บทที่ 556 กินอาหารสุนัข
ทุกครั้งที่ซูไท่หยวนมารักษาไทเฮาเขาพบว่าพิษในร่างกายของพระนางค่อยๆ หายไป ครั้งนี้ก็น้อยลงกว่าที่ตรวจเจอในครั้งแรกมาก รวมถึงไทเฮาที่ทรงฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับสูญเสียความทรงจำไปยี่สิบปี พระนางทรงจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้นับว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว
ในฐานะที่เป็นหมอผู้รักษา เขาย่อมมีความสุขมากที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ซูไท่หยวนอารมณ์ดีหลังจากกลับมาโรงหมอหลวง เขาเริ่มไตร่ตรองว่าควรเปลี่ยนตัวยาสองสามชนิดในยาที่ถวายองค์ไทเฮา ในระหว่างที่เขาใจจดจ่อเขียนชื่อตัวยาลงไปในกระดาษ พลันมีมือมาดึงกระดาษออกไป คนผู้นั้นคือหวังเซี่ยวจี
หลังจากที่เขาได้ตกลงไปในบ่อส้วม เขาใช้เวลาพักอยู่กับบ้านนานถึงครึ่งเดือนกว่าจะได้กลับมา หลังจากกลับมาแล้ว เขาพุ่งเป้าไปที่ซูไท่หยวนทันที เพื่อที่จะจ้องจับผิดเขา หวังเซี่ยวจีมองตัวยาบนกระดาษ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา
ตอนนี้ล่ะที่เขาจะจับไต๋ซูไท่หยวนให้ได้!
“เขากวาง หญ้าแพะหงี่ โชวู…นี่มันสมุนไพรสำหรับบำรุงสมอง ซูไท่หยวน เจ้าสั่งจ่ายยาให้ขุนนางคนไหนหรือ? มีใครต้องบำรุงสมองหรือแสร้งทำเป็นสั่งยาให้คนอื่นแต่ที่แท้เอาให้ตัวเองกันแน่?”
เสียงของหวังเซี่ยวจีดังขึ้นและหมอหลวงคนอื่นก็หันมามองเขาด้วยความสงสัย ซูไท่หยวนมีใบหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
บำรุงสมอง.. โรคลมบ้าหมูไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้ หากบอกไปว่าเป็นของไทเฮาจะต้องไม่ดีแน่ จิตใจของเขาสั่นไหว
“ยานี่สำหรับองค์หญิงจิ้งชู”
หวังเซี่ยวจีได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจ
“องค์หญิงจิ้งชูให้เจ้าสั่งยาให้หรือ? เจ้าเป็นแค่หมอธรรมดา”
ในความคิดของเขาด้วยสถานะขององค์หญิงจิ้งชู หากนางล้มป่วยขึ้นมา นางจะต้องพบกับหมอหลวงแน่นอนไม่ใช่หมอธรรมดาอย่างซูไท่หยวน
“หลังจากที่ข้าไปฝังเข็มให้ไทเฮาแล้วข้าได้พบกับองค์หญิงจิ้งชูระหว่างทางกลับ องค์หญิงตรัสว่าปวดศีรษะ นางให้ข้าสั่งยาให้” ซูไท่หยวนกล่าวอย่างมีเหตุผลและหลักฐาน
ครั้งหนึ่งเขาได้เจอองค์หญิงจิ้งชูในตอนที่อยู่จวนอู่โหว เขาเห็นนางเพียงครั้งเดียวและได้พูดคุยกันเพียงสองสามคำ ส่วนข้ออ้างที่บอกว่า
“ปวดศีรษะ ให้สั่งยา” ก็แวบเข้ามาในหัวเขาทันที แน่นอนว่าเมื่อได้ยินชื่อองค์หญิงจิ้งชูแล้วท่าทีของหวังเซี่ยวจีชะงักไป
“หมอหวังโปรดคืนใบสั่งยาให้ข้าที องค์หญิงกำลังรอข้าอยู่” ซูไท่หยวนกล่าว
ใบหน้าของหวังเซี่ยวจีน่าเกลียดมาก เขาไม่ชอบซูไท่หยวนแต่ถ้าหากอีกฝ่ายมีองค์หญิงจิ้งชูหนุนหลังล่ะก็… หวังเซี่ยวจีรู้สึกอึดอัดมาก เขาไม่กล้าที่จะทำให้ซูไท่หยวนลำบากใจอีกต่อไป หวังเซี่ยวจีจึงคืนกระดาษให้กับเขา
ซูไท่หยวนรับกระดาษกลับมาใบหน้าของเขาเป็นปกติแต่หัวใจของเขาเต้นถี่รัว ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ แต่เขาไม่มีทางเลือก ถังหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์หญิงจิ้งชู เขาจึงต้องรีบส่งข่าวเพื่อให้นางไปพูดเรื่องนี้กับองค์หญิงให้เร็วที่สุด
“ไทเฮาทรงฟื้นคืนสติแล้ว!” ถังหลี่ดีใจเมื่อได้รับจดหมายจากวังหลวง นางมองเว่ยฉิง ชายหนุ่มมีรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
“ใช่ นางฟื้นคืนสติแล้ว” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุข
เว่ยฉิงกอดพลางถูศีรษะไปกับลำคอของภรรยา สิ่งที่เขาเห็นในวังหลวงก่อนหน้านี้ทำให้เขาอึดอัดมาก ภาพลักษณ์ที่คลุ้มคลั่งของเสด็จย่า เป็นเรื่องดีเหลือเกินที่เสด็จย่าของเขาทรงฟื้นคืนสติขึ้นมาได้
เว่ยฉิงเกยคางบนไหล่ของถังหลี่ พวกเขาอ่านจดหมายด้วยกัน
“แต่ว่าพระนางสูญเสียความทรงจำไปถึงยี่สิบปี” ถังหลี่กล่าว
“ฝีมือการแพทย์ของหมอซูนั้นดีมาก ไทเฮาจะต้องจำทุกอย่างได้แน่นอน” เว่ยฉิงพูด หญิงสาวพยักหน้ารับทันทีบราวนี่ออนไลน์
“สามี ท่านอยากเจอไทเฮาไหม?” ถังหลี่ถาม
“ข้าอยากเจอนาง แต่ยังไม่ถึงเวลา”
เขาอยากเจอไทเฮามากแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาได้แต่อดทนรอเท่านั้น ถังหลี่ลูบศีรษะของเขาอย่างทุกข์ใจ เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เห็นญาติพี่น้องอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถไปพบได้ เซียวซานหลางก็เช่นนี้ ไทเฮาก็เช่นกัน…
“สามี หวังเซี่ยวจีคือใคร?” ถังหลี่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว หมอซูกล่าวในจดหมายว่าชายคนนี้ทำให้เขาเจอเรื่องวุ่นวาย
“หวังเซี่ยวจีเป็นหมอหลวงในวังเป็นพระญาติของหวังกุ้ยเฟย” เว่ยฉิงตอบ
“เกี่ยวข้องกับจ้าวชูอีกแล้ว เขาช่างน่ารำคาญจริงๆ” ถังหลี่กัดฟันกรอด เว่ยฉิงยิ้มยื่นมือไปลูบหัวนาง
“ไม่ช้าก็เร็ว เราจะได้ถอนรากถอนโคนพวกมันแน่นอน”
“อืม” ถังหลี่ตั้งตารอวันนั้น แม้ใจนางจะไม่อยากรออีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าท่าทีของถังหลี่น่ารักเพียงไหน เว่ยฉิงก็อดไม่ได้ที่จะจูบไปที่แก้มของนาง ถังหลี่อ่านที่ท้ายของจดหมาย เห็นว่าหมอซูพูดถึงเรื่ององค์หญิงจิ้งชู
“ข้าจะไปหาองค์หญิงจิ้งชูพูดคุยกับนางถึงเรื่องนี้”
วันถัดมา
องค์หญิงจิ้งชูเสด็จมายังจวนอู่โหว กู้หวนจิ่นมาเยี่ยมถังหลี่ ทั้งคู่ย้ายไปประกบที่ด้านข้างของหญิงสาว พวกเขาโต้เถียงกันไปมาอย่างรวดเร็ว
ถังหลี่เห็นว่าทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันโดยใช้นางเป็นโล่อยู่ตรงกลาง หากเป็นยามปกตินางคงจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอพวกเขาเป็นแน่ แต่วันนี้ ถังหลี่ได้ถือโอกาสพูดถึงเรื่องของหมอซูให้องค์หญิงจิ้งชูฟัง พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับนาง
ถังหลี่ไม่ได้พูดเรื่องหมอซูสั่งยาให้กับองค์ไทเฮา เรื่องนี้คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เมื่อองค์หญิงจิ้งชูได้ยิน นางตบที่หน้าอกของตนทันที
“สบายมาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”
“ข้าเป็นองค์หญิงนะ ข้าเรียกลมเรียกฝนในวังย่อมได้”
“ถ้าข้าเข้าไปในวัง องค์หญิงจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่?” กู้หวนจิ่นเลิกคิ้ว
“ท่านจะเข้าวังหรือ? ไปทำอะไร?” ดวงตาขององค์หญิงจิ้งชูแอบทอประกายแห่งความสุข
“องครักษ์กระมัง ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนี้” กู้หวนจิ่นเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
องค์รักษ์? แต่กู้หวนจิ่นมีวิทยายุทธ์ค่อนข้างดี
“ดี! ตอนนี้ถ้าว่างมากก็ไปหางานทำเสีย” องค์หญิงจิ้งชูกล่าว
“ว่ากันว่าในนั้นมีกฎระเบียบเข้มงวดมากมาย” กู้หวนจิ่นลังเล
“อยูู่กับข้าไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น”
“ข้าจัดการเอง”
“ถ้าหากเจ้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ได้ เจ้าจะมีอำนาจมาก”
“คงต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก”
“ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”
กู้หวนจิ่นมององค์หญิงจิ้งชู
“ท่านอยากให้ข้าเข้าวังมากขนาดนั้นเลยหรือ?”
องค์หญิงจิ้งชูพระพักตร์แดงระเรื่อ ไม่อาจตอบโต้อะไรได้ ถังหลี่รู้สึกเหมือนกำลังกินอาหารสุนัขเข้าเต็มปาก
หญิงสาวย่องออกไปเงียบๆ นางหันย้อนกลับไปดู
ภาพที่เห็นคือใต้ต้นไม้ใหญ่ บุรุษสูงหล่อเหลากำลังโน้มกายเข้าไปหา หญิงสาวสวมชุดบุรุษ นางมีรูปร่างเล็กทว่าใบหน้าช่างงดงามราวกับผลท้อสุกปลั่งเมื่อทั้งสองยืนคู่กันแล้วดูเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก
ถังหลี่ยิ้มหันหลังจากไป สายตาที่อ่อนโยนของกู้หวนจิ่นทำให้พระพักตร์ขององค์หญิงจิ้งชูแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ว่าเจ้าจะเข้าวังหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของข้า?” องค์หญิงพูดเบาๆ น้ำเสียงของนางอ่อนลง
“แต่อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าเข้าไปในวังได้ ข้าคงมีความสุขมาก”
สุดท้ายแล้วกู้หวนจิ่นก็เข้าวังเพื่อไปเป็นองครักษ์ เดิมทีเขาต้องการจะใช้ชีวิตล่องลอยไปเรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตกหลุมรักคนผู้หนึ่งอย่างลึกซึ้ง
หลังจากที่องค์หญิงจิ้งชูได้ยินคำพูดของเขา นางก็ไม่อาจจะกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้ ทั้งคิ้วและดวงตาของนางบิดเบี้ยวไปหมด
กู้หวนจิ่นกำลังจะเข้าวัง นางจะได้เห็นเขาโดยไม่ต้องอ้อนวอนขอเสด็จพ่อเพื่อออกมาข้างนอกวังอีกต่อไปแล้ว!
ไม่สิ! กู้หวนจิ่นมีอะไรดีกัน! นางต้องไม่สนใจชายน่ารำคาญผู้นี้สิ! แต่หัวใจของนางอดไม่ได้ที่จะพองโตขึ้น ลอยละล่องราวกับอยู่บนเมฆน้อยในท้องนภา
หลังจากที่นางเข้าไปในรถม้า จิ้งชูก็หัวเราะออกมา นางหัวเราะจนทหารที่บังคับม้าหันมองด้วยความประหลาดใจ องค์หญิงคงไม่ได้พระสติไม่สมประกอบไปแล้วใช่ไหม?
องค์หญิงจิ้งชูเสด็จกลับไปที่วังหลวงเปลี่ยนชุดเป็นอาภรณ์ปรกติเช่นเคย นางนึกถึงคำพูดของถังหลี่ หวังเซี่ยวจีที่อยู่โรงหมอหลวงผู้นั้นชอบกลั่นแกล้งหมอซู
หมอซูเป็นคนของถังหลี่ เขาย่อมเป็นคนของนางด้วย หวังเซี่ยวจีจะมารังแกคนของนางได้อย่างไร!
องค์หญิงจ้าวชูเท้าสะโพก ดวงหน้าเต็มไปด้วยโทสะ พระเนตรกลอกกลิ้งไปมาครุ่นคิดแผนที่ว่าจะลงโทษหวังเซี่ยวจีอย่างไรดี
“ไปตามหวังเซี่ยวจีมาเจอข้าเดี๋ยวนี้!” ในไม่ช้าคำพูดขององค์หญิง ก็แพร่กระจายไปที่โรงหมออย่างรวดเร็ว หวังเซี่ยวจีรู้สึกประหลาดใจมาก
เหตุใดองค์หญิงจึงเรียกหาเขา?
จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าซูไท่หยวนบอกว่าองค์หญิงมีพระอาการปวดพระเศียร เป็นไปได้ไหมว่าซูไท่หยวนจะดูแลพระอาการขององค์หญิงไม่ได้ นางจึงสั่งให้่เขาไปดูแลนางแทน
องค์หญิงจิ้งชูเป็นพระธิดาองค์โปรดของฮ่องเต้ สถานะของนางในวังสูงมาก เขารู้สึกปีติยินดีเมื่อองค์หญิงให้ความสำคัญกับเขา
“ซูไท่หยวน ข้าจะไปเข้าเฝ้าองค์หญิง ถ้าใครมาถามหาข้าก็บอกไปเช่นนี้”
หวังเซี่ยวจีจงใจอวดซูไท่หยวนก่อนจะเดินไปที่ตำหนักขององค์หญิงจิ้งชูอย่างมีความสุข