บทที่ 560 ขอให้เป็นเช่นนี้ทุกปี
“อาจื่อเจ้าชอบข้าหรือไม่?” น้ำเสียงของกู้หวนจิ่นอ่อนโยนมากจนทำให้องค์หญิงจิ้งชูแทบจะจมอยู่ในความอ่อนโยน นุ่มนวลของเขา ท่ามกลางความวุ่นวายจากผู้คนรอบด้านและสรรพเสียงที่ดังอยู่โดยรอบดูเหมือนทุกอย่างจะหายไปในเวลานั้น ที่นางเห็นคือใบหน้าที่หล่อเหลาของกู้หวนจิ่นแต่เพียงผู้เดียว ดวงตาเขาอ่อนโยน หัวใจขององค์หญิงจิ้งชูเต้นแรงขึ้น ความสุขแผ่ซ่านไปทั่ว นางพยักหน้ารับ กู้หวนจิ่นจุมพิตที่หน้าผากของนางเบาๆ
เว่ยฉิงจับมือถังหลี่เดินจากไป เขาโอบนางไว้พาเข้าไปในตรอกเปลี่ยว ชายหนุ่มประคองศีรษะของภรรยา ดันหญิงสาวแนบผนังก้มลงจุมพิตอย่างยาวนาน ในไม่ช้า เขาก็ผละออกอย่างไม่เต็มใจ ดวงตาสีดำสนิทของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า
“ฮูหยินเราไปซื้อของกันเถอะ”
พวกเขาเดินเล่นท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน ด้านหน้ามีสะพานประดับด้วยโคมไฟมากมายรวมทั้งผู้คนที่แออัด
“พวกเขากำลังเล่นทายปริศนาตะเกียงใช่ไหม?” ถังหลี่ถาม
เทศกาลซีซีและซั่งหยวนเจี้ย[1]เป็นเทศกาลพื้นบ้านใหญ่สองเทศกาลในต้าโจว ดวงตาของถังหลี่ถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วด้วยโคมไฟลายกระต่ายที่แขวนอยู่บนหลังคา กระต่ายตัวนั้นบอบบางดูมีชีวิตชีวา
“เจ้าชอบหรือ?” เขาโน้มตัวไปใกล้ถามเสียงเบา ถังหลี่พยักหน้า
เว่ยฉิงประคองเอวของภรรยาเดินขึ้นไปบนสะพานที่มีหลังคาปกคลุมอยู่ เว่ยฉิงต้องการซื้อโคมไฟรูปกระต่าย แต่คนขายตอบว่าโคมไฟเป็นรางวัลเป็นรางวัลสำหรับคนที่ทายปริศนาได้เท่านั้น เขาปฏิเสธที่จะขายให้กับเว่ยฉิง
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนแต่โดยดี
เมื่อเห็นว่าบนสะพานมีคนเบียดเสียดมากเกินไปทำให้เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับร่างกายของภรรยา เขาจึงไม่กล้าให้นางเข้าไปแทรกในฝูงคนเหล่านั้น
“สามี..ช่างมันเถอะ” ถังหลี่ดึงแขนเสื้อกระซิบบอกเขา
“เจ้าเหนื่อยไหม? อยากพักผ่อนหรือยัง?”
ถังหลี่ตอบว่า
“อืม…ข้าเหนื่อยแล้ว”
เว่ยฉิงพาหญิงสาวไปที่ร้านน้ำชา เขาขอห้องส่วนตัว หน้าต่างของห้องนั้นหันหน้าไปทางตลาดที่จอแจ ทั้งสองคนนั่งลง ชายหนุ่มสั่งน้ำชาและขนม เขาลุกขึ้นยืนเดินไปหาถังหลี่
“ฮูหยินให้ข้าสร้างความบันเทิงให้เจ้าดูดีไหม?” เว่ยฉิงถาม หญิงสาวตอบตกลงทันที เขากระโดดออกไปนอกหน้าต่าง แสดงด้านเกเร และขี้เล่นของเขาออกมา ทำให้ถังหลี่หัวเราะ ชายหนุ่มโบกมือให้นาง ปะปนหายไปกับฝูงชน ถังหลี่เท้าคางระหว่างรอสามีกลับมา นางกินขนมไปด้วย
ไม่นานนักเขาก็กลับมา ดวงตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่โคมไฟกระต่ายในมือของเขาอย่างรวดเร็ว เว่ยฉิงตัวสูง หล่อเหลา ท่าทางเย็นชาจริงจัง ทว่าในมือกลับถือโคมไฟกระต่าย ขัดกับภาพลักษณ์ของเขาอย่างสิ้นเชิง
ทำให้สายตาของเด็กสาวหลายคนจับจ้องไปที่เขา
“คุณชายตระกูลไหนกันนะ รูปงามจริง”
“ใช่ ! เขาดูไม่เหมือนบัณฑิตที่บอบบางพวกนั้นเลยดูแขนของเขาสิล่ำสันมาก ข้าเชื่อว่าเขาอุ้มคนได้ทั้งตัวเลยนะ”
“เจ้าไม่ลองถามหรือว่าเขาเป็นใคร?”
“หน้าตาเขาดุร้ายเช่นนั้น ข้าไม่กล้าหรอก”
สายตาของเด็กสาวเหล่านั้น พากันแอบชำเลืองมองและซุบซิบถึงเว่ยฉิงไม่ได้หยุด แต่ไม่มีสาวใดหาญกล้าเข้าไปทักทายเขา ระหว่างที่พวกนางกำลังลังเลอยู่นั้น เขาเดินตรงไปยังหน้าต่างของร้านน้ำชา เด็กสาวเหล่านั้นเห็นความเย็นชาของใบหน้าเขาหายไป มีความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ทำให้พวกนางตกตะลึง
ที่หน้าต่างของร้านน้ำชา มีหญิงสาวท้องใหญ่ผู้หนึ่งยื่นมือออกมารับโคมไฟกระต่ายจากมือของเขา นางเป็นหญิงมีครรภ์ที่งดงามหาตัวจับยาก เมื่อยืนคู่กันแล้วสมกันราวกับคู่สรรค์สวรรค์สร้าง
เด็กสาวๆ เหล่านั้นพากันมองดูอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนหน้านี้พวกนางผิดหวังเมื่อเห็นว่าหนุ่มหล่อเหลามีภรรยาเสียแล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความรักของทั้งสองคน พวกนางได้แต่รู้สึกอิจฉาเท่านั้น
เว่ยฉิงปีนเข้าไปที่หน้าต่าง นั่งลงข้างๆ ถังหลี่ดูนางเล่นกับหูกระต่าย
“ชอบไหม?” เว่ยฉิงถาม
ถังหลี่พยักหน้า “สามี ท่านชนะการทายปริศนาหรือ?”
เมื่อพบกันครั้งแรกนั้น สามีของนางดูเป็นคนหยาบกระด้าง แม้จะอ่านหนังสือออก เขียนตัวอักษรได้ แต่ไม่ใช่คนมีไหวพริบเก่งกาจอะไร แต่หลังจากที่เขาผ่านการฝึกฝนเป็นเวลาสองปี เขากลับเขียนหนังสือได้ อ่านหนังสือคล่องจนไม่มีใครกล้ามาดูถูกเขาได้อีกต่อไป
แต่ถังหลี่ไม่เข้าใจ เขาไม่ได้เก่งกาจเหมือนบัณฑิต การที่เขาตอบปริศนาเพื่อชิงโคมกระต่ายได้มาอดทำให้ถังหลี่ประหลาดใจไม่ได้ เว่ยฉิงส่ายหน้าไปมา
“แล้วท่านได้มาอย่างไร?” นางอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น
“ข้ารออยู่บริเวณนั้น มีชายคนหนึ่งไขปริศนาออกถึงห้าข้อติดกัน ข้าเลยขอซื้อต่อจากเขามาอีกที” เว่ยฉิงพูด ถังหลี่นิ่งอึ้งไป นางคลี่ยิ้มออกมา
“ภรรยาเจ้าหัวเราะเยาะความโง่เขลาของข้าหรือ? เว่ยฉิงพึมพำ
เขาต้องเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ แต่ไม่ใช่การอ่านหนังสือ เว่ยฉิงนิสัยเหมือนซานเป่า การอ่านหนังสือนั้นทำให้เขารู้สึกปวดหัว
“ข้าหัวเราะเพราะสามีข้าฉลาด” ถังหลี่จูบที่มุมปากของเขา
เมื่อได้ยินว่าภรรยาชื่นชมเขาทำให้ริมฝีปากของเขายกโค้งขึ้นมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะสังเกตได้ถึงความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของถังหลี่
“ฮูหยิน เรากลับกันเลยดีไหม?”
ถังหลี่มองไปที่ตลาด นางอยากเดินเล่นต่อแต่ก็เหนื่อยมากแล้ว ช่างเถิด เอาไว้ปีหน้า ตอนนี้นางยังต้องดูแลเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องของตัวเองก่อน
“กลับเถอะ”
ทั้งสองเดินออกจากตลาดกลับไปยังจวนอู่โหว ตอนที่เขาไปถึงประตูจวนก็เห็นว่าตู้เย่เดินจับมือกับซานเป่าอยู่นอกบ้าน เด็กหญิงใส่ชุดสีแดง มัดผมม้าดูน่ารัก ดวงตาของนางสว่างสดใสเมื่อเห็นบิดามารดา นางปล่อยมือตู้เย่รีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่”
ถังหลี่บีบแก้มของนางเบา
“ไปเที่ยวมาหรือ?”
ซานเป่าพยักหน้า ที่จริงแล้วนางยังอยากเที่ยวสนุกต่อ แต่อาจารย์กลับลากนางกลับจวน เขาพูดว่านางโตแล้ว นอนดึกจะไม่ดีกับสุขภาพ นางกลัวอาจารย์จึงได้แต่เดินกลับมาอย่างเชื่อฟัง
“มีอะไรที่น่าสนใจบ้างหรือไม่?” ถังหลี่ถาม
เด็กหญิงตัวน้อยจับมือมารดาเล่าสิ่งที่นางได้พบเจอ แต่ดวงตาของนางจับจ้องไปที่โคมไฟกระต่ายที่บิดาของนางถืออยู่
“ข้าอยากได้โคมไฟกระต่าย ข้าขอร้องให้อาจารย์ทายปริศนาโคมไฟ แต่อาจารย์ปฏิเสธบอกว่ามีแต่เด็กน้อยเท่านั้น…”
ซานเป่าเหลือบมองตู้เย่ที่เอามือไพล่หลัง ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ซานเป่ายืนเขย่งเท้า กระซิบกับมารดา พูดเสียงเบา
“ที่จริงเขาไม่รู้คำตอบ!”
ตู้เย่มองนางทันที ซานเป่ายิ้มประจบ ตะโกนร้องว่า
“อาจารย์ใจดี ท่านซื้อขนมอร่อยๆ ให้ข้ากินเจ้าค่ะ”
เป็นธรรมดาที่โคมไฟจะถูกยกให้ซานเป่าไป
หลังจากกลับไปเรือน ถังหลี่และเว่ยฉิงอาบน้ำเสร็จก็พากันล้มตัวลงนอน คืนนี้ถังหลี่มีความสุขจนล้นปรี่ทำให้นางนอนไม่หลับ
เว่ยฉิงจุมพิตที่ขนตาของนาง
“เจ้ายังเล่นสนุกไม่พอหรือ?” ถังหลี่พยักหน้ารับ
“เทศกาลซีซีในเมืองหลวงดูมีชีวิตชีวามาก”
“ฮูหยิน ไว้เราจะไปเดินเล่นกันใหม่ในปีหน้า” เว่ยฉิงพูดพร้อมกับกอดนางไว้ในวงแขน เขามองใบหน้าที่งดงามของภรรยา หัวใจเขาอ่อนลง
ชายหนุ่มคิดขอพรอยู่ในใจ ขอให้เช่นนี้ทุกๆปี
[1] “เทศกาลซั่งหยวนเจี้ย” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “เทศกาลหยวนเซียว” จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 เป็นวันฉลองเทศกาลเทพแห่งฟ้าประทานพร โดยชาวบ้าน จะมีการจัดงานรื่นเริงในการประกวดโคมไฟ ทายปัญหา รวมทั้งมีการแสดงหลากหลายอย่างเป็นที่ครึกครื้น โดยลัทธิเต๋าเชื่อกันว่าเทศกาลหยวนเซียว เป็นวันที่เทพแห่งฟ้าประทานพรให้กับโลกมนุษย์ นอกจากนี้ในเทศกาลโคมไฟซั่งหยวน เด็ก ๆ จะถือโคมไฟกระดาษ ออกไปวัดกันในตอนกลางคืน และพากันทายปริศนาที่อยู่บนโคมไฟ เรียกว่า ไชเติงหมี