จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 596-600

ตอนที่ 596-600

บทที่ 596 : พิธีราชาภิเษกราชินี (8)
  ใบหน้าของจางหรู่หยุนเปลี่ยนเป็นมืดหม่นราวกับถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก”ราชินีจะเป็นคนขี้อิจฉาเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ? เพียงเพื่อไม่ให้เจ้าแย่งองค์ราชา ถึงกับต้องขับไล่เจ้าเลยกระนั้นหรือ ? เช่นนั้นองค์ราชาทรงทราบเรื่องนี้หรือไม่ ?”
  หลงเซียวหย่าลดสายตาลงประโยคสุดท้ายของไป๋หยานพลันดังขึ้นในใจของนาง ทว่านางกลับไม่กล้ากล่าวมันออกมา นางเพียงกล่าวว่า “องค์ราชาไม่ได้ประทับอยู่ที่นั่น พระองค์จึงไม่ทรงรู้เรื่องนี้ หากองค์ราชาประทับอยู่ที่นั่นด้วย พระองค์คงจะไม่ทรงอนุญาตให้มีผู้ใดขับไล่ข้าออกจากวังหรอก”
  ”ท่านพี่จางหรู่หยุนกัดฟัน พลางหันไปหาหลงฉางเทียน “ราชินีต้องเห็นความงามของเซียวหย่า นางจึงขับลูกของเราออกจากวังเพราะความหึงหวง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเราสองแม่ลูก จะปล่อยให้นางเหิมเกริมเช่นนี้ไม่ได้ !”
  นัยน์ตาของหลงฉางเทียนพลันมืดมนนี่บุตรสาวของเขาถูกขับออกจากวังกระนั้นรึ ? พลันใบหน้าของเขาก็ดำมืดลง
  อย่างไรก็ตามด้วยฐานะที่เขาเป็นถึงผู้นำเผ่ามังกร เขาจึงไม่ควรจะฟังความฝ่ายเดียว
  ”หากองค์ราชาไม่ยินยอมองค์ราชินีคงจะไม่กล้าโอหังถึงเพียงนี้ แล้ว…หลงเอ๋อเล่า…ไยนางถึงไม่กลับมาพร้อมเจ้าล่ะ ?”
  ทันทีที่หลงฉางเทียนถามถึงหลงเอ๋อแววตาของหลงเซียวหย่าก็แลดูดุร้ายขึ้นเล็กน้อย “นางไปกับองค์ราชินีแล้ว”
  นัยน์ตาของหลงฉางเทียนพลันเปล่งประกายสว่างไสว”เจ้าหมายความว่าหลงเอ๋อได้ติดตามใกล้ชิดราชินีงั้นหรือ ?”
  ”ฮึ!” “พวกท่านดูถูกนางโง่น้อยเกินไป นางกล้าเสแสร้งขอความเมตตาต่อหน้าองค์ราชินี และราชินีก็ใช้เป็นข้ออ้างในการขับไล่ข้าออกจากวัง แต่ให้นางโง่น้อยรั้งอยู่ที่นั่นแทน ! ท่านพ่อ ข้าเคยบอกท่านแล้วว่า อย่าให้นางโง่น้อยนั้นไปกับข้า มันทำให้ข้าโชคร้าย”
  ”เอาล่ะ”หลงฉางเทียนกล่าวอย่างอดทน “นี่ก็สายมากแล้ว พวกเจ้าสองแม่ลูกรีบแต่งตัว และตามข้าเข้าวัง”
  หลงเซียวหย่ามีความสุขมากนางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหลงฉางเทียน “ท่านพ่อ ข้ายังสามารถเข้าวังได้อีกกระนั้นหรือ ?”
  ”อืม”หลงฉางเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “ตราบใดที่ไม่ใช่รับสั่งองค์ราชา และองค์หญิงน้อย ราชินีนั้นเป็นเพียงหญิงมนุษย์ผู้หนึ่ง ซ้ำฐานะของนางก็ยังไม่มั่นคง อีกทั้งข้าก็เป็นถึงหัวหน้าเผ่ามังกร อย่างไรเสียก็ต้องเห็นแก่หน้าข้าบ้าง เช่นนั้นเจ้าสามารถตามข้าไปได้ สบายใจเถอะ”
  จากนั้นเขาก็หยุดก่อนจะกล่าวต่อว่า “ครั้งนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถถวายตัวเป็นพระสนมได้ ทว่าข้าก็จะพยายามส่งเจ้าไปอยู่ข้างกายองค์ราชาให้ได้ หากแต่เจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเอง”
  ”ไม่ต้องกังวลท่านพ่อขอเพียงองค์ราชาได้พบข้า ข้าจะทำให้พระองค์รับข้าเข้าวังให้ได้”
  หลงเซียวหย่ายิ้มอย่างมีความสุข
  ในอดีตองค์ราชาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องชายหญิง เช่นนั้นเขาจึงไม่เข้าใจอะไรนัก ทว่าบัดนี้องค์ราชากำลังจะอภิเษกสมรสกับราชินี แน่นอนว่าเรื่องของชายหญิงนั้น เขาย่อมเข้าใจอย่างถ่องแท้
  ไม่มีชายใดในโลกที่ไม่อยากมีภรรยาหลาย ๆ คน !
  เช่นนั้นนางจึงกล้าพูดออกมาอย่างมั่นใจ!
  *****
  พระราชวังแห่งแดนอสูรมีการป้องกันอย่างเข้มงวดตลอดเวลา
  และเพื่อแสดงความเคารพต่อพระบรมมหาราชวังหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ จึงจำต้องลงจากพาหนะ ก่อนเข้าเขตพระราชฐานประมาณร้อยลี้
  เช่นนั้นก่อนที่จะถึงพระราชวังหลงเซียวหย่าก็ต้องลงจากหลังมังกร นางเดินตามหลังหลงฉางเทียนอย่างยินดี
  นางต้องการที่จะเห็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาสง่างามคนนั้นอีกสักครั้งความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจนางอดไม่ได้ที่จะเต้นแรง แต่แล้วความรู้สึกนั้นกลับคงอยู่ไม่ได้นาน ประหนึ่งมีน้ำเย็น ๆ จากอ่างเทรดลงบนหัวใจของนางดับไฟในหัวใจนางจนสิ้นอย่างรวดเร็ว
  ”เหตุใด? เหตุใดข้าจึงเข้าไปไม่ได้ ? ข้าเป็นถึงคุณหนูรองของเผ่ามังกรนะ ! เหตุใดเจ้าจึงขวางทางข้า ?”
  ครั้นหลงเซียวหย่าเห็นบิดามารดาของนางเดินผ่านประตูวังเข้าไปได้อย่างง่ายดายทว่านางกลับถูกขวางไว้ให้อยู่แต่ภายนอก นางก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันทีทันควัน
  “คุณหนูรองมิใช่ว่าข้าไม่ยอมให้ท่านผ่านเข้าไป ทว่านี่เป็นรับสั่งของราชินี ท่านไม่อาจก้าวเข้าวังได้อีกตลอดชีวิต !”
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (8)***

บทที่ 597 : พิธีราชาภิเษกราชินี (9)
  ใบหน้าของหลงเซียวหย่าเดี่ยวดำเดี๋ยวขาวสลับกันนางกวาดตามองผู้คนรอบข้างที่รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พลางกัดริมฝีปากตนด้วยความละอาย นางหันไปมองหลงฉางเทียนด้วยสีหน้าเจ็บปวด
  ”พวกเจ้าทั้งสอง”หลงฉางเทียนหน้าเครียด “ข้าเป็นหัวหน้าเผ่ามังกร”
  ”ข้ารู้ว่าท่านเป็นหัวหน้าเผ่ามังกร ข้าจึงให้ท่านเข้าร่วมพิธีได้” “แต่สำหรับคุณหนูรอง นางไม่อาจเข้าร่วมพิธีได้ นี่เป็นรับสั่งของราชินี พวกเราไม่อาจขัดพระเสาวนีย์ได้”
  แววตาของหลงฉางเทียนเคร่งเครียดขึ้นอีก”ข้ารู้จักผู้อาวุโสทั้งสี่จากเผ่ามังกร”
  “ฮ่าฮ่าอย่าว่าแต่ผู้อาวุโสทั้งสี่ ต่อให้ผู้อาวุโสใหญ่มาเองก็ไร้ประโยชน์ รับสั่งของราชินีถือเป็นที่สุดในแดนอสูร !” ทหารเฝ้าประตูวังหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม “ท่านไม่รู้หรือว่าครั้งนั้นองค์ราชามีรับสั่งว่ากระไร ?”
  ”ฝ่าบาทมีรับสั่งว่ากระไร?”
  หลงฉางเทียนเอ่ยถามพร้อมกับนิ่วหน้า
  ”หลงฉางเทียนนี่ท่านไม่รับรู้ข่าวสารบ้างเลย ท่านสู้อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล เพื่อเข้าร่วมงานพิธีราชาภิเษกองค์ราชินี ทว่ากลับไม่มีผู้ใดบอกท่านเรื่องกระแสรับสั่งขององค์ราชาเลยกระนั้นรึ ?” ทหารผู้เฝ้าประตูวังชำเลืองมองหลงฉางเทียน พลางเอ่ยกล่าวต่อว่า “ฝ่าบาทมีพระบัญชาว่าในแดนอสูรนี้ รับสั่งราชินีถือเป็นที่สุดไม่อาจโต้แย้งได้ แม้แต่องค์ราชาเองก็ยังนับว่าเป็นรอง เช่นนี้แล้วท่านยังต้องการให้เราละเมิดรับสั่งของราชินีอีกกระนั้นหรือ ?”
  เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าเผ่ามังกรต้องการข่มขู่เขา!
  หากแต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะเชื่อชายผู้นี้หรอก!
  ”ไม่มีทาง…นี่มัน… ”
  ครั้นได้ยินเรื่องดังกล่าวนัยน์ตาของจางหรู่หยุนพลันเผยแววบ้าคลั่ง นางพยายามที่จะก่นด่า ทว่าหลงฉางเทียนก็หันมาส่งสายตากำราบนาง พร้อมกันนั้นมือของเขาก็ปิดปากนางไว้อย่างทันท่วงที เพื่อที่จะมิให้เผ่ามังกรต้องประสบกับหายนะ
  ”ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”หลงฉางเทียนหน้าซีด
  เขารู้เพียงว่าองค์ราชาทรงรักราชินีมากหากแต่เขามิคาดคิดเลยว่าองค์ราชาจะรักนางถึงขั้นที่ยอมเอาใจนางทุกสิ่ง ยอมแม้กระทั่งมอบอำนาจสูงสุดในแดนอสูรไว้ในมือนาง
  ”ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วสินะว่าเหตุใดข้าจึงไม่อาจปล่อยให้คุณหนูรองเข้าวังได้ หากราชินีทรงทราบล่ะก็ … ” ทหารผู้เฝ้าประตูยิ้ม
  เขาไม่ได้กล่าวจนจบประโยคทว่าหลงฉางเทียนก็รู้แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
  ”เซียวหย่ากลับไปก่อนเถิด !” สีหน้าของหลงฉางเทียนแลดูหนักใจเล็กน้อย ขณะตะคอกออกมา
  ”ท่านพ่อ!”
  นัยน์ตาของหลงเซียวหย่าเบิกกว้างขึ้นทันทีนางจ้องมองหลงฉางเทียนด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อ
  นี่เป็นโอกาสเดียวของนาง
  หากพลาดโอกาสนี้ผู้ที่จะได้ยืนเคียงข้างองค์ราชา ย่อมต้องเป็นสตรีอื่น
  ”กลับไปก่อนนี่เป็นคำสั่ง !” ใบหน้าของหลงฉางเทียนหม่นหมอง น้ำเสียงของเขาเย็นชา
  หลงเซียวหย่าไม่อยากมองพระราชวังแห่งแดนอสูรอีกนางกัดฟัน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
  ราชินีผู้นั้นมีอะไรดีนักหรือ? ก็แค่ผู้หญิงคนแรกขององค์ราชาเท่านั้นมิใช่รึ ? ในวันหน้าเมื่อมีสตรีนับไม่ถ้วนรายล้อมรอบองค์ราชา ดูสิว่านางยังจะหยิ่งผยองได้สักแค่ไหน !
  ”ท่านพี่”จางหรู่หยุนมองหลงเซียวหย่าที่เดินจากไป ด้วยสายไม่พึงใจ “ผู้หญิงคนนั้นทำเกินไปแล้ว …… ”
  ”หุบปาก!” หลงฉางเทียนดุ “นี่คือพระราชวังแห่งแดนอสูรไม่ใช่เผ่ามังกร ! เจ้าไม่รู้หรือว่าถ้อยคำที่ออกจากปากเจ้าเมื่อครู่อันตรายเพียงใด ? หากเกิดปัญหาขึ้น ข้าจะไม่ช่วยเจ้าแน่ !”
  ใบหน้าของจางหรู่หยุนซีดขาวด้วยความหวาดกลัวนางปิดปากตนเองแน่น พร้อมกับหยุดพูด นางทำได้เพียงนึกด่าว่าไป๋หยานนับร้อย ๆ ครั้งในใจ
  *****
  เมื่อเทียบกับเสียงรบกวนภายนอกแล้วตำหนักไป๋เยว่กลับสงบสุข
  หวงเสี่ยวหยิงจ้องมองเสี่ยวมี่ตาไม่กระพริบนางไม่ต้องการละสายตาจากเขาแม้เพียงชั่วครู่ นางไม่เคยมองตามสายตาใครกระทั่งเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น
  ชั่วขณะนั้นหวงเสี่ยวหยิงได้แต่งงงวย สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นตกตะลึง
  เมื่อเทียบกับอาภรณ์สบายๆ ในอดีตที่ไป๋หยานเคยสวม วันนี้ไป๋หยานทรงชุดราชินีเต็มยศ ศีรษะนางสวมมงกุฎหงส์ ใบหน้าของนางเคลือบด้วยผงแป้งนวลเนียน มีจุดชาดสีแดงเล็ก ๆ แต้มบนหน้าผาก
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (9)***

บทที่ 598 : พิธีราชาภิเษกราชินี (10)
  ”งามสมบูรณ์แบบ!”
  หวงเสี่ยวหยิงรีบระงับความตื่นเต้นภายในใจจากนั้นก็สาวเท้าก้าวตามไป๋หยานที่เดินนำหน้าไปช้า ๆ “หม่อมฉันคิดว่าพระองค์งามมาก หากแต่ไม่คิดว่าจะงามมากถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่องค์ราชาเลย แม้แต่หม่อมฉันเองก็ยังตกหลุมรักพระองค์ ! ”
  ”หวงเสี่ยวหยิง!”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นที่เพิ่งก้าวเข้ามาในพระตำหนักไป๋เยว่ทันได้ยินถ้อยคำของหวงเสี่ยวหยิงเข้าพอดีนางโกรธจนแทบกระโดด “ข้าเพียงขอให้เจ้าช่วยปกป้องพี่สะใภ้ของข้า ข้าไม่ยอมหากเจ้าคิดจะเกี้ยวนาง ! ขืนเจ้ากล้าพูดเช่นนี้อีกข้าจะบอกเสด็จพี่ !”
  หลังจากจ้องหวงเสี่ยวหยิงด้วยความโกรธนางก็หันไปมองไป๋หยาน ทันใดนั้นนางก็ร้องอุทาน “เอ๊ะ ! ชุดแต่งงานของพี่นี่ดูท่าว่าจะทำขึ้นจากขนวิหค สงสัยเสด็จพี่ของข้าคงต้องถอนขนวิหคจนหมดตัว เพื่อนำมาทำชุดแต่งงานให้พี่แน่เลย ?”
  ภายในใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นภาพนกกระจอกไร้ขนตัวเปลือยเปล่าปรากฏขึ้นในมโน พลันประกายแสงแห่งความเห็นอกเห็นใจก็ปรากฏจากก้นบึ้งดวงตาของนาง
  ผู้ใดใช้ให้ขนวิหคนับเป็นของมีค่าสูงสุดในแดนอสูรนี่ล่ะ? เสด็จพี่รักพี่สะใภ้มาก ย่อมต้องตัดเย็บชุดแต่งงานด้วยขนวิหคจำนวนมากเช่นกัน
  ”หม่ามี้สวยมากเลย” ไป๋เสี่ยวเฉินรีบกอดแขนของไป๋หยาน เขาเงยใบหน้าอมชมพูที่น่ารักของเขาขึ้น พลันนัยน์ตาที่สดใสของเขาก็เปล่งประกายแวววาว “เฉินเอ๋อ…ไม่อยากให้หม่ามี้ที่แสนสวยเช่นนี้แต่งงานกับป๊ะป๋าวายร้ายเลย”
  ไป๋หยานหัวเราะน้อยๆ พลางยกมือขึ้นหยิกแก้มไป๋เสี่ยวเฉิน “อะไรคือความงามอะไรคือความอัปลักษณ์ เจ้าจะรู้ดีได้อย่างไร ในเมื่อเจ้ายังเด็กนัก ?
  ”ในความคิดของเฉินเอ๋อหม่ามี้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเสมอ ไม่ว่าเมื่อใด หม่ามี้ก็เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด” ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างสดใสแขนเล็ก ๆ สองข้างโอบรอบต้นขาของนาง พลางจ้องมองมารดาของตนด้วยนัยน์ตากลมโตไร้เดียงสา
  รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋หยานยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมหัวใจของนางเอิบอิ่มซาบซ่าน นางก้มตัวลงอุ้มเจ้าซาลาเปาน้อย พลางจูบใบหน้าที่น่ารักของเขา
  ”ในความคิดของแม่เฉินเอ๋อก็น่ารัก และฉลาดเฉลียวที่สุด”
  หลงเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ กัดนิ้วด้วยความชื่นชมในความรักความผูกพันระหว่างไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน
  ”หลงเอ๋อมานี่สิ” ครั้นไป๋หยานเห็นสายตาของหลงเอ๋อ นางจึงกวักมือเรียก พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
  หลงเอ๋อวิ่งไปหาไป๋หยานอย่างว่าง่ายนางเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาดำขลับของนาง สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน
  ”ราชินีท่านสวยมาก ๆ สวยกว่าทุกคนที่หลงเอ๋อเคยเห็นมาเลย”
  ไป๋หยานจับหลงเอ๋อตัวน้อยไว้ด้วยมืออีกข้างก่อนจะจูบใบหน้านางพร้อมรอยยิ้ม
  ”หลงเอ๋อก็น่ารักมาก”
  ”หลงเอ๋อจะเป็นเด็กดีไม่สร้างปัญหา ท่านจะชอบหลงเอ๋อตลอดไปมั้ยเพคะ ราชินี ? ท่านจะไม่เป็นเหมือนท่านพ่อกับผู้อาวุโส ที่จู่ ๆ พวกเขาก็ไม่ชอบหลงเอ๋อ … ”
  ถ้อยคำต่างๆ พรั่งพรูจากปากเล็ก ๆ ของนาง ช่างแสนเศร้า พลันน้ำตาของนางก็คลอหน่วย
  แม้ว่านางจะโง่หากแต่นางก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนเหล่านั้นที่เปลี่ยนไป
  ไป๋หยานสะเทือนใจนางจับมือลูกมังกรตัวน้อยแน่นขึ้นเล็กน้อย “ตราบใดที่เจ้ายังเป็นเด็กดี ข้าจะไม่มีวันเกลียดเจ้า”
  ”จริงๆ นะ ?” ทันใดนั้นดวงตาของหลงเอ๋อน้อยก็สว่างไสวขึ้น นางหัวเราะ กระทั่งดวงตาของนางยิบหยีราวกับพระจันทร์เสี้ยว ยิ่งแลดูน่ารัก “ราชินี ท่านเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับข้า ข้าจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟังท่าน ทั้งจะไม่สร้างปัญหาให้ท่าน”
  “พี่สะใภ้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอ่ยพร้อมกับเบ้ปาก หัวใจของนางเต็มไปด้วยความอิจฉา “พี่ไม่เคยใจดีกับข้าเช่นนี้บ้างเลย”
  ”งั้นรึ?” ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้นพลางจิกปาก “เช่นนั้นหากวันหน้าตี้คังต้องการทำโทษเจ้า เจ้าก็อย่ามาซ่อนตัวอยู่ข้างหลังข้านะ”
  ครั้นได้ยินสิ่งนี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็มีแรงใจนางรีบยิ้มประจบ “พี่สะใภ้ พี่เป็นคนดีที่สุดสำหรับข้าเลย ในแดนอสูรนี้ ! ผู้ใดกล้าว่าพี่ไม่ดี ? ข้าจะสังหารมันซะ !”
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (10)***

บทที่ 599 : พิธีราชาภิเษกราชินี (11)
  ครั้นหวงเสี่ยวหยิงเห็นท่าทางเลียแข้งเลียขาราวกับสุนัขตัวน้อยของตี้เสี่ยวอวิ๋นเช่นนั้นนางก็แสดงทีท่าดูถูก พลางกล่าวว่า “องค์หญิง ท่านกลายเป็นคนเสแสร้งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องหวงเสี่ยวหยิงเขม็ง“แหม่… แม่คนไม่เสแสร้ง เจ้าคงไม่คิดแต่งงานกับเสี่ยวมี่แล้วสินะ”
  หวงเสี่ยวหยิงเหมือนถูกแทงใจดำนางกระโดดตัวลอยขึ้นทันที “องค์หญิง ผู้ใดกล้าใส่ร้ายราชินีต่อพระพักตร์องค์หญิงกระนั้นรึ ? โปรดบอกข้าเถอะ ท่านไม่ต้องลงมือเองให้เปรอะเปื้อน เพื่อองค์ราชินีแล้ว ให้ข้าสังหารมันเอง ! ”
  เกียรติยศ? ศักดิ์ศรี ? ความภาคภูมิ ?
  ช่างมันเถอะ!
  สิ่งเหล่านี้จะเทียบกับการได้แต่งงานกับเสี่ยวมี่ได้อย่างไร?
  ”แค่ก”
  จู่ๆ ก็มีเสียงไอเบา ๆ ดังมาจากด้านหน้า ไป๋หยานหันไปมอง นางเห็นสตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาหานาง
  ”ราชินีได้วลาที่จะต้องเสด็จแล้วเพคะ”
  ”อืม”ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย “วันนี้ต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสทั้งสี่แล้ว”
  ครั้นได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานผู้อาวุโสทั้งสี่ก็กลัวจนเข่าแทบทรุด “องค์ราชินี โปรดอย่ารับสั่งเช่นนั้น พระองค์เป็นถึงราชินีแห่งแดนอสูรของเรา วันนี้เป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ พวกเราก็ต้องพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้พระราชพิธีนี้เสร็จสิ้นลงอย่างเรียบร้อย โดยปราศจากปัญหาใด ๆ … ”
  หากองค์ราชามาได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นของนางองค์ราชาอาจจะคิดไปว่า พวกเขาไม่พอใจองค์ราชินีก็เป็นได้
  ไป๋หยานอดไม่ได้ที่จะยิ้ม”เชิญพวกท่านนำทางเถอะ”
  ”เพคะราชินี”
  ที่สุดผู้อาวุโสทั้งสี่ก็โล่งใจ พวกเขายกมือขึ้นปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากพลางยิ้ม พร้อมแสดงท่าทางชวนเชิญให้ออกไปนอกห้อง
  ”พี่สะใภ้ข้าจะดูแลท่านเอง” ตี้เสี่ยวอวิ๋นรีบวิ่งไปข้างหน้า นางเต็มไปด้วยทีท่าประจบประแจง นางเอื้อมมือไปกุมมือไป๋หยานพร้อมรอยยิ้มที่ระบายไปทั่วใบหน้า “พี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสี่หวาดกลัวแทบตายแน่ะ”
  ไป๋หยานยักไหล่”ข้าไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
  ”นั่นแหละเพราะพี่ชายของข้าเปี่ยมด้วยอำนาจ ผู้คนในแดนอสูรต่างก็ทั้งหวาดกลัว ทั่งให้เกียรติเขา พี่…ในฐานะภรรยาของเขา ยิ่งให้ความเกรงใจผู้อาวุโสทั้งสี่มากเท่าไหร่ ผู้อาวุโสทั้งสี่ก็ยิ่งร้อนใจ เพราะพี่มากเท่านั้น”
  ”ข้าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนอื่นคิดสักหน่อยทว่าพี่ชายของเจ้า … ” ไป๋หยาน หัวเราะน้อย ๆ “นั่นน่ะ ไม่แน่ !”
  หากคนพวกนั้นไม่เคารพนางมีหรือที่นางจะเกรงใจพวกเขา ? พวกเขามีแต่จะถูกนางโยนออกไปก็เท่านั้น !
  เช่นนั้น…หากผู้อาวุโสทั้งสี่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วจะคิดได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตี้คังจะเข้าใจพวกเขาผิด
  *****
  พิธีราชาภิเษกราชินีในแดนอสูรเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ทั้งน่าเกรงขามเป็นที่สุด พิธีนี้จัดขึ้นในวิหารแห่งสวรรค์
  ชั่วขณะนี้วิหารแห่งสวรรค์เต็มไปด้วยผู้คนจากทุกเผ่าพันธุ์ในแดนอสูร ทุกผู้คนต่างก็มาถึงที่นี่แล้ว พวกเขายืนอยู่ใต้แท่นปะรำพิธีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
  รอบๆ ปะรำยกสูงนั้นไม่เพียงมีทหารรักษาการณ์เป็นจำนวนมาก หากแต่ยังมีผู้อาวุโสของแดนอสูรรวมอยู่ด้วย ทุกคนที่อยู่โดยรอบแท่นปะรำสูงต่างตีหน้าเคร่งขรึม เพื่อปรามผู้ที่อยู่ด้านล่างซึ่งกำลังตื่นเต้นจนไม่สำรวม
  ทันใดนั้นเองสะพานสายรุ้งก็พาดผ่านท้องฟ้าทั้งสองฝั่ง ทุกคนที่เห็นต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
  เพียงพริบตาผู้คนก็พบว่าสะพานสายรุ้งนั้นประกอบไปด้วยวิหคหลากสีสันบินรวมกลุ่มกันนับจำนวนไม่ถ้วน เมื่อมองจากระยะไกลแล้วภาพที่ปรากฏจึงดูราวกับสะพาน
  “เนื่องจากพระราชพิธีที่สำคัญนี้เผ่านกกระจิบจึงรวมฝูงพร้อมใจกันบินมาแสดงความยินดี จนก่อเกิดสะพานสีรุ้ง”
  “เชอะเผ่านกกระจิบมิได้เก่งกาจอะไรนัก ทว่ากลับเย่อหยิ่งจองหอง ในแดนอสูรนี้ มีเพียงองค์ราชาเท่านั้นที่สามารถสั่งการเผ่านกกระจิบได้”
  “แม้ว่า…ข้าจะเคยได้ยินมาว่าองค์ราชานั้นทั้งรักทั้งหลงใหลองค์ราชินีเป็นอย่างมาก หากแต่ข้าก็คิดว่านั่นเป็นเพียงข่าวลือ ทว่าตอนนี้ข้าได้เห็นด้วยตาตนเองแล้ว ข้าจึงรู้ว่าองค์ราชาจริงจังกับพิธีอันยิ่งใหญ่นี้มากเพียงใด”
  ทุกผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างก็เฝ้ารอคอยใจจดใจจ่อพวกเขาต่างก็ปรารถนาที่จะเห็นสตรีผู้ซึ่งสามารถมัดพระทัยองค์ราชาให้หลงใหลได้ พวกเขาสงสัยว่าสตรีผู้นั้นจะงดงามสักเพียงใด ?
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (11)***

บทที่ 600 : ข้าอยากแต่งกับราชินี (1)
  บนสะพานสีรุ้งร่างสองร่างค่อย ๆ ปรากฏต่อสายตาของทุกผู้คน
  ทั่วทั้งวิหารสวรรค์เงียบสนิทมีเพียงเสียงแว่วของสายลมเย็นพัดผ่านมาให้ได้ยินเท่านั้น
  ปลายสะพานสายรุ้งสตรีผู้หนึ่งสวมมงกุฎหงส์ทรงชุดราชาภิเษกที่งดงาม พวงแก้มของนางแต่งแต้มด้วยผงสีชมพูเพียงเบาบาง ขอบตาของนางทาชาดสีแดง ใบหน้าของนางสวยสง่างดงาม
  นางอุ้มเด็กน้อยตัวกลมผิวอมชมพูมีน้ำมีนวลไว้ในอ้อมแขนสายตาของนางจับจ้องมองอีกด้านหนึ่งของปลายสะพาน
  ภายใต้สายลมโบกพัดเส้นผมสีเงินยวงของชายหนุ่มสะบัดพลิ้ว อาภรณ์เสีแดงสดใสของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าภายใต้แสงจันทราสีเลือด
  หัวใจของไป๋หยานเต้นระรัวไม่หยุดนางไม่เคยคิดเลยว่า บุรุษที่มีเสน่ห์ ทว่าชั่วร้ายผู้นี้ ภายหลังจากได้สวมอาภรณ์สีแดงแล้วจะดูดีถึงเพียงนี้ได้ !
  ชายหนุ่มก้าวเข้ามาหานางทีละก้าวๆ ราวกับกำลังเดินเข้าสู่หัวใจของนางทีละน้อย ๆ
  เขายื่นมือมาเบื้องหน้านางนางพลันตกตะลึง ที่สุดนางก็วางมือนวลเนียนราวหยกลงบนฝ่ามือของเขา มือของนางถูกฝ่ามืออันอบอุ่นของเขากระชับแน่นในทันที
  ”หยานเอ๋อนับจากนี้ไปเจ้าคือภรรยาของข้า …ตี้คัง… เจ้าจะเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของข้า”
  ตลอดกาล!
  หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้านนางเงยหน้าขึ้น พลางจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า นางแย้มยิ้มก่อนกล่าวคำ “ตกลง ! หากแต่ในภายหน้า ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ทรยศข้า ทั้งท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ปกปิดข้าไม่ว่าเรื่องใด หากท่านปรารถนาจะไปจากข้าไม่ว่าเมื่อใด ท่านก็ต้องบอกข้าก่อน ! หากท่านยอมให้สัญญา ข้าก็ยินดีที่จะเป็นภรรยาของท่าน”
  ”ข้าให้สัญญา”
  ตี้คังรั้งร่างของไป๋หยานเข้าสู่อ้อมกอดอาภรณ์ของเขาพร้อมด้วยชุดแต่งงานที่งดงามของนาง พริ้วสะบัดล้อไปกับสายลม ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็รู้สึกทึ่งกระทั่งแทบจะลืมหายใจ
  “ผู้นี้คือองค์ราชินีกระนั้นหรือ? นางงามมากจริง ๆ นางคู่ควรกับองค์ราชายิ่งแล้ว”
  ”เดิมทีข้าก็ไม่อยากยอมรับนางแต่ครั้นได้เห็นนางแล้ว ข้าจำต้องยอมแพ้ ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้างจริง ๆ”
  เด็กสาวจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ รู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อได้เห็นคนทั้งสองที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ทั้งคู่แลดูงดงามสมบูรณ์แบบ แน่นอนว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกนางจะต้องตัดใจเรื่ององค์ราชาเสียที
  ยิ่งไปกว่านั้นสตรีที่องค์ราชาชื่นชอบก็มิได้เลวร้ายสักนิด
  ”ขอแสดงความยินดีกับพิธีอภิเษกของทั้งสองพระองค์ขอจงทรงพระเจริญ !”
  ทุกผู้คนที่อยู่เบื้องล่างต่างก้มกายคุกเข่าเสียงของพวกเขาดังขึ้นพร้อมกันด้วยความเคารพนบนอบ
  ตี้คังค่อยๆ ปล่อยร่างหญิงสาวในอ้อมแขนของตน เขาทอดสายตาที่หยิ่งยโสมองลงมายังฝูงชนที่อยู่เบื้องล่าง พลางกล่าวด้วยเสียงสุขุม “ลุกขึ้น”
  ”พ่ะย่ะค่ะองค์ราชา”
  เมือจอมราชันมีพระราชานุญาตพวกเขาจึงกล้าที่จะลุกขึ้นยืน
  ”องค์ราชากระหม่อมประสงค์ที่จะ … ” ทันทีที่ชายชราลุกขึ้น เขาก็นึกถึงภารกิจที่ต้องมาที่นี่ เขาต้องการส่งหลานสาวเข้าวังเพื่อถวายตัวเป็นพระสนม
  ทว่า…
  ชายชรายังมิทันจะกล่าวจบเขาก็ถูกน้ำเสียงหยิ่งผยองของตี้คังกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน
  ”ข้ามีเรื่องที่ต้องประกาศเพื่อให้รับรู้โดยทั่วกัน” เขาจ้องมองประชาชนทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง น้ำเสียงทรงอำนาจของเขาดังก้องไปทั่วทั้งวิหารสวรรค์ “ครั้งที่ข้าพยายามเอาชนะใจราชินี ข้าได้ให้สัญญากับนางไว้ว่า เราจะครองคู่เฉกผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต ชั่วชีวิตของข้าจะมีเพียงนาง เช่นนั้นเว้นแต่ราชินีแล้ว ข้าจะไม่รับสตรีอื่นเข้าวังอสูรอีก !”
  ”หากข้ารู้ว่าผู้ใดกล้าส่งสตรีมาที่วังของราชินี ข้าจะปล่อยให้นางเดินเข้ามา ทว่าต้องนอนกลับออกไป !”
  บูม!
  ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำประกาศของตี้คังคำประกาศนี้ไม่ต่างจากการโยนระเบิดเข้าไปกลางฝูงชน หัวใจของพวกเขาเต้นตูมตามด้วยความตื่นตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองบุคคลทั้งสองผู้ซึ่งอยู่บนท้องนภา
  องค์ราชายกเลิกตำหนักนางในกระนั้นหรือ?
  องค์ราชารู้เรื่องเกี่ยวกับสัมพันธ์ชายหญิงแล้วมิใช่หรือ? จะมีบุรุษใดบ้างที่ไม่ปรารถนาสตรีหลาย ๆ คนมาให้บริการ ?
  ยิ่งไปกว่านั้นชาวแดนอสูรจะมีพลังทางเพศที่ล้นเหลืออยู่เสมอ ซึ่งมนุษย์ธรรมดาย่อมจะไม่สามารถทานรับไหว
  ***จบบทข้าอยากแต่งกับราชินี (1)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท