เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 558 ลูกเตะท้องข้า

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 558 ลูกเตะท้องข้า

องค์หญิงใหญ่เสด็จมาถึงโดยเร็ว พระนางสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นพระพักตร์ที่ซีดเซียวของฮ่องเต้

“ฝ่าบาทเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นหรือ?” องค์หญิงใหญ่ถามด้วยความเป็นห่วง ฮ่องเต้ส่ายพระเศียรไม่ตรัสอะไรออกมา องค์หญิงใหญ่จึงเงียบไปเช่นกัน ทั้งสองประทับนิ่งเงียบๆ อยู่เช่นนั้น ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็นอึมครึมกดดันอยู่รอบๆ จู่ๆ ฮ่องเต้โจวก็ตรัสถามขึ้นว่า

“เสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง”

“สุขภาพท่านดีขึ้นมาก” องค์หญิงใหญ่ตอบ

นางไม่ได้ไปเข้าเฝ้าบ่อยครั้งนัก ครั้งสุดท้ายที่นางไปเข้าเฝ้าเป็นตอนที่ไทเฮาประชวรเป็นโรคลมบ้าหมูหลังจากนั้นก็ไม่มีข้าราชบริพารคนไหนมารายงานอีก

“ช่วงเวลานี้ข้ามักจะคิดถึงเรื่องในอดีต จำได้ว่าตอนที่ข้าอาศัยอยู่ในตำหนักเย็น มีเพียงท่านพี่เท่านั้นที่ใจดีเอาอาหารมาให้ข้า” ฮ่องเต้ตรัสจับมือองค์หญิงใหญ่เอาไว้

ในตำหนักเย็นอากาศหนาวเย็นมาก ผู้คนในวังไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนกลั่นแกล้งเขาได้ทุกคน

แม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชายแต่ก็อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าบ่าวรับใช้ เขาและพี่สาวอาศัยอยู่ในตำหนักเย็น… องค์หญิงใหญ่มีสีพระพักตร์อ่อนโยนขึ้น พระนางลูบพระเศียรของฮ่องเต้โจวเบาๆ อย่างปลอบประโลม

“เรื่องในอดีตผ่านพ้นไปแล้วเหตุใดฝ่าบาทต้องคิดถึงเรื่องนี้ด้วย” องค์หญิงใหญ่ทรงถอนพระปัสสาสะออกมา

“อาจจะเป็นเพราะข้าชราแล้ว ถึงได้หวนคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ ก็เป็นได้” ฮ่องเต้ตรัส

“ต่อมาเสด็จแม่ก็มาพบข้าทรงพาข้าไปชุบเลี้ยงดู ชีวิตของข้าและท่านพี่จึงดีขึ้นเป็นเพราะเสด็จแม่ดีกับข้า”

“เพราะไทเฮาไม่มีพระโอรสหรือพระธิดา พระองค์จึงได้เลี้ยงดูฝ่าบาทเป็นอย่างดี อีกทั้งพระนางยังต้องพึ่งพาฝ่าบาทด้วย” องค์หญิงใหญ่ตรัส ฮ่องเต้ส่ายพระเศียร

“เสด็จแม่ทรงเลือกผู้อื่นได้ แต่พระนางทรงเลือกที่จะเลี้ยงดูข้า เสด็จแม่ทรงมีพระเมตตา เมื่อข้าขึ้นครองราชย์ ข้าคิดว่าในที่สุดข้าก็สามารถมอบพระเกียรติยศที่สูงสุดให้กับเสด็จแม่ได้ แต่เสด็จแม่…”

ดูเหมือนฮ่องเต้โจวจะทรงคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้พระพักตร์ของพระองค์บิดเบี้ยว

“ข้าเป็นพระโอรสของไทเฮา พระนางทรงโปรดปรานข้ามาก เหตุใดข้าจะต้องเผชิญกับเรื่องแบบนั้นด้วย? แล้วเสด็จแม่จะ..” องค์หญิงใหญ่ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปตบที่พระขนองของฮ่องเต้เบาๆ อย่างปลอบประโลม

“ฝ่าบาท…พระองค์ยังทรงมีหม่อมฉัน หม่อมฉันอยู่เคียงข้างพระองค์เสมอ” องค์หญิงใหญ่ทรงเอ่ยชื่อที่นางไม่ได้เรียกขานมานานแล้วว่า

“อาเยี่ยน”

ฮ่องเต้โจวค่อยๆ สงบลง ทอดพระเนตรมององค์หญิงใหญ่

“ท่านพี่ ช่วงนี้ข้าฝันร้ายบ่อยมาก ข้า…” เขาเล่าถึงความฝันที่ผ่านมา

“ฝ่าบาท ในเมื่อคนเป็นยังไม่กลัว เหตุใดจึงกลัวคนตายเล่า” องค์หญิงใหญ่หัวเราะเบาๆ สีหน้าของนางไร้ความปราณีเหี้ยมเกรียมขึ้นทันที

“แม้จะเป็นผีร้าย แต่พี่สาวคนนี้จะไล่มันไปให้เจ้าเอง” นางปลอบโยนเขา ลูบหลังเขาเบาๆ เหมือนตอนยังเป็นเด็ก

“อาเยี่ยน ไม่ต้องกลัวพี่สาวอยู่นี่แล้ว” ฮ่องเต้ทรงพยักหน้ารับ ไม่นานนักพระองค์ก็สงบพระทัยได้ กลับไปประทับนั่งตรงสมเป็นฮ่องเต้ผู้สุขุมเช่นเดิมบราวนี่ออนไลน์

“ดึกมากแล้ว องค์หญิงใหญ่ควรพักผ่อน”

“เพคะฝ่าบาท” องค์หญิงใหญ่ประทับยืนขึ้น จากนั้นจึงได้หันหลังเดินออกไปจากประตู แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังกลับไปทอดพระเนตรฮ่องเต้โจวที่ประทับนั่งภายใต้แสงเทียนสีพระพักตร์ซีดเซียวราวกับกระดาษ พระวรกายซูบผอมอาภรณ์ที่สวมหลวมโพรก ทำให้รู้ว่าเทียนแห่งชีวิตของเขากำลังจะมอดดับลง นางมีลางสังหรณ์ว่าฮ่องเต้โจวจะอยู่ได้อีกไม่นาน กี่เดือน กี่ปี? สองปี? หากเขาไม่อยู่แล้ว จะมีผู้ใดขึ้นครองราชย์ ทั้งองค์ชายสามและองค์ชายหกที่โง่เขลาล้วนหาใครฉลาดเท่านางได้

องค์หญิงใหญ่มีท่าทีเศร้าสร้อยเล็กน้อยก่อนจะเผยให้เห็นความสุขที่เล็ดรอดออกมา นางก้มพระพักตร์ลงปกปิดสายพระเนตรที่ทอแสงแห่งความยินดีออกมา จากนั้นจึงได้เสด็จดำเนินจากไป ….

พริบตาเดียวก็เข้ากลางเดือนเจ็ดแล้ว

จวนอู่โหว

เด็กในท้องของถังหลี่มีอายุครรภ์ได้หกเดือนแล้ว ท้องของนางโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกว่าตัวเองเริ่มขี้เกียจและอ่อนเพลียทั้งวัน กินมากเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เมื่อนางลองบีบแก้มตัวเองก็พบว่าน้ำหนักของนางเพิ่มขึ้น เว่ยฉิงอยู่กับนาง เห็นนางทำแบบนั้นแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มนางด้วย

“สามี ข้าอ้วนขึ้นมากไหม?” ถังหลี่ถาม

เว่ยฉิงพยักหน้าแบบตรงไปตรงมา ตอนนี้ภรรยาของเขาน้ำหนักขึ้นทำให้คางที่เคยเรียวแหลมกลมขึ้น ถังหลี่เป็นคนที่มาจากยุคปัจจุบัน นางย่อมได้รับอิทธิพลจากยุคนั้น ที่ต้องผอมและดูดี

เมื่อได้ยินคำว่าอ้วนขึ้นทำให้นางมีอาการเศร้าซึมไปเล็กน้อย

“แต่น่ารักขึ้น” เว่ยฉิงกล่าว ถังหลี่หันไปมองที่เขา

“ถึงอ้วนขึ้น แต่น่ารักมากเวลากอดก็นุ่มนิ่มไปทั้งตัว” เว่ยฉิงพูด

คิ้วของถังหลี่คลายออกเผยอรอยยิ้มขึ้นมา ภาพลักษณ์พวกนี้มีไว้ให้คนอื่นดู เมื่อสามีของนางชอบก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เว่ยฉิงกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา มองใบหน้าของภรรยา นางช่างงดงามมากจริงๆ

ดวงตาของนางฉ่ำน้ำราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง สายตาของเขาจับจ้องที่ริมฝีปากของนาง จากนั้นจึงได้กดจูบเบาๆ เรียวปากของหญิงสาวนุ่มนวลกว่าที่เห็นมากนัก เว่ยฉิงจูบนางอยู่นานก่อนจะผละออกอย่างไม่เต็มใจ

ตอนนี้เขาได้แต่กอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ เขาหิวกระหายมาก จึงได้แต่ขโมยจูบนางเพื่อสนองตัณหาของตัวเองเท่านั้น เว่ยฉิงกอดนางไม่ยอมปล่อยฉวยจูบภรรยาอีกครั้ง

“ฮูหยิน เมื่อคืนข้าฝันถึงลูก” เขาพูดขึ้นมา ถังหลี่หันไปมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“นางเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก”

เขาพูดพลางยิ้ม “หน้าตาเหมือนเจ้าราวกับย่อส่วน ข้าอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าออกแรงเลยสักนิด นางตัวเล็กราวกับลูกแมวตัวน้อย ไม่ว่าจะเป็นดวงตา มือเล็กๆ ของนาง เสียดายเหลือเกินข้าตื่นขึ้นมาเสียก่อน”

เว่ยฉิงรู้สึกหดหู่ใจ เขาคิดว่าจะได้สัมผัสกำปั้นเล็กๆ ของนาง แต่มาสะดุ้งตื่นเสียก่อน เขาอยากบีบแก้มน้อยๆ ของนางจุมพิตนาง ฟังเสียงพูดอ้อแอ้ของเด็กน้อย เมื่อคิดแบบนั้นแล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างโง่เขลา

“สามี..” การแสดงออกของถังหลี่ดูแปลกไป เว่ยฉิงรีบปล่อยมือทันที

“ฮูหยิน ข้ากอดเจ้าแน่นเกินไปหรือ?” ถังหลี่ส่ายศีรษะ นางให้เขาเอาใบหน้าแนบที่หน้าท้องของตัวเอง หลังจากที่รออยู่ครู่หนึ่งเว่ยฉิงก็รู้สึกเหมือนใบหน้าของเขาโดนสัมผัส ทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น

“ฮูหยิน ลูกเตะข้าหรือ!” สีหน้าของเขาไม่เชื่อ

“ยัยหนูนี่กล้าดีอย่างไรมาเตะพ่อ”

“ตัวแสบกล้าท้าทายพ่อหรือ?” เสียงของเว่ยฉิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและยินดี ก่อนหน้านี้เขาได้แต่ฝัน ว่าตนกำลังจะได้สัมผัสกับกำปั้นน้อยๆ แต่บัดนี้กับเป็นจริงแล้ว หนูน้อยเตะเขา เว่ยฉิงรู้สึกว่าแปลกใหม่มาก เขาจึงเอาใบหน้าแนบเข้าที่หน้าท้องของนางอีกครั้งเฝ้ารอคอยด้วยสีหน้าที่คร่ำเคร่ง ไม่นานนักเขาก็โดนเด็กน้อยเตะอีกครั้ง เว่ยฉิงสะดุ้ง

“หนูน้อยถีบข้าอีกแล้ว ฮูหยินลูกสาวเราซนมาก!” เว่ยฉิงพูดอย่างมีความสุข นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา เว่ยฉิงได้กลายเป็นคนโง่เขลาไปทันที

ถังหลี่มองท่าทางไร้เดียงสาของสามีด้วยรอยยิ้ม สามีของนางน่ารักเกินไปแล้ว เขายังเอาหน้าแนบที่หน้าท้องของภรรยาอยู่อีกนาน จากนั้นจึงบิดตัวขึ้น เอนไปกระซิบเบาๆ

“ฮูหยิน ลูกหลับแล้วล่ะข้าได้ยินเสียงนางกรน”

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท