บทที่ 573 จดจำไว้
เมื่อฉื่อลิ่วพาฉื่อซานกลับไปที่จวนสกุลอู่โหวในตอนกลางดึกทั้งคู่มีสภาพเปื้อนเลือด ฉื่อซานตกอยู่ในอาการปางตาย
สักพักฮูหยินถึงได้เดินออกมา ฉื่อลิ่วรายงานนางเรื่องที่นายท่านตกหน้าผา ทั้งฉื่อลิ่วและองครักษ์เงาคนอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ต่างรู้ดีถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของนายท่านและฮูหยิน เขากลัวว่าฮูหยินจะรับไม่ได้เมื่อทราบข่าวเพราะตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ใบหน้าของถังหลี่เพียงแต่ซีดลงเท่านั้น
“ฉื่อลิ่ว พาฉื่อซานไปหาหมอซูแล้วค่อยมาหาข้า” ถังหลี่พูด
“ขอรับฮูหยิน” เขาพาฉื่อซานออกไป
ถังหลี่ยืนนิ่งพิงเสาอยู่เช่นนั้น นางไม่คาดคิดเลยว่าความฝันของนางไม่ใช่เพียงลางบอกเหตุแต่กลายเป็นเกิดเหตุการณ์นั้นไปแล้ว สามีของนางโดนลอบฆ่าถูกลูกธนูยิง เขาตกลงไปจากหน้าผา…
ถังหลี่เม้มริมฝีปากแน่นหันหลังกลับเข้าไปในห้องทำงาน นางหยิบพู่กันและกระดาษออกมาเขียน เมื่อฉื่อลิ่วมาถึงจดหมายของถังหลี่ได้เขียนเสร็จแล้ว
“ส่งจดหมายนี้ไปที่มณฑลวั่งเซี่ยน…” ถังหลี่พูดถึงเหลาอาหารและชื่อของบุคคลผู้หนึ่ง
ในช่วงเวลาหลายปีมานี่ ถังหลี่ได้กระจายเครือข่ายผ่านข่าวกรองของตัวเองโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลชิงเหอ และกระจายตัวลามไปถึงมณฑลอื่น วั่งเซี่ยนก็เป็นหนึ่งในนั้น จดหมายฉบับนี้นางขอให้เครือข่ายข่าวกรองของนางตามหาเว่ยฉิง
“ขอรับฮูหยิน” ฉื่อลิ่วรับจดหมายแต่ก็ยังไม่ออกไป ความจริงแล้วองครักษ์เงาเช่นเขามีหน้าที่เพียงรับฟังคำสั่งเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจห้ามใจได้
“ฮูหยิน…ฝากดูแล…” ถังหลี่พยักหน้า
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเอง เจ้าห่วงก็ค่อยกลับมาดู”
ฉื่อลิ่วหายไปทันที ถังหลี่หันกลับไปที่ห้องนอนลงบนเตียงของตัวเอง แต่ความคิดของนางก็ยังฟุ้งซ่านจนไม่หลับ
นางต้องการเจอกับเทียนเต๋า.. แต่ครั้งที่แล้วเขาเป็นฝ่ายมาหานางก่อน ทำให้นางไม่รู้ว่าจะตามเขาได้อย่างไร..
อาจจะเพราะด้วยแรงปรารถนาที่จะอยากพบเจอกับเทียนเต๋าทำให้นางถูกดึงไปเข้าไปในโลกแห่งจิตใต้สำนึก เด็กหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในโลกใบนั้น
เมื่อเห็นถังหลี่หันหลังให้ เขาเดินเข้าไปเงียบๆ หวังจะทำให้นางตกใจ
“ลูกสาว!”
“ถังถัง!”
เขาตะโกนสองครั้ง ถังหลี่ถึงได้หันมามอง ใบหน้างดงามของนางเรียบเฉย การจ้องมองทำให้เขาชะงัก
“สามีของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถามตรงๆ
“ก็…เจ้าไม่ได้ฝันเห็นเขาหรอกหรือ?”
“ข้าฝัน มีบางอย่างเกิดขึ้นกับสามีข้า” ถังหลี่กล่าว
“เจ้ารู้แล้วสินะ..”
ถังหลี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา จนเขาหัวหดไม่กล้าที่จะหยอกล้ออีกต่อไป
“ความฝันควรจะเป็นการบอกเหตุล่วงหน้า เกิดอะไรขึ้นกับนิ้วทองคำของข้า?” ถังหลี่หรี่ตามองเขา
“บางครั้งมันก็อาจจะล้มเหลวไปบ้าง…” เขาอธิบายด้วยเสียงเบาๆ
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ โชคของเจ้าจึงถูกแบ่งออกไป บางอย่างที่เกิดขึ้นจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
“แล้วสามีของข้ายังมีชีวิตอยู่ไหม?” ถังหลี่ถาม
นางรู้ดีว่าเหตุได้เกิดขึ้นแล้ว จึงไม่ขอให้เขาช่วยแก้ไข แต่นางอยากได้คำตอบเท่านั้น ทว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมตอบเอาแต่กลอกสายตาไปมา
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับสามีข้า ข้าจะไม่ทำต่อ” ถังหลี่ขู่
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกิริยาต่อต้าน เย็นชาเช่นนี้ของนาง
“สำหรับข้าแล้ว สามีของข้ามีความสำคัญที่สุด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาข้าจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไป” น้ำเสียงของนางเด็ดขาด
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สามีกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง เมื่อนางมีสามีอยู่ข้างกาย ถังหลี่พร้อมที่จะสร้างโลกที่น่าอยู่ แต่ถ้าเว่ยฉิงจากไปแล้วนางจะสนใจโลกใบนี้ไปเพื่อเหตุใด
“ลูกสาว เจ้าทำให้ดีที่สุด” เทียนเต้าพูดอย่างมีนัย
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดวงตาของนางสว่างขึ้นทันที
“ดี ข้าเข้าใจแล้ว ลาก่อน” ร่างของถังหลี่ก็หายไปจากโลกใต้สำนึกทันที
“….”
เทียนเต๋ารู้สึกเหมือนโดนทิ้งไว้กลางทางอีกคร้้ง
ถังหลี่ได้รู้จากเทียนเต๋าแล้วว่าเว่ยฉิงยังมีชีวิตอยู่ นางจะรักษาตัวให้ดีแล้วรอเขากลับมา!
……
เหนื่อยมาก…อยากหลับเหลือเกิน…
“นายท่าน”
“นาย!
เสียงที่ดังก้องอยู่ในหูทำให้เขาไม่อาจจะหมดสติผล็อยหลับไปได้ เมื่อเว่ยฉิงรู้สึกตัวขึ้นมา ความเจ็บปวดได้แล่นริ้วไปทั่วร่างกายของเขาราวกับถูกหินทับเอาไว้บดขยี้ให้ร่างกายและวิญญาณแยกออกจากกัน
เขาลืมตาแทบไม่ขึ้น เห็นแต่แสงสีขาวสว่างจ้า
ตาของเขาถูกปิดด้วยบางอย่างที่เหนียวหนืด เว่ยฉิงอยากจะเช็ดออกแต่พบว่าเขาไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นได้เลย
“อย่าเพิ่งลืมตา เจ้ายังไม่ชินอีกสักพักคงจะดี” เสียงผู้เฒ่าคนหนึ่งดังขึ้น เว่ยฉิงค่อยๆ มองเห็นสิ่งต่างๆ จิตใจของเขาสับสน
เขาถูกยิงด้วยธนูจนตกจากหน้าผา…หน้าผาค่อนข้างสูง โชคดีที่มีต้นไม้จำนวนมาก เขาจึงตกลงบริเวณต้นไม้พวกนั้นแล้วลื่นไถลตกลงไปในแม่น้ำ เขาหมดสติตั้งแต่ตอนที่ชนเข้ากับต้นไม้ หากเมียของเขารู้ว่าเขาหายไปล่ะก็…
“ฮูหยิน!”
เว่ยฉิงที่ดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรง ทันใดนั้นเขากลับคว้าบางอย่างเอาไว้ได้ เมื่อเขามองเห็นได้ชัดเจนจึงพบว่าเป็นมือข้างหนึ่ง เจ้าของมือข้างนั้นกำลังมองตรงมายังเขาอย่างรังเกียจ
เว่ยฉิงรีบปล่อยออกอย่างลำบากใจ เขาอ่อนเพลียมาก ได้แต่กลอกตามองไปรอบๆ ที่เขาอยู่
เขาอยู่ในบ้านไม้ธรรมดาที่ทรุดโทรม มีรูรั่วหลายแห่ง ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาตามรูรั่วแห่งนั้น เขามองไปที่ชายสูงอายุ คนผู้นั้นหลังค่อมดูมีอายุสักสี่สิบหรือห้าสิบปี
“เจ้าช่วยข้าไว้หรือ?” เว่ยฉิงถาม
“อ่ะ อ่ะ อ่ะ..
“ที่นี่ที่ไหน?”
“อ่ะ อ่ะ อ่ะ”
“….”
เว่ยฉิงคิดว่าผู้เฒ่าคนนี้หยอกเย้าเขา แต่เอาความผิดไม่ได้ เขาไม่รู้ตัวว่าตอนนี้คอเขาแห้งมากจนทำให้เสียงแหบไปหมดทั้งยังไร้เรี่ยวแรงอีกด้วย
ผู้อาวุโสผู้นั้นจึงได้ยินแค่เสียง “อ่ะ อ่ะ”
ในที่สุดเขาจึงตระหนักว่าไม่สามารถสื่อสารกับคนผู้นี้ได้
ร่างกายท่อนบนของเว่ยฉิงเปลือยเปล่า ที่หน้าอกของเขาเป็นแผล ร่างกายถูกพันด้วยผ้า ผู้เฒ่าเอื้อมมือมาดึงแถบผ้าพันแผลออก
ในมือของเขามีถ้วยยาสีดำเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ถูกผสมเข้าด้วยกัน เขาจัดแจงป้ายยาลงบาดแผลของเว่ยฉิง แผลของเขาเกิดจากลูกธนูที่พุ่งเข้าแทงทะลุอก
เป็นครั้งแรกที่ผู้เฒ่าได้เห็นแผลที่อันตรายเช่นนี้ ผู้ชายคนนี้ได้เฉียดความตายมาแล้ว ลูกธนูดอกนั้นเบี่ยงจากหัวใจของเขาไปเพียงนิดเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะรักษาชีวิตเขาเอาไว้ไม่ได้
ยาของเขามีประสิทธิภาพมาก คนในหมู่บ้านที่โดนหมาป่ากัดหลายคนก็มีอาการดีขึ้น
แต่ตัวยาค่อนข้างแรง ต่อให้เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด นั่นทำให้เขาปวดหัว
เขาเตรียมพร้อมที่จะได้ยินเสียงร้องโหยหวนอีกครั้ง จึงได้ใส่ยาลงที่บาดแผล ผลที่ได้คือชายหนุ่มตรงหน้าเพียงขมวดคิ้วและเกร็งร่างกายเท่านั้นไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกมา ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เขายังไม่หยุดมือป้ายยาลงไปที่บาดแผลจนหมดจากนั้นจึงได้พันด้วยแถบผ้าอีกครั้ง
“น้ำ…” เว่ยฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก
ผู้เฒ่าไม่สนใจ เขาหันหลังเดินจากไป