บทที่ 597 ขอพระราชทานองค์หญิงจิ้งชู
จินเซ่อและฮ่าวตุ้นกำลังสนทนากันเรื่ององค์หญิงจิ้งชู นางบอกว่าองค์หญิงจิ้งชูเปรียบเสมือนดาวนำโชคแห่งต้าโจว เป็นดั่งไข่มุกบนฝ่าพระหัตถ์ของฮองเต้ นางงดงามและมีเสน่ห์ สดใส เป็นหญิงสาวที่ชายหนุ่มนับไม่ถ้วนหมายปอง ทำให้ฮ่าวตุ้นจดจำนางเอาไว้
พระธิดาสุดที่รักของฮ่องเต้หรือ…หากได้นางมาครอบครองคงมีค่ายิ่งกว่าได้อาหารม้า!
ระหว่างงานเลี้ยงวันนั้น เขามองหาองค์หญิงจิ้งชู แต่ก็ไม่พบนาง
ที่จริงแล้ว องค์หญิงจิ้งชูมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน นางอยากไปงานเลี้ยงรับรองทูต
“อาจื่อ เจ้าป่วยอยู่อย่าไปงานเลี้ยงเลย” กู้หวนจิ่นพูด
“ข้าไม่ได้ป่วย” องค์หญิงจิ้งชูประหลาดพระทัย
“เจ้าป่วย” ความคิดของกู้หวนจิ่นนั้นคาดเดายากมาก หากเป็นในช่วงเวลาปกติทั้งคู่คงจะต่อล้อต่อเถียงกัน แต่เมื่อกู้หวนจิ่นจริงจังองค์หญิงจิ้งชูจึงมีท่าทีอ่อนลง นางประสานมือไว้บนตักและพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ข้าป่วย”
“ไม่ไปงานเลี้ยง”
“ไม่ไป”
กู้หวนจิ่นไม่รู้ว่าในคณะราชทูตมีองค์ชายรองของฮั่นอยู่ในคณะด้วย แต่ในชาติที่แล้ว องค์หญิงจิ้งชูต้องไปแต่งงานกับเผ่าฮั่น เขาจะไม่ยอมให้อาจื่อได้เจอพวกฮั่นแน่นอน…
…
ทว่ามีบางอย่างอยู่เหนือความคาดหมายของกู้หวนจิ่นไป
วันถัดมา
ราชทูตฮั่นเข้าขอพระราชทานอภิเษกองค์หญิงจิ้งชูกับฮ่องเต้โจว หากฮ่องเต้ยอมให้องค์หญิงจิ้งชูอภิเษกสมรสกับองค์ชายรองเผ่าฮั่น เขาจะนำกำลังพลของซยงหนูไปโจมตีต้าฉีและจะไม่นำทัพมาตีต้าโจว
“โจมตีต้าฉี?” ฮ่องเต้โจวครุ่นคิดสายพระเนตรหม่น
ในยามนี้ต้าฉีและต้าฉู่ผนึกกำลังเพื่อโจมตีต้าโจว หากซยงหนูสามารถเอาชนะกองทัพทั้งสองได้ก็อาจจะทำให้แผ่นดินรวมกันเป็นปึกแผ่น ในปีที่เก้าของต้าโจว แคว้นต้าโจวจะค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นจากที่เดิมอ่อนแอมากที่สุดในสามแคว้น ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวทุกพระองค์หมายจะรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น หากในครั้งนี้สามารถรวบรวมได้ในรัชสมัยของพระองค์ ความสำเร็จนี้คงจะถูกจารึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
แน่นอนว่าซยงหนูเปรียบเสมือนหมาป่าที่ดุร้าย การร่วมมือกับซยงหนูเท่ากับเป็นการดับกระหายด้วยยาพิษ ฉันใดก็ฉันนั้น โอกาสที่จะร่วมมือกันจึงเป็นไปได้น้อยมาก อาจื่อเป็นธิดาคนโปรดของเขา ฮ่องเต้โจวย่อมไม่เต็มใจที่จะยกนางให้กับเผ่าซยงหนู
หากเป็นธิดาคนอื่นที่ไม่ใช่นาง…
“องค์หญิงจิ้งชูซุกซนมากเกินไป ข้ามีบุตรสาวที่อายุน้อยกว่านางทั้งยังอ่อนโยนน่ารัก นางคงเหมาะกับองค์ชายรองมากกว่า” ฮ่องเต้โจวตรัส
“ทูลฝ่าบาท องค์ชายรองเคยพบองค์หญิงจิ้งชูมาก่อน พระองค์ตกหลุมรักองค์หญิงตั้งแต่แรกพบ องค์ชายจึงไม่มีใจคิดถึงองค์หญิงพระองค์อื่นเลย” ท่าทีของราชทูตมั่นคงมาก
“ขอข้าตรึกตรองดูก่อน” ฮ่องเต้โจวกล่าว
….
เหตุการณ์นี้ล่วงรู้ไปถึงองค์หญิงจิ้งชูและกู้หวนจิ่นทันที
“ราชทูตขอพระราชทานอภิเษกสมรสกับข้าหรือ?” องค์หญิงจิ้งชูได้ยิน นางรู้สึกหวาดกลัว รีบซักถามต่ออย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาทเห็นด้วยหรือไม่?”
“องค์หญิงไม่ต้องกังวลเพคะ ฝ่าบาททรงไม่เห็นด้วยเพคะ” นางกำนัลกล่าว
ทำให้องค์หญิงถอนพระทัยด้วยความโล่งอก
“ฝ่าบาททรงปฏิเสธไปหรือไม่?” นางกำนัลส่ายศีรษะ
พระพักตร์ของนางซีดเผือดลง นางคิดว่าเสด็จพ่อรักนางมากจนปฏิเสธข้อเสนอไปอย่างไม่ใยดี แล้วเหตุใดกัน…
องค์หญิงจิ้งชูทอดพระเนตรไปยังกู้หวนจิ่น ใบหน้าของเขาไร้สีเลือดไม่ต่างไปจากนาง
“หวนจิ่น” องค์หญิงจิ้งชูจับชายเสื้อของเขา กู้หวนจิ่นได้สติหันกลับมามององค์หญิง
เมื่อเขาได้ยินข่าวเช่นเดียวกับที่เกิดในชาติที่แล้ว กู้หวนจิ่นรู้สึกถึงความสิ้นหวังและหวาดกลัว หากเป็นคนอื่นเขายังอึดอัด ไม่ต้องพูดถึงอาจื่อผู้เป็นที่รักของเขา แม้จะมีความเป็นไปได้แค่เพียงเศษเสี้ยวว่าจะซ้ำรอยเดิมเหมือนในชาติที่แล้วกระนั้นก็ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เขายื่นมือไปลูบเกศาที่ยาวสลวยของนางเพื่อปลอบประโลม
“อย่ากลัวไปเลย ข้าจะไปทูลฝ่าบาทเอง” หลังจากพูดจบ เขาเตรียมจะเดินออกไป หากองค์หญิงจิ้งชูกลับรั้งเขาเอาไว้ นางคลี่ยิ้มกล่าวว่า
“หวนจิ่น ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเอง เสด็จพ่อรักข้ามาก ท่านจะทรงปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“อาจื่อ เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ” กู้หวนจิ่นตอบเขายังเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนรักอย่างอ่อนโยน
การแต่งงานของเขาและอาจื่อยังติดขัดอยู่ แม้ว่าเขาจะต้องพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ แต่ทว่าเขาต้องการให้พระองค์ปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานขององค์ชายรองในครั้งนี้ พวกเขาทั้งคู่ยังไม่ได้หมั้นหมายกันจึงไม่มีหลักประกันว่าในภายหน้าจะไม่มีผู้อื่นมาสู่ขอนางอีก
เขาจำเป็นจะต้องให้ฝ่าบาทตกลงรับคำสู่ขอของเขาให้จงได้
“อาจื่อเป็นเด็กดี เจ้าเชื่อฟังข้านะ” กู้หวนจิ่นว่า
ในยามที่เขาจริงจังเช่นนี้ กู้หวนจิ่นดูมีเสน่ห์มาก องค์หญิงจิ้งชูพยักหน้ารับ
….
กู้หวนจิ่นไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้โจว
ฮ่องเต้โจวประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรทอดพระเนตรไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านล่าง ผู้คนในสกุลกู้ล้วนหน้าตาดี ผู้ชายล้วนหล่อเหลา บุตรสาวก็งดงาม
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าบุตรคนที่สามของสกุลกู้จะดูดีเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามบุตรคนที่สามของสกุลกู้นั้นไม่เอาไหนที่สุด เขาเคยเป็นหนุ่มเสเพลมาก่อน แต่ตอนนี้ทำงานเป็นองครักษ์ให้กับอาจื่อ…
เหตุผลที่จักรพรรดิโจวไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของทั้งสองคนเป็นเพราะเขาหวาดระแวงว่าสกุลกู้จะมีอำนาจมากเกินไป และประการที่สองก็คือคุณชายสามสกุลกู้นั้นไม่เหมาะสม..
แม้ว่าจะกล่าวว่าราชบุตรเขยไม่สมควรมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในราชสำนัก แต่ก็ไม่สมควรที่จะเป็นผู้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ชายคนนี้ไม่คู่ควรกับอัญมณีล้ำค่าที่เขาโปรดปรานสักนิด
“เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?” ฮ่องเต้โจวตรัสถาม
“ฝ่าบาท กระหม่อมอยากขอพระราชทานอภิเษกสมรสขององค์หญิงจิ้งชูและกระหม่อมพะย่ะค่ะ” กู้หวนจิ่นคุกเข่าลง เอ่ยพูดอย่างหนักแน่นจริงใจ พระพักตร์ของฮ่องเต้โจวเรียบเฉย
“เหตุใดข้าจะต้องยกจิ้งชูให้เจ้าด้วยเล่า?”
“กระหม่อมยินดีเป็นทูตไปที่ต้าฉีเพื่อเกลี้ยกล่อมไม่ให้ต้าฉีจับมือกับต้าฉู่พะย่ะค่ะ” กู้หวนจิ่นกล่าว
“แม้ตัวกระหม่อมจะไร้ความสามารถ แต่วาทศิลป์ในการเจรจาของกระหม่อมนับว่าเป็นยอด”
“การจับมือในครั้งนี้เริ่มจากต้าฉี ไม่ว่ามองมุมไหนการไปเกลี้ยกล่อมต้าฉู่ย่อมง่ายกว่า แต่เจ้าจะบอกว่าต้องเข้าหาต้าฉีที่ยากกว่างั้นหรือ? ข้าได้ส่งคนไปที่ต้าฉู่แล้ว..”
“ราชทูตที่ไปต้าฉู่ได้ส่งข่าวดีมาหรือไม่พะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้โจวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ส่ายพระเศียร
“มีราชทูตที่เข้าไปในต้าฉู่แล้ว ทางแคว้นต้าฉีเองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย” กู้หวนจิ่นกล่าว
“เจ้าจะเอาเหตุผลอะไรไปเกลี้ยกล่อมต้าฉี?” ฮ่องเต้โจวกล่าว
“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีของต้าฉีเป็นผู้เสนอให้แคว้นต้าฉีร่วมมือกับต้าฉู่เพื่อโจมตีต้าโจว ทว่าซ่งเหลา พระปิตุลาของฮ่องเต้ฉีกลับไม่เห็นด้วย ทำให้เกิดความขัดแย้ง แบ่งเป็นสองฝ่าย กระหม่อมคิดว่าน่าจะเริ่มต้นจากตรงนี้…”
สายพระเนตรของฮ่องเต้เฉียบคมขึ้น
สิ่งที่กู้หวนจิ่นเอ่ยออกมานั้นนับว่าเป็นเรื่องที่เขาได้ตรึกตรองเอาไว้แล้วเช่นกัน
ราชทูตที่ส่งไปต้าฉู่ไม่มีข่าวดีส่งกลับมา ฮ่องเต้ต้องการส่งคนไปที่ต้าฉี ทว่ายังไม่เจอคนที่เหมาะสม…
เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้โจวคิดจนปวดพระเศียร
เขาไม่ได้คาดหวังว่าหนุ่มเสเพลอย่างกู้หวนจิ่นจะมีแง่คิดที่คมคายเช่นนี้ สายพระเนตรของฮ่องเต้โจวทรงพระโสมนัสขึ้นมาทันที
ฮ่องเต้โจวตรัสถามคำถามอีกสองสามข้อ คำตอบที่ได้รับนับเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอันมาก
“ตกลง ข้าจะให้แต่งตั้งให้เจ้าเป็นทูตไปยังต้าฉี หากสำเร็จข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับอาจื่อ” ดวงตาของกู้หวนจิ่นเป็นประกาย เขารีบทำความเคารพทันที
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
“การเดินทางในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ข้าจะให้อู่อวี้ เจ้ากรมอาญาเดินทางไปกับเจ้า” พระองค์ตรัสต่อ