม่เคยบอกว่ามีเขตหวงห้ามสำหรับข้า ย่อมเป็นการพิสูจน์ได้ว่า ที่นี่จะไม่มีภัยอันตรายใด ๆ ต่อชีวิตข้า”
กล่าวจบนางก็ก้าวเข้าสู่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์
ครั้นมีคนก้าวล่วงเข้าสู่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์เงาที่สวยงามก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากก้อนหินซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (2)***
บทที่ 564 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (3)
ท่าทีของนางแลดูตื่นเต้นมากร่างของนางสั่นเทา นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความสุข
”ราชินี…ข้าไม่ต้องเสียเวลาคิดแผนการทำร้ายท่านเลยท่านแส่หาเรื่องตายเองแท้ ๆ จะโทษผู้ใดได้ !” จุนหรู่ชิงจิกปากยิ้มอย่างสะใจ “ไม่…ข้าต้องไปบอกพ่อบุญธรรม ต่อให้นางถูกฝังในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ยังไม่พอ ยังไม่สะใจข้า ข้าต้องการให้นางตายไปพร้อมกับชื่อเสียงเน่า ๆ !
จุนหรู่ชิงมองตามร่างของไป๋หยานอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินกลับไปตามทางที่มา
*****
ในสภาผู้อาวุโสอาวุโสใหญ่พ่อบุญธรรมของจุนหรู่ชิงกำลังนั่งสมาธิ หากแต่เวลาต่อมาประตูห้องก็ถูกผลักออกอย่างแรง จากนั้นก็มีน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดังเข้ามาในหูของเขา
”พ่อบุญธรรมเกิดเรื่องไม่ดี เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว !”
อาวุโสใหญ่ลืมตาขึ้นมองจุนหรู่ชิงผู้ซึ่งกำลังตื่นตระหนก เขาขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เกิดเรื่องใดขึ้น ?”
”ข้า… เมื่อครู่ข้าเห็นใครบางคนไปที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์”
ว่าไงนะ?
อาวุโสใหญ่ลุกขึ้นยืนทันทีเขาหายใจฮึดฮัด “เจ้าว่า มีคนไปที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ผู้ใดกันที่ขวัญกล้าถึงเพียงนี้ ผู้ที่พำนักบนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์หาใช่จะยั่วยุเล่นได้ไม่ ทั่วแดนอสูรนี้ นางเชื่อฟังเพียงองค์ราชาเท่านั้น แม้แต่องค์หญิง บางทีนางก็ยังไม่ใส่ใจเลย … ”
”ข้าข้าเองก็ไม่รู้ … ” จุนหรู่ชิงกัดริมฝีปาก พลางแสร้งทำตัวสั่น “ข้าไม่รู้จักหญิงผู้นั้น ตอนที่ข้าห้ามนาง นางพูดว่า … ”
”นางพูดว่ากระไร?” อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วอีกครั้ง
จุนหรู่ชิงไม่รู้จักหญิงผู้นั้นงั้นหรือ? มีผู้ใดบ้างที่นางไม่รู้จัก ?
”นางว่า… จุดประสงค์ของนางในการเข้าสู่แดนอสูรก็คือขุมทรัพย์บนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ ข้าได้บอกนางถึงอันตรายของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทว่านางก็ยังยืนกรานว่าจะเข้าไป พ่อบุญธรรมเราจะทำเช่นไรดี” จุนหรู่ชิงกล่าวหยาดน้ำตาคลอหน่วย “ข้าไม่ต้องการ … ให้มีคนตายภายในเขตพระราชวังของเราโดยไม่จำเป็น แม้ว่านางจะมาด้วยจุดประสงค์เช่นนั้นก็ตามที”
ว่ากันว่ามีใครบางคนครอบครองภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นั่นมานานหลายปีแล้วเพื่อปกป้องสมบัติในนั้น คนผู้นั้นไม่เคยก้าวออกจากที่นั่นเลยแม้แต่ก้าวเดียว เช่นนั้นจุนหรู่ชิงจึงใช้ข้ออ้างนี้เพื่อให้ร้าย
ครั้นได้ยินถ้อยคำของจุนหรู่ชิงสีหน้าของอาวุโสใหญ่พลันเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
”เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าไม่รู้ว่า ผู้ใดเข้าไปยังภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ ?”
”ท่านพ่อบุญธรรมข้าไม่รู้จริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน … ” หยาดน้ำตาของจุนหรู่ชิงร่วงหล่น “หากเรารีบไปช่วยนางตอนนี้ บางทีนางอาจจะรอดชีวิต”
แววตาของอาวุโสใหญ่ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น”ไปแจ้งบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดในแดนอสูรให้พวกเขาไปที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ทันที !”
”รับทราบท่านพ่อ”
จุนหรู่ชิงลดศีรษะลงร่างของนางสั่นเทา ทว่ามุมปากของนางยกยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็น
เจ้าจะเป็นราชินีได้อย่างไรหากก่ออาชญากรรมขโมยสมบัติแห่งแดนอสูร แม้ว่าองค์ราชาจะออกหน้าปกป้องเจ้า ทว่าผู้อาวุโสท่านอื่น ๆ ก็คงจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ในแดนอสูรนี้หรอก
ยิ่งไปกว่านั้นการรบกวนคนบนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ หากสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ก็นับว่าแปลกแล้ว …
*****
ในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ภายใต้รัศมีสีขาว ไป๋หยานรู้สึกผ่อนคลายสบายไปทั้งร่าง
เสี่ยวมี่เดินลัดเลาะเข้าไปในภูเขาปกติมันมักจะขี้เกียจอยู่เสมอ ยากนักที่จะเห็นท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวเช่นนี้ ยามนี้มันไม่ต่างจากมัจฉาที่กลับคืนวารี ได้ว่ายวนอย่างอิสระเสรี
”หม่ามี้ไม่เพียงสบายไปทั้งร่าง แม้แต่น้ำพุในนี้ก็มีรสชาติหวานมากเลย” ใบหน้าเล็ก ๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มกว้าง “เฉินเอ๋อชอบที่นี่จังเลย”
ไป๋หยานไม่กล่าวคำใดสายตาของนางแลดูตื่นตัวอยู่เสมอ ขณะที่กวาดตามองโดยรอบ
ที่นี่มีมากกว่าพลังชี่แท้ที่อัดแน่นและน้ำพุที่มีรสหวานมาก เพราะเมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไปอีกหนึ่งลี้ พวกเขาก็ได้พบกับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่หายากมากในโลกนี้
***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (3)***
บทที่ 565 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (4)
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ไป๋หยานก็ยิ่งรู้สึกว่าภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด …
ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นบนท้องฟ้า แรงกดดันอันหนักหน่วงจากอากาศทำให้สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางรีบตะโกนเรียก “เสี่ยวมี่ กลับมา !”
เสี่ยวมี่ยืนนิ่งตัวแข็งมองท้องฟ้าอย่างตกตะลึงไปกับเสียงนั้น
เสียงกรีดร้องนี้ดูเหมือนจะเจาะชอนไชกระตุ้นจิตวิญญาณของเขา
”ผู้ใด…ผู้ใดกันที่กล้าบุกรุกเข้ามาในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์สถานที่ต้องห้ามของแดนอสูร”
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของสตรีที่ไพเราะมากเสียงนั่นทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน ทั้งยังทำให้หัวใจของไป๋หยานเคร่งเครียด จู่ ๆ ไป๋หยานก็รู้สึกว่ามีความทรงจำส่วนหนึ่งผุดขึ้นในหัว
ในอากาศว่างเปล่าร่างหนึ่งที่เร่าร้อนคล้ายเปลวเพลิงที่ลุกโชนพลันค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
สตรีสาวแสนสวยที่มีเรือนผมยาวสีแดงเพลิงปลิวไสวล้อไปกับสายลมนัยน์ตาของนางแดงก่ำทั้งสวย ทั้งสง่างาม
แม้แต่ขนคิ้วของนางก็แดงราวกับเปลวอัคคีทั่วทั้งร่างของนางไม่มีสีอื่นใดนอกจากสีแดงที่ส่องประกายร้อนแรง
อย่างไรก็ตามสตรีผู้นี้ก็ดูมีเสน่ห์เหนือกาลเวลา เมื่อนางหันกลับมามองไป๋หยาน นัยน์ตาสีแดงอันโหดร้ายของนางพลันตกตะลึง …
ไป๋หยานตื่นจากภวังค์นางดึงไป๋เสี่ยวเฉินไปแอบไว้ด้านหลัง ขณะเดียวกันก็กราดนัยน์ตาดำขลับใส่สตรีที่กำลังยืนตะลึงผู้นั้น พลางยิ้มเล็กน้อย “ข้าบุกรุกเข้ามาในสถานที่ต้องห้ามของเจ้าโดยไม่ตั้งใจ หากเป็นการรบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าก็จะไปเดี่ยวนี้ … ”
ในบรรดาผู้คนที่นางเคยพบตี้คังนั้นนับว่าแข็งแกร่งที่สุด แข็งแกร่งกระทั่งนางเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า พลังที่แท้จริงของเขานั้นประมาณไหน
นอกจากตี้คังแล้วสตรีที่อยู่เบื้องหน้านางก็น่ากลัว และทรงพลังเช่นกัน …
”ช้าก่อน”
ครั้นเห็นว่าไป๋หยานกำลังจะหันหลังจากไปสตรีที่มีเสน่ห์ก็ตัวสั่น นางหลุดจากห้วงภวังค์อย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของนางแสดงออกถึงความกระตือรือร้น
”อย่าเพิ่งไป”
ไป๋หยานเหลียวมองสตรีผู้นั้นพลางเอ่ยถามว่า”มีอะไรอีกกระนั้นหรือ ?”
”หม่อมฉัน…” หญิงสาวทรงเสน่ห์กัดริมฝีปากแน่น พลางมองไป๋หยานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “หม่อมฉันคือ… วิหคอัคคี”
”วิหคอัคคี?”
ไป๋หยานมือสั่นนางกุมมือของไป๋เสี่ยวเฉินแน่น จากนั้นนางก็หันหน้ากลับมามองด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคือวิหคอัคคีงั้นหรือ ?”
”หม่อมฉันคือวิหคอัคคี”นัยน์ตาของวิหคอัคคีมองมาด้วยความดีใจ “พระองค์จำหม่อมฉันได้ใช่หรือไม่เพคะ ?”
ไป๋หยานส่ายศีรษะอย่างใจเย็น”ข้าเคยได้ยินเสี่ยวอวิ๋นพูดถึงเจ้า แล้ว…ข้าก็เคยฝันถึงพยัคฆ์ขาว ไม่รู้ว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับพยัคฆ์ขาวด้วยหรือไม่ ?”
ขณะที่นางกล่าวนางก็หันไปมองเสี่ยวมี่ที่กำลังยืนงงอยู่
เสี่ยวมี่เคยบอกว่ามันรู้สึกคุ้นเคยกับภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้มากนางก็น่าจะคาดเดาได้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ …
สีหน้าของวิหคอัคคีแสดงชัดว่ารู้สึกผิดหวังนางมองไป๋หยาน จากนั้นก็หันไปมองเสี่ยวมี่พลางทอดถอนใจ “พระองค์จำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เช่นที่ท่านราชครูบอกไว้เลย พระองค์ก็ไม่ต่างจากองค์ราชาที่ลืมสิ้นทุกสิ่ง …”
นางลืมข้าแล้ว
ลืม… ข้าที่รอนางมาตั้งหลายพันปี
แววตาของไป๋หยานเปล่งประกายแสงจางๆ นางขยับร่างเข้าใกล้วิหคอัคคีอีกสองสามก้าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ข้าฝันคืออะไร ? บอกข้าหน่อย เถิดว่าข้าเป็นใคร และข้าเคยมีความสัมพันธ์กับตี้คังอย่างไร ?”
”ท่านราชครูบอกว่าหม่อมฉันไม่ควรบอกอะไรพระองค์ เช่นนั้นหม่อมฉันจึงไม่สามารถกราบทูลอะไรได้” วิหคอัคคีทำปากยื่น นางกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง “พระองค์จะไม่ไปจากที่นี่แล้วใช่หรือไม่เพคะ ?”
ฝ่าบาท… ทรงอยู่ในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี่จะได้หรือไม่ ?
ไป๋หยานลดศีรษะลงพลางไตร่ตรองเล็กน้อย “หากเจ้ายอมตอบข้า ข้าก็จะอยู่กับเจ้า … ”
นางเงยหน้าขึ้นจึงเห็นวิหคอัคคีกำลังหลั่งน้ำตา นัยน์ตาคู่สวยของวิหคอัคคีเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งกำลังมองมาด้วยแววตาที่น่าสงสาร
***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (4)***